:::     :::

33 ปีที่รอคอยของ นาโปลี (1)

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
"นาโปลี ไม่เคยไปถึงสคูเด็ตโต้ได้อีกเลยนับตั้งแต่หมดยุคของ ดีเอโก้ มาราโดน่า" คือประโยคที่ตามหลอกหลอนทัพลูกหนังจากเนเปิ้ลส์มานานหลายปี

แต่วันนี้ ฝันร้ายนี้จบลงแล้วหลังกัดกร่อนความหวังของแฟนบอลมารุ่นแล้วรุ่นเล่า

นาโปลี กลับมาคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ได้อีกครั้งในฤดูกาลนี้ภายใต้การคุมทีมของ ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ และประธานสโมสร ออเรลิโอ เด เลาเรนตีส

การรอคอยเกินกว่าสามทศวรรษสิ้นสุดลง แชมป์ในครั้งนี้ของ นาโปลี คือสิ่งสวยงามอย่างยิ่งในโลกลูกหนัง เป็นสิ่งที่ต่อให้ไม่ใช่แฟนบอลอัซซูร์รี่ก็ต่างยินดีในความสำเร็จ

แต่กว่าจะมีวันนี้ได้ พวกเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง และทำอย่างไรถึงกลับมาอยู่ในจุดสูงสุดอีกครั้ง

ย้อนไปในยุคของเทพเจ้าอาร์เจนไตน์ ดีเอโก้ มาราโดน่า นาโปลี ได้แชมป์ลีกสูงสุดอิตาลีสองสมัยในปี 1987 และ 1990 ก่อนที่ปีถัดมา มาราโดน่า จะอำลาทีม และจากนั้น นาโปลี ก็เริ่มตกต่ำลงทั้งผลงานในสนามและสถานะทางการเงิน

ตัวหลักอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น จานฟรังโก้ โซล่า, ดาเนียล ฟอนเซก้า, ชิโร เฟร์ราร่า และ กาเรก้า ทยอยย้ายออกไป และในที่สุดอดีตแชมป์อิตาลีสองสมัยก็มีอันต้องตกชั้นหลัจบฤดูกาล 1997/98 ที่เก็บชัยชนะได้เพียง 2 นัดเท่านั้น 

ฤดูกาล 2000/21 ที่หวนคืนสู่เซเรีย อา อีกครั้งก็เอาตัวไม่รอดตกชั้่นเพียงฤดูกาลเดียว ก่อนถึงจุดแตกหักสำคัญในปี 2004 ที่สโมสรถึงขึ้นล้มละลายต้องไปเริ่มต้นใหม่ในระดับ เซเรีย ซี (ดิวิชั่น 3) พร้อมกับชื่อใหม่ "Napoli Soccer" เพราะไม่สามารถใช้ชื่อเดิม "Società Sportiva Calcio Napoli" หรือ S.S.C. Napoli เนื่องด้วยข้อบังคับทางกฎหมาย

ช่วงเวลานี้เองที่มีจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อ ออเรลิโอ เด เลาเรนตีส ที่เป็นแฟนบอลนาโปลีตัวยง และประสบความสำเร็จอย่างมากในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เข้ามากอบกู้สโมสรด้วยเงินจำนวน 32 ล้านยูโร 

"ในทางปฏิบัติ นาโปลี ไม่มีตัวตนอีกแล้ว" เด เลาเรนตีส กล่าวถึงสโมสรในช่วงเวลานั้นที่แม้กระทั่งชุดแข่งใหม่ของสโมสรยังต้องซื้อที่ร้านริมถนน


ออเรลิโอ เด เลาเรนตีส ผู้เข้ามากอบกู้นาโปลี

เด เลาเรนตีส ที่เป็นคนเมืองหลวงกรุงโรมตั้งแต่เกิดแต่กลับหลงรักนาโปลีตามคุณพ่อ ไม่ได้มีความรู้เรื่องการบริหารสโมสรมากนัก เขาใช้หลักง่ายๆ ในการบริหารทั่วไปซึ่งเคยประสบความสำเร็จในการทำหนังนั่นคือ ต้องใช้จ่ายไม่เกินตัว 

ข้อดีสำคัญของ นาโปลี ในตอนนั้นคือ แม้ตกชั้นสู่ระดับล่าง แต่แฟนบอลก็ยังสนับสนุนทีมเต็มที่ด้วยการเข้าชมเกมในสนามเป็นสถิติใหม่ของเซเรีย ซี ที่จำนวนเฉลี่ย 51,000 ต่อนัดซึ่งกลายเป็นรายได้หลักของสโมสร

ฤดูกาลแรก นาโปลี พลาดเลื่อนชั้นน่าเสียดายหลังพ่ายในช่วงเพลย์ออฟ แต่ฤดูกาลถัดมาก็ขึ้นสู่เซเรีย บี ได้สำเร็จ พร้อมกับได้ชื่อเก่า "S.S.C. Napoli" กลับมาใช้อีกครั้งในเดือนพฤษภาคม ปี 2006

เพียงฤดูกาลเดียวในเซเรีย บี นาโปลี เลื่อนชั้นปีต่อปีขึ้นสู่เซเรีย อา และยกระดับทีมต่อเนื่องจนกระทั่งจบอันดับ 6 ในฤดูกาล 2010/11 ที่คุมทัพโดย วอลเตอร์ มาซซารี่ ก่อนจะไต่ถึงอันดับ 3 ในฤดูกาลต่อมา ทำให้ได้สิทธิ์ลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก  

ในช่วงเกือบสองทศวรรษที่ เด เลาเรนตีส เข้ามาโอบอุ้มสโมสรให้ลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง นาโปลี ผ่านช่วงเวลาแห่งความทรงจำมากมายไม่ว่าจะเป็นการกลับคืนสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง การได้เล่นถ้วยยุโรปครั้งแรกในรอบ 13 ปี การได้เล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรก และได้แชมป์โคปปา อิตาเลีย ถึงสามสมัยในยุคของ ราฟา เบนิเตซ และ เจนนาโร่ กัตตูโซ๋

มียอดนักเตะหลายต่อหลายคนค้าแข้งกับทีมโดยเฉพาะในยุคสามประสาน มาเร็ค ฮัมซิค, เอเซเกล ลาเวซซี่ และ เอดินสัน คาวานี่ จนกระทั่งมาถึงความภูมิใจแห่งเนเปิ้ลส์อย่าง ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ที่รับใช้สโมสรเกินกว่าสี่ร้อยนัด 

กอนซาโล่ อีกวาอิน อดีตกองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินาก็เคยมีช่วงพีคในอาชีพตอนเล่นให้ นาโปลี ที่ทำสถิติยิงมากสุดต่อฤดูกาล 36 ประตู ก่อนหักอกแฟนๆ ด้วยการย้ายไป ยูเวนตุส จากนั้นเป็น ดรีส์ เมอร์เท่นส์ ก้าวขึ้นมาเฉิดฉายเต็มตัวจนกลายเป็นดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสร

ทว่าทั้งหมดทั้งมวลไม่มีนักเตะคนใดหรือทีมชุดใดที่ช่วยกันคว้าแชมป์ลีกอันเป็นสุดยอดปรารถนาของแฟนบอลมาครองได้ แม้กระทั่งยุคของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่กวาดไปถึง 91 คะแนนในฤดูกาล 2017/18 ก็ยังไม่สามารถโค่น ยูเวนตุส ลงได้  

ซาร์รี่ ปลอบใจตัวเองว่า "ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลมีทีมที่บ่งบอกยุคสมัยได้ชัดเจนขึ้น ทุกคนต่างจดจำฮอลแลนด์ในยุค 1970 ได้ทั้งที่ไม่ได้คว้าแชมป์แชมป์โลก ซึ่งผมก็เชื่อว่าผู้คนจะจดจำนาโปลีทีมนี้ไปอีก 20 ปี"


สามประสาน 'คาวานี่, ลาเวซซี่ และ ฮัมซิค'

หลายต่อหลายครั้ง นาโปลี ถูกจดจำในฐานะทีมที่เล่นเกมรุกดุดัน ยิงประตูได้มากมาย แต่ไม่ดีพอที่จะเป็นแชมป์ ยิ่งภาพจำของอิตาลีที่ขึ้นชื่อในเรื่องสไตล์เกมรับเหนียวแน่น และเป็นพื้นฐานความสำเร็จของหลายทีม นาโปลี จึงเป็น "Beautiful loser" ที่ได้รับเพียงเสียงปรบมือ แต่ไร้มงกุฎ

ในฤดูกาล 2020/21 นาโปลี ในยุค เจนนาโร่ กัตตูโซ่ พลาดตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างน่าเสียดายหลังหลุดเสมอ เวโรน่า 1-1 ในนัดสุดท้ายที่เล่นในบ้าน ส่งผลให้ ยูเวนตุส ที่บุกชนะ โบโลญญ่า 4-1 แซงจบอันดับ 4 แทน

หลังจบฤดูกาลไม่กี่วัน ออเรลิโอ เด เลาเรนตีส ประธานสโมสรจึงปลด กัตตูโซ่ ออกจากตำแหน่ง และดึง ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ มาคุมทีมแทน

เด เลาเรนตีส ยื่นชอบ สปัลเล็ตติ มานาน และเคยแอบไปคุยเอาไว้ก่อนตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ กัตตูโซ่ ยังอยู่ในตำแหน่ง ก่อนได้ร่วมงานกันในช่วงจบฤดูกาล 

สปัลเล็ตติ ไม่เคยคุมทีมได้แชมป์เซเรีย อา มาก่อน ใกล้เคียงสุดพา โรม่า ได้รองแชมป์ฤดูกาล 2016/17 

บิ๊กบอสนาโปลีกล่าวถึงจุดเริ่มต้นกับกุนซือมากประสบการณ์ว่า "สปัลเล็ตติ คือคนที่ผมพยายามตามจีบมานานหลายปี และในที่สุดก็ได้เขามาคุม นาโปลี" 

ขณะที่ สปัลเล็ตติ ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าต้องทำให้แฟนบอลนาโปลีกลับมาหลงรักทีมอีกครั้ง และต้องการสร้างทีมให้มีสไตล์เกมรุกที่ตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าเดิม 

"บัญชีการเงินต้องมีความสมดุล ผู้เล่นต้องกลับมามีชีวิตชีวา เราต้องการนำทีมกลับสู่เวทีแชมเปี้ยนส์ ลีกให้ได้หลังหายไปสองปี" สปัลเล็ตติ กล่าว 


ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ ผู้ทำให้การรอคอยสิ้นสุดลง

"เราจำเป็นต้องเล่นฟุตบอลที่ดีเพื่อก่อให้เกิดความต้องการในตัวนักเตะของเราเพราะในช่วงสองปีหลังไม่มีใครสนใจพวกเขาเนื่องจากผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น" 

สปัลเล็ตติ พาทีมออกสตาร์ทด้วยการชนะ 8 นัดรวด และไม่แพ้เลยจนกระทั่งไปเยือน อินเตอร์ มิลาน ที่เป็นแชมป์เก่า ในนัดที่ 13 ของฤดูกาล 

พิโอเตอร์ ซีลินสกี้ ยิงขึ้นนำก่อน แต่สุดท้าย อินเตอร์ ก็แซงชนะ 3-2 ขณะที่ วิคเตอร์ โอซิมเฮน ดาวยิงค่าตัวสถิติสโมสร ก็เบ้าตาแตกหลังโดนศอก มิลาน สคริเนียร์ ทำให้ต้องพักยาวสองเดือน

จากนั้นทีมแพ้ 3 จาก 4 นัดสุดท้ายของเดือนธันวาคม และเดือนต่อมาก็ต้องเสีย กาลิดู กูลิบาลี่ รวมถึง อันเดร-ฟร้องซ์ อ็องกีสซ่า ไปเล่นทีมชาติในศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ 

ท้ายที่สุด สปัลเล็ตติ พาทีมบรรลุภารกิจกลับไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการจบอันดับ 3 ของตาราง ห่างจากทีมแชมป์ เอซี มิลาน 7 คะแนน 

ในซัมเมอร์ 2022 ตัวเก๋าหลายคนย้ายออกจากทีมไม่ว่าจะเป็น กาลิดู กูลิบาลี่, ฟาอูซี่ กูลาม, ดาวิด ออสปิน่า, ดาวยิงสูงสุด ดรีส์ เมอร์เท่นส์ และกัปตันทีม ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ ขณะที่ ฟาเบียน รูอีซ ก็ถูก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ดึงไปร่วมทีม

สปัลเล็ตติ ทดแทนด้วยผู้เล่นหนุ่มอายุ ค่าตัว และชื่อเสียงด้อยกว่าไม่ว่าจะเป็น จาโคโม่ ราสปาโดรี่, ควิช่า ควารัตสเคเลีย และ คิม มิน-แจ 

"ไม่มีใครเชื่อมั่นในเรา" เด เลาเรนตีส เล่าถึงการเปลี่ยนในทีม "บางทีอาจมีเชื่อมั่นอยู่บ้างนะ แต่ก็ไม่สามารถเทียบความคิดเห็นส่วนใหญ่ซึ่งไม่พอใจในตลาดนักเตะของเรา เกือบทั้งหมดแทบไม่รู้จักนักเตะที่เราเซ็นสัญญาเข้ามา"

สองคนที่แฟนบอลเกาหัวด้วยความสงสัยว่าใครกันคือ ควารัตสเคเลีย ปีกชาวจอร์เจียที่ดึงมาจาก ดินาโม บาตูมี่ และ มิน-แจ ก็เป็นกองหลังชาวเกาหลีใต้ที่มาจาก เฟเนร์บาห์เช่ ในลีกตุรกี

"นักเตะจอร์เจียและเกาหลีใต้ มันเหมือนกับการเริ่มต้นของเรื่องตลกเลยนะ" ประธานนาโปลีกล่าว 

(รอติดตามในตอนที่ 2) 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด