:::     :::

คาเซมิโร่ฟอร์มดรอป จากผลกระทบเชิงจิตวิทยา

วันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
6,148
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฟอร์มของคาเซมิโร่ ไม่พีคเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ อะไรเป็นสาเหตุให้การเล่นของลดระดับลง และวิธีแก้ปัญหานี้ต้องทำยังไงกันแน่ บทความนี้น่าจะเป็นคำตอบที่ดีได้

หลังเกมที่แมนยูไนเต็ดพลาดชัยชนะที่น่าจะบุกไปเก็บสามแต้มจาก ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ได้ หลังจากที่บุกมานำก่อนถึง 0-2 แต่โดนยิงในครึ่งหลังสองลูกจากต้นครึ่ง และท้ายครึ่ง สุดท้ายจึงต้องแบ่งแต้มไปคนละคะแนน สำหรับแมนยูอาจจะดูน่าเสียดายมากกว่าหน่อย เพราะตอนแรก "สามแต้ม" อยู่ในมือแล้ว แต่ด้วยปัจจัยของปัญหาหลายๆอย่างในครึ่งหลัง เกมจึงเปลี่ยน และโดนไล่ตามตีเสมอทีละลูกจนสำเร็จ

ซึ่งเหตุผลสำคัญๆของครึ่งหลังคือ ท็อตแน่มแก้แทคติกมาได้ดีมากๆ ทั้งเรื่องการครองบอลที่ทำได้มากกว่าเดิม ส่งผลให้โอกาสบุกของพวกเขาเยอะกว่าครึ่งแรกอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งเรื่องของสภาพจิตใจ ที่ไปกระตุ้นกันมาอย่างดี จากเดิมเล่นกันซังกะตายและไม่มีความเข้มข้นในการเล่น ครึ่งหลังสเปอร์สได้รับแรงฮึดมาเต็มๆ

กระบวนการเล่น High Pressing ที่ดันเกมขึ้นมาบีบใส่แนวสุดท้ายของแมนยูจนทำให้ปีศาจแดงไม่อาจจะตั้งเกมได้ง่ายๆเหมือนครึ่งแรก แถมแก้จุดอ่อนด้วยการแพ็คพื้นที่ริมเส้นด้านหลังวิงแบ็ค ซึ่งเคยเป็นช่องโหว่ให้ปีกแมนยูบุกทะลวงได้ง่ายๆตลอดครึ่ง พอลงมาครึ่งหลังก็ไม่เหลือพื้นที่ให้เล่นอีกต่อไป

ขณะที่ปัจจัยของฝั่งแมนยูเอง มีเกมการเล่นที่ดรอปลงไปในครึ่งหลัง เหมือนผ่อนเกม และการเล่นไม่เข้มข้นเหมือนครึ่งแรก อันนี้ชัดมากที่เล่นเหมือนยุบๆ ประมาทกัน ข้อนี้ควรแก้ไขมากๆในปีหน้า ประสบการณ์ และ สมาธิในการรักษาเกมด้วยความเก๋า เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ไม่ใช่ว่าเล่นดีครึ่งแรก แต่รักษาสกอร์ไว้ครึ่งหลังไม่ได้ อย่างนี้ก็ไม่เอา เป็นจุดบกพร่องที่ต้องปรับปรุงด่วนๆ

และปัญหาสำคัญ คือเรื่องของ Squad Depth คุณภาพเชิงลึกของทีมที่ตัวสำรอง กับตัวจริง ห่างชั้นกันมากๆ สำรองลงมาทีไรเกมมักจะเปลี่ยนและเสียเปรียบอยู่เสมอ ซึ่งผู้จัดการทีมจะไม่เปลี่ยนก็ไม่ได้ เพราะนักเตะกรอบกันมากๆ และมันจำเป็นต้อง rotation อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ

เกมที่เคยดีๆ จึงมักจะดรอปไปจากการเปลี่ยนตัวอยู่เสมอ

ทุกอย่างนี้เป็นปัญหาในภาพรวมคร่าวๆของเกมที่แมนยูไนเต็ดทำได้แค่เสมอกับท็อตแน่มไป 2-2 แม้อาจจะดูย่ำแย่ที่โดนตีเสมอ แต่จริงๆสถานการณ์แมนยูยังห่างไกลคำว่าคับขันมากนัก ยังมีบัฟเฟอร์ให้พลาดได้อีกหลายนัด ขณะที่คะแนนของทีม เก็บชัยชนะ 4 จาก 7 ที่เหลือให้ได้ ก็น่าจะวินอันดับท็อปโฟร์แล้วด้วยคะแนน 72 ถึง 74 แต้มราวๆนี้ ก็พอแล้วสำหรับค่าเฉลี่ยไป UCL

ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่สิ่งหนึ่งที่ "เป็นห่วง" จริงๆ และอยากจะหยิบมาพูดถึง คือประเด็นเรื่องฟอร์มการเล่นของนักเตะขวัญใจแฟนผี ขาดไม่ได้ขาดใจอย่าง "คาเซมิโร่" ที่เป็นหัวข้อซึ่งน่าสนใจที่จะนำมาคุยกันในเรื่องเกี่ยวกับการเล่นของเขาที่ลดประสิทธิภาพลงอย่างค่อนข้างชัดเจน

พูดง่ายๆว่าฟอร์มดูดรอปๆไปนั่นเอง

เพราะอะไรคาเซมิโร่ถึงเป็นแบบนี้ ฟอร์มดรอปจริงหรือไม่ มันมีเหตุผลอะไรกันแน่

สิ่งที่แฟนผีคงจะรู้กันอยู่แล้วนั่นก็คือ เหตุผลหลักๆที่คาเซมิโร่ฟอร์มดรอปลง คงเป็นเพราะความกังวลจากการที่เขาโชคร้าย เจอการตัดสินอย่างไม่เป็นธรรมถึงสองครั้ง ที่ทำให้เจ้าตัวโดนใบแดง สองใบแรกในชีวิตการเป็นนักฟุตบอลมาสิบกว่าปี ทั้งที่ไม่เคยโดนมาก่อน

แต่ทั้งสองใบของคาเซมิโร่ เป็นจังหวะที่ "ไม่ควรแดง" ทั้งสองครั้งเลยด้วยซ้ำ แต่นั่นทำให้เจ้าตัวถูกลงโทษห้ามลงแข่งเกมในประเทศไปถึง "7 เกม" เข้าไปแล้ว 

Direct Red Card ใบแรก เกิดขึ้นจากอังเดร มาริเนอร์ ในเกมที่แมนยูเจอคริสตัล พาเลซ เกิดจังหวะที่คาเซมิโร่ไปจับคอวิล ฮิวจ์ส ทั้งๆที่ไม่ได้บีบ และเข้าไปแยกเพื่อนออกด้วยซ้ำ กลับโดนใบแดงตรง เจ้าตัวโดนแบนไปสามเกมแบบฟรีๆอย่างน่าเจ็บใจ และกลับมาได้ทันในนัดชิงชนะเลิศคาราบาวคัพกับนิวคาสเซิล

ก่อนที่ใบต่อมา จะโชคร้ายซ้ำสอง จากจังหวะที่เสียบสไลด์ไปที่บอล แล้วเท้ากระเด้งขึ้นไปยันโดนหน้าแข้ง ก่อนที่จะเจอกรรมการห้องVAR (มาริเนอร์เจ้าเดิมที่แจกแดงให้คาเซฯ) มีการเรียกให้อันโทนี่ เทย์เลอร์ ไปดูภาพช้าจังหวะที่ตัดช็อตมาเน้นย้ำให้ดูตอนที่เท้าไปยันแข้งคาร์ลอส อัลวาเรซอย่างเดียว โดยไม่ดูเจตนาและต้นสายปลายเหตุของจังหวะนั้นเลย เขาจึงโดนเทย์เลอร์แจกใบแดงตรงอีกใบ

และเนื่องจากเป็นแดงใบที่สองเกิดซ้ำอีก เขาจึงโดนแบนเพิ่มรอบนี้เป็น 4 เกม ในช่วงนั้นที่ต้องเจอ ฟูแล่ม นิวคาสเซิล เบรนท์ฟอร์ด เอฟเวอร์ตัน ก่อนจะเพิ่งกลับมาในเกมบุกไปชนะฟอเรสต์ 0-2

รวมแล้ว เป็น 7 เกมสำคัญมากๆที่ทำให้แมนยูไนเต็ดเก็บผลการแข่งขันได้แย่กว่าที่ควรจะเป็น ในแมตช์ที่เจ้าตัวโดนใบแดง และเกมที่โดนแบนไปด้วย

การเจอสองใบแดงที่ไม่ควรจะได้เลยนั้น ทำให้คาเซมิโร่น่าจะเกิด "บาดแผลในใจ" พอสมควร ผ่านการเล่นของเจ้าตัวทั้งสองจังหวะ รอบแรกยังไม่อะไรเท่าไหร่ คาเซมิโร่ยังไม่มีปฏิกิริยาชัดเจนมากนักในการเล่น ถ้ามีอย่างเดียวที่เปลี่ยนคือ เวลาทีมมีปัญหากัน เขาจะไม่เข้าไปยิ่งอะไรกับใครแล้ว เพราะเข็ดกับรอบที่ไปจับคอเสื้อวิล ฮิวจ์ส อยู่ 

เวลาเพื่อนไฝว้กัน พี่แกเดินหนีทันที อันนี้ถือว่าดี ปลอดภัยมากๆ

แต่สิ่งที่น่าจะส่งผลกระทบเชิงจิตวิทยากับคาเซมิโร่จริงๆ คือช็อตเข้าบอล แล้วพลาดโดนแดงเกมเจอเซาธ์ พุ่งเข้าไปสไลด์แบบเต็มๆตัว แล้วไปเปิดหน้าปุ่มปะทะกับอัลวาเรซนั่นแหละ มันเป็นใบที่สองที่เกิดซ้ำกับเจ้าตัวในเวลาที่ไล่เลี่ยกับใบแรก ได้กลับมาเล่นไม่กี่เกม โดนแดงแบนไปอีกแล้ว

ต่อให้เป็นนักเตะที่จิตใจแข็งแกร่งขนาดไหนก็ต้องมียุบเหมือนกัน ซึ่งเรื่องนี้ควรจะ "เข้าใจ" คาเซมิโร่นะครับว่า ไม่แปลกเลยว่าทำไมเขาถึงได้ "แหยงการเข้าบอล" มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะใบแดงที่สองใบนี้เลย ที่ทำให้เขาต้องโดนห้ามลงสนามถึง 4 นัดอย่างน่าเจ็บใจ

การกลับมาครั้งนี้ คาเซมิโร่ลดความเข้มข้นในภาคเกมรับไปพอสมควร เจ้าตัวไม่ค่อยเข้าบอลทั้งตัว หรือเข้าบอลแบบอ่านตัดจังหวะแทคเกิลแบบขาดๆด้วยความหนักหน่วงอีกแล้ว แม้จะยังมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่มันลดความเข้มข้นลงมาก ทั้งปริมาณการเข้าบอลที่ลดลงไป ทั้งคุณภาพการเข้าเบียดปะทะ ที่ลดความหนักหน่วงลง ทำให้หลายๆครั้งการเข้าบอลมันไม่สำเร็จ การตัดเกมจึงไม่เด่นเท่าที่เคย 

และดูเหมือนว่าความมั่นใจในการเล่นของเขาก็จะลดหายลงไปด้วย จากที่เคยคล่องตัวกว่านี้ ประสาทสัมผัส และ awareness รอบๆตัวรับรู้ได้ดี ตอนนี้คาเซมิโร่ดูจะช้าลง และเล่นพลาดหลายอย่าง ทั้งการโดนฉกบอลไปจากการครอบครอง และการจ่ายบอลที่ไม่เฉียบคมเหมือนเดิม

เกิดอะไรขึ้นกับเขา

แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้น มันคือหนึ่งในเรื่องของการ "ปรับตัว" ที่คาเซมิโร่จะต้องเผชิญเช่นกัน หลังจากเล่นในลาลีกามาแรมปี เขาเพิ่งย้ายมาอยู่พรีเมียร์ลีก คงจะรู้แล้วว่าอะไรหลายๆอย่างมันต่างออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "กรรมการ" ที่ตัดสินแบบกาวๆ แจกใบแดงใบเหลืองแบบอคติ แบบ bias ก็มีให้เห็น 

มันคือกระบวนการปรับตัวของคาเซมิโร่ ที่ต้องลดความดุดันหนักหน่วงลงมา เพื่อให้เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ในพรีเมียร์ลีก และฟุตบอลอังกฤษได้ โดยไม่ต้องลงเล่น 3 นัด โดนแบน 6 นัด อยู่อย่างนี้

เชื่อว่าอีกสักระยะ อาจจะเป็นปีหน้า คาเซมิโร่อาจจะหาจุดสมดุลในการเล่นได้ดีกว่านี้ว่า เข้าบอลหนักแบบไหนให้ปลอดภัย การเล่นแบบใดที่ควรลดละเลิก เพราะจะได้ไม่โดนแจกใบเหลืองใบแดงทำให้ทีมลำบาก

ส่วนจุดแรกที่ต้องแก้ไข อยากให้คาเซมิโร่ขจัด "ความกังวล" ที่ก่อตัวในใจเขาขึ้นมาให้ได้ เรื่องความกังวลที่เกิดขึ้น มันเป็นผลเชิงจิตวิทยาจากการโดนทรีทแบบไม่เป็นธรรมของกรรมการนี่แหละ ที่เป็นตัว "กด" ให้การเล่นของคาเซมิโร่ไม่สามารถเล่นได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากต้องกลัวการตัดสินที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะโดนเล่นงานเมื่อไหร่ มันน่าเห็นใจมากสำหรับเขา

เป็นเกมจิตวิทยาที่ต้องสู้กับคู่ต่อสู้ที่มองไม่เห็นอย่างแท้จริง

คิดแล้วมันก็ยากนะครับ เพราะไม่รู้ว่ากรรมการคนไหน จะเล่นงานมาจากทางไหนจังหวะแบบไหนที่อยู่ดีๆเขาจะโดนใบเหลืองใบแดงง่ายๆอีก ไม่รู้เลย ยิ่งเป็นแบบนี้ มันจึงทำให้ผลกระทบด้านจิตใจในการเล่น ยิ่งทำร้ายหนักเข้าไปอีก เพราะความกังวลที่ว่านี้แหละ 

สุดท้ายแล้ว หนทางที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้ดีที่สุด มันก็มีเพียงแค่ "เวลา" เท่านั้นที่เป็นของจริงในการแก้ไขสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้มันกลับไป "ถูกต้อง" อีกครั้ง ซึ่งสิ่งที่ว่ามันคือเวลาในการปรับตัว ของคาเซมิโร่ในการหาจุดสมดุลของการเล่น ที่ยังช่วยทีมได้อย่างเต็มที่ บนความทุ่มเทและดุดันแบบเดิมๆให้ได้ โดยไม่ "เสี่ยงโดนแดง" อีกต่อไป

เวลาไม่ใช่คำหลอก เวลาไม่ใช่คำปลอบ เข็มที่หมุนวนไปเรื่อยๆมันช่วยให้มนุษย์ค่อยๆปรับตัวไปทีละนิด จึงถึงจุดสมดุลที่ควรจะเป็น เมื่อถึงเวลานั้น เราก็จะได้คาเซมิโร่ ร่างที่มีสไตล์เหมาะกับการเล่นบนเกาะอังกฤษจริงๆมาสักที ไม่ต้องรีบ เขาเซ็นสัญญาระยะยาวกับเรา เพราะงั้นปีต่อๆไป หรือหลังจากนี้ คงจะมีอะไรๆที่ดีขึ้นแน่ๆ แค่ให้ "เวลา" กับแกหน่อยเท่านั้นเอง

ถ้ารอแกสักนิด เดี๋ยวรอย cracked เรื่องความรู้สึกเวลาเข้าบอลมันจะหายไป ถ้าหลังจากนี้เขาค่อยๆปรับมันทีละนิด ลองเล่นในแบบที่ตัวเองอยากทดลองไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหาสมการได้ว่า เล่นประมาณไหนถึงจะดีที่สุดต่อทั้งสองด้าน ให้มีความดุดันเข้มข้น แต่ต้องปลอดภัยมากพอที่จะไม่โดนใบแดงให้ทีมเสียหาย

แต่ถึงคาเซมิโร่จะฟอร์มดรอปยังไงก็ตาม เขาก็ยังคงเป็นคนสำคัญที่ควรจะต้องได้ลงสนามเป็น "ตัวจริง" แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะมิติการเล่นโฮลดิ้ง คุมพื้นที่ แจกจ่ายบอลแบบไหลลื่นสวยๆ เรายังจำเป็นต้องได้มีคาเซมิโร่ในสนามอยู่ ดรอปไม่ได้เด็ดขาด และไม่สมควรดรอปอย่างยิ่ง

เพราะถึงจะไม่ได้เล่นเกมรับโหดเหมือนเคย แต่ทีมเราในปีนี้ยังต้องการ "มิติการออกบอล และความสามารถในการคุมพื้นที่กลางต่ำ" ของเขาอยู่ เพราะงั้นเราก็ไม่มีเวลาให้เจ้าตัวพัก คงต้องลงเล่นเป็นตัวจริงแบบนี้ไปตลอดเท่านั้นจึงจะดีที่สุด

ขอให้พี่เกษมของเรารีบปรับตัว และล้างภาพจำไม่ดีที่ส่งผลต่อความรู้สึกในการเล่นนี้ออกไปให้ได้ แล้วสักวันเขาจะกลับมาฟอร์มพีคเหมือนเดิมแน่นอน

ไม่ใช่เรื่องน่าห่วงอะไรเลยกับเรื่องฟอร์มคาเซมิโร่ นักเตะต่างๆก็มีฟอร์มขึ้นลงได้ แต่สิ่งที่จะคงอยู่ตลอดไปมันคือคลาสต่างหาก ดังคำกล่าวที่ว่า Form is temporary, class is permanent 

ถ้าคลาสบอลดี แปปๆก็เรียกฟอร์มได้แล้วน่า ไม่ต้องห่วงเลย

#BELIEVE 

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด