:::     :::

ก้าวที่ยิ่งใหญ่ของ ธงชัย สุขโกกี

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม 2566 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
380
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
กลายเป็นประเด็นร้อนของวงการฟุตบอลไทย หลังจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ทีมเงินหนาในศึกรีโว ไทยลีก ประกาศแต่งตั้ง "โค้ชธง" ธงชัย สุขโกกี กุนซือมากฝีมือเข้ามาคุมทีม

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เปลี่ยนกุนซือไปแล้ว 2 ราย คนแรก มาโกโตะ เทกุระโมริ ตามด้วย แมตต์ สมิธ ปัจจุบันมี ศุภชัย คมศิลป์ คอยขัดตาทัพ

โดย “โค้ชธง” ได้เข้ามาคุมลูกทีมใหม่ลงฝึกซ้อมไปเรียบร้อยแล้ว พร้อมประเดิมคุมทีมนัดแรกเกมดวล ชลบุรี ในเกมไทยลีกนัดสุดท้ายของฤดูกาล วันที่ 12 พ.ค.นี้ ที่บีจี สเตเดียม 

นอกจากนี้ยังจะคุมเกมนัดสำคัญ รีโว คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่จะพบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ทรู สเตเดียม วันที่ 20 พ.ค.นี้ 


แน่นอนว่าเกมนี้เป็นการวัดกึ๋นระหว่าง “โค้ชธง” กับ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือเลือดซามูไร ที่เคยนำทัพ ปราสาทสายฟ้า พ่ายให้อดีตทีมเก่าของ “โค้ชธง” อย่าง นครปฐม ยูไนเต็ด ในช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมา 

การตัดสินใจอำลา “เสือป่าราชา” หลังจากร่วมทุกข์ร่วมสุขมานานกว่า 6 ปี ถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญในเส้นทางชีวิตกุนซือของ “โค้ชธง” เลยทีเดียว เพราะสโมสรแห่งนี้เป็นเหมือนครอบครัว เคยกอดคอไปด้วยกันในวันที่สุขเดินหน้าคว้าแชมป์ไทยลีก 4 ไปจนถึงไทยลีก 3 รวมถึงล่าสุดคว้าแชมป์ไทยลีก 2 พร้อมกับตีตั๋วไปเล่นในลีกสูงสุดอีกครั้งในรอบ 14 ปี

ส่วนในวันที่ทีมมีปัญหา เสียนักเตะตัวหลักจนต้องสร้างทีมใหม่ “โค้ชธง” แสดงความเป็นลูกผู้ชายตัวจริงไม่หนีทีมไปไหน แม้ว่าจะมีหลายสโมสรส่งขนมจีบมาให้ไม่เว้นแต่ละวันเลยทีเดียว


สุดท้ายเมื่อทำภารกิจที่เคยตั้งเอาไว้ว่าจะพาทีมเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดสำเร็จ ถึงเวลาที่ “โค้ชธง” ต้องอำลาทีม 

ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย 

ทาง นครปฐม ยูไนเต็ด เหลือเวลาหากุนซือใหม่ และมีเวลาเตรียมทีมสำหรับลีกสูงสุดอีกหลายเดือน 

ส่วน “โค้ชธง” จะได้แสดงฤทธิ์เดชบนลีกสูงสุดอีกครั้งนับตั้งแต่คุมทีม การท่าเรือ เมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว 

นอกจากนี้กลุ่มนักเตะของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่เต็มไปด้วยแข้งดีกรีทีมชาติไทย นักเตะต่างชาติระดับพรีเมียม น่าจะทำให้ “โค้ชธง” ทำงานได้ง่ายขึ้น 


เราจะได้เห็นว่าเมื่อมีอาวุธครบมือ เขาจะพา “กระต่ายแก้ว” กลับมาคั่วแชมป์รีโว ไทยลีก กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลหน้าได้ไหม 

ในเรื่องของไลเซนส์ ที่ทาง ไทยลีก ระบุว่าฤดูกาล 2023/24 เป็นต้นไปทีมระดับรีโว ไทยลีก หรือลีกสูงสุดต้องใช้โค้ชที่ผ่านการอบรมระดับ “โปรไลเซนส์” เท่านั้น 

แต่ “โค้ชธง” เพิ่งจบหลักสูตร “เอ ไลเซนส์” เท่านั้น และต้องพักอย่างน้อย 1 ปี ก่อนจะเรียนในระดับ โปรไลเซนส์ ได้

เรื่องนี้ “โค้ชธง” ได้เปิดเผยว่า “มีกฏอีกข้อหนึ่งคือ ถ้าคนที่จบ เอ ไลเซนส์ ได้รับการเซ็นอนุมัติจากหัวหน้าวิทยากรในคอร์สนั้นว่า Perfect ก็สามารถผ่านได้เลย ข้ามชั้นไปเรียน โปร ไลเซนส์ ได้เลย สามารถทำได้”


ซึ่งหาก “โค้ชธง” ได้รับการเซ็นอนุมัติจากหัวหน้าวิทยากรท่านนั้น “โค้ชธง” ก็สามารถสมัครอบรมโปรไลเซนส์ และสามารถคุมทีมในไทยลีก 2023/24 ได้ ตามกฏนั้นเอง เรียกว่าเรื่องไลเซนส์ ไม่น่าจะมีปัญหาแล้ว

แต่สิ่งที่แฟนบอล “กระต่ายแก้ว” เป็นห่วงนั่นคือ การทำงานของ “โค้ชธง” ว่าจะ “ดื้อ” หรือเปล่า และจะโดนแทรกแซงจากบอร์ดบริหารของทีมไหม 

มาถึงตรงนี้แล้วคงมีการพูดคุยกันจนลงตัว แต่ถ้าทุกอย่างมันไม่ราบรื่นหรือติดขัดอะไร หรือการทำงานไปกันไม่ได้เชื่อว่า “โค้ชธง” เองคงไม่อยู่แน่นอน 

ก้าวย่างต่อไประหว่าง “โค้ชธง” กับ “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด” ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่และสำคัญในชีวิตกุนซือ 

ส่วนมันจะสวยหรูแค่ไหน เป็นซีรีย์ที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด