สำหรับแฮร์รี่ เคน ดาวยิงจากสเปอร์ส ที่ยิงประตูอย่างถล่มทลาย พร้อมกับรักษาฟอร์ม และมาตรฐานการผลิตสกอร์เอาไว้อย่างน่าชื่นชม แน่นอนว่า พลพรรค “ไก่เกือยทอง” สามารถฝากความหวังในการยิงประตูกับเขาได้เสมอ
อย่างไรก็ตาม กว่าจะก้าวมาเป็นกองหน้าตัวหลักของสเปอร์ส ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมื่อเคน ต้องผ่านแบบทดสอบมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะการออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ในรูปแบบของการยืมตัว
หนึ่งทีมที่เคน ออกมาเปิดเผยว่า ช่วยหล่อหลอมให้เขากลายเป็นสุดยอดดาวยิงเหมือนทุกวันนี้ เกิดขึ้นตอนที่เขาย้ายไปเล่นกับเลสเตอร์ ซิตี้ ในแบบยืมตัว ช่วงปี 2013
ช่วงนี้ เราลองไปดูเคน ออกมาย้อนความทรงจำกันหน่อยว่า การย้ายไปเล่นในลีกรองของเดอะ แชมเปี้ยนขิพ กับเลสเตอร์ ซิตี้ ช่วยพัฒนาฝีเท้า และจิตใจของเขาในแง่มุมใดบ้าง
“ช่วงเวลาที่ยากที่สุด คือการไปเล่นกับเลสเตอร์ ซิตี้”
เคน ออกมาย้อนความทรงจำปี 2013 สมัยเป็นกองหน้าดาวรุ่งของสเปอร์ส และถูกปล่อยยืมตัวไปให้เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมระดับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ แน่นอนว่า มันเต็มไปด้วยแบบทดสอบมากมาย และมีความท้าทายที่ต้องก้าวผ่านไป จนบางครั้ง หัวใจมันบอกว่า อยากยอมแพ้แล้ว
“ผมเหมือนจะไม่เข้ากับระบบของทีม” เขากล่าวต่อ "ย้อนกลับไปเวลานั้น เลสเตอร์ ซิตี้ ยังเล่นอยู่ในระดับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ผมเริ่มมีความคิดที่ว่า หากผมไม่สามารถเอาตัวรอดกับทีมในลีกรองได้แล้ว ผมจะกลับไปเล่นกับสเปอร์ส ในพรีเมียร์ลีก ได้อย่างไรกัน ?"
"มันเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ก่อนที่ครอบครัวจะออกเดินทางมาหาผมในค่ำคืนนั้น ผมบอกกับพ่อว่า ผมอยากย้ายทีม ถือเป็นความผิดหวังอย่างแรงเลย แต่ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ พ่อตอบกลับว่า -ฟังนะลูกชาย ทำงานหนักต่อไป ทุกอย่างจะออกมาดีเอง-"
เคน กล่าวถึงจุดเปลี่ยนสำคัญว่า “ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ผมอยู่ในแฟลตของตัวเอง หากผมไม่มีซ้อม ผมก็ชอบนั่งชมการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล นอกจากนี้ ผมยังรักที่จะเล่นเกมคนชนคนที่มีชื่อเรียกว่าแมดเดน รวมถึงชมการแข่งขันของทีมอย่างนิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ ผ่านทางเว็บไซต์ยูทูป”
“จนมาวันหนึ่ง ผมได้ดูสารคดีของทอม เบรดี้ ทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องที่เขาถูกเลือกเข้าสู่ทีมในรอบที่ 6 และเป็นลำดับที่ 199 ในบรรดาผู้เล่นจากมหาวิทยาลัยในปีนั้น"
"มันทำให้ผมรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา ทุกคนสงสัยในตัวของเบรดี้ หรือตลอดชีวิตของเขาก็ว่าได้ แม้แต่ตอนที่เข้ามหาวิทยาลัย โค้ชยังคงเลือกควอเตอร์แบ็คคนอื่นก่อนหน้าเขาด้วยซ้ำ"
"สารคดีเผยให้เห็นถึงตอนที่เบรดี้ ถูกแมวมองสั่งให้ถอดเสื้อ และชั่งน้ำหนัก ก่อนที่ขั้นตอนการดราฟท์ตัวจะเกิดขึ้น มันดูตลกนะ เพราะเขาเหมือนชายธรรมดาคนหนึ่ง โค้ชคนหนึ่งเอ่ยปากว่า -เบรดี้ เป็นคนสูง และดูงุ่มง่าม เขาดูเหมือนคนที่ไม่เคยเข้ายิมออกกำลังกายเลย-"
"เรื่องของเบรดี้ คอยย้ำเตือนผม เพราะผู้คนมักจะตัดสินผมเหมือนกันว่า ผมไม่เหมือนกับคนที่เหมาะกับการเล่นฟุตบอล โดยเฉพาะในตำแหน่งกองหน้า"
"เรื่องราวของเบรดี้ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผมอย่างแท้จริง เบรดี้ เป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองมาก และเขายังคงทำงานหนักอยู่เสมอ เพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้น โดยมันคล้ายคลึงกับผมเหมือนกัน"
ดาวยิงวัย 29 ปี กล่าวปิดท้ายว่า “อาจฟังดูว่าเป็นเรื่องตลก ราวกับว่ามีอะไรเข้ามากระแทกหัวของผมอย่างจัง ตรงโซฟาที่ผมนั่งอยู่ในเมืองเลสเตอร์ ผมบอกกับตัวเองว่า ผมจะทำแบบเบรดี้ นั่นคือการทำงานให้หนักที่สุด เท่าที่จะสามารถทำได้ เมื่อโอกาสมาถึง ผมจะคว้ามันไว้"
"ไม่กี่เกมต่อมา ผมมีโอกาสเจอทีมเก่าที่เคยเล่นแบบยืมตัวอย่างมิลล์วอลล์ พวกเขามีปราการหลังร่างยักษ์ ผมคาดเดาเอาว่า เขากำลังข่มขู่ผม เขาแทรกตัวอยู่ด้านหลังผม ในขณะที่กำลังรอเล่นลูกทุ่ม เขาบอกว่า -ว่าไง- ผมตอบกลับไปว่า -ว่าไงหรอ ?- ก่อนที่เขาจะบอกว่า -ข้ายังไม่ได้ใบเหลืองเลยว่ะ มันคงดีไม่น้อย หากข้าจะเสียใบเหลืองสักใบ เพื่อเล่นงานนาย !!!-"
"เขาพยายามกลั่นแกล้งผม มันไม่มีเหตุผลอื่นเลย เมื่อลูกถูกทุ่มเข้ามา เราสองคนต่างกระโดดขึ้นแย่งโหม่ง มีการเหวี่ยงศอกกันด้วย ผมดันไปซัดตรงชายโครงของเขาพอดี ผมเดินข้ามเขาไป ในขณะที่เขากำลังนอนเจ็บอยู่ นั่นเป็นหนทางที่ผมจะพิสูจน์ให้เขา, ตัวผมเอง และทุกคนเห็นว่า ผมจะไม่ยอมถูกรังแกเด็ดขาด"
การลุกขึ้นสู้ครั้งนั้น ส่งผลให้วันนี้ เขากลายเป็นดาวยิงตัวหลักของทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ และไล่ผลิตประตูในพรีเมียร์ลีก อย่างถล่มทลาย
