เรื่องของทีมสปิริตและการปั้นทีมให้แข็งแกร่งยิ่งๆขึ้นไปในอนาคตนั้น ความสัมพันธ์ของนักเตะในทีมก็ถือเป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่ส่งผลมหาศาลต่อคุณภาพการเล่นของทีมในแง่ของ "ทีมเวิร์ค" ความเข้าขากัน และทีมสปิริตที่มีร่วมกัน 

การหานักเตะที่เข้ากันได้ ไปด้วยกันได้ในชุดความคิดของการสร้างทีมแบบเดียวกันนั้น  ผู้จัดการทีมและแมวมองของสโมสรจำเป็นจะต้องเลือก "นักเตะที่มีคาแรคเตอร์ที่ดี" เข้ามาเสริมทีม

ทัศนคติในการใช้ชีวิต ทัศนคติในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ทัศนคติของความเป็น "ผู้ชนะ" ทุกอย่างสำคัญหมด

ในตลาดซัมเมอร์ฤดูกาล 2023/24 นี้ การเลือกนักเตะที่มีคาแรคเตอร์ที่ดีเข้ามา ก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นเช่นกันที่การซื้อนักเตะใหม่เข้ามา เพราะนอกจากจะต้อง "ตรงกับตำแหน่งที่ขาด" ตาม priority ของทีมแล้วนั้น คาแรคเตอร์และตัวตนเป็นสิ่งสำคัญมากๆ

แฟนบอลคงไม่อยากจะเห็นนักเตะที่ฝีเท้าสูง แต่ขี้เกียจไล่บอล ไม่มี passion เล่นแบบกลัวเจ็บไม่กล้าเข้าบอล เชื่อว่าแฟนบอลคงไม่อยากได้แน่นอน เพราะงั้นเรื่องการดึงนักเตะมาเข้าทีมสักคนหนึ่ง มีเรื่องจะต้องคิดในหลายๆด้าน ไม่ใช่แค่เล่นเก่ง หรือมีฝีเท้าในฐานะนักฟุตบอลอย่างเดียว แต่คุณภาพในความเป็นนักเตะมืออาชีพที่มี Mentality และ Character เหมาะสมกับทีม เป็นสิ่งสำคัญสุดๆ

เหมือนกับดีลที่แมนยูไนเต็ดได้ตัวของ คาเซมิโร่ และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เข้าทีมมาทั้งคู่ เป็นดีลที่ได้ทั้งฝีเท้า และคาแรคเตอร์ที่สามารถนำทีมไปสู่การมีชุดความคิดร่วมกันที่ถูกต้องได้

ทั้งสองคนนี้เป็นนักเตะที่มีความทุ่มเท ความมุ่งมั่นสูงทั้งคู่ รวมถึงความกล้าหาญในการเล่น และ Passion ที่มอบให้กับทีม ทุกอย่างที่มีสองคนนี้ถือว่าทุ่มเทและลงลึกในด้านรายละเอียดฟุตบอลกันอย่างถึงพริกถึงขิง โดยเฉพาะคาเซมิโร่ ที่หายใจเข้าออกเป็นฟุตบอล 

เขาไม่ได้มีดีแค่พลังงาน หรือความดุดันในการเล่น อย่างที่คนเห็นเขาจากหน้าฉาก แต่คาเซมิโร่เล่นฉลาด เข้าใจเรื่องแทคติกเป็นอย่างดี และเสพติดฟุตบอลเข้าเส้นเลือด

ภาพที่เราได้เห็นอยู่บ่อยๆคือ เมื่อจบเกมแล้ว คาเซมิโร่มักจะเดินเข้าไปพูดคุยกับเพื่อนอยู่ตลอดเวลาแม้ว่ากรรมการจะเป่านกหวีดไปแล้ว เพื่อเคลียร์กันว่าเกิดอะไรขึ้น จังหวะนั้นทำไมเล่นแบบนั้น ฯลฯ เป็นภาพที่เห็นแทบทุกนัด ซึ่งสิ่งนี้แม้ว่าภาพอาจจะออกมาดูเหมือนรุนแรงว่าทะเลาะกันหรือเปล่า แต่จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องที่ดี

ถ้ามองฟุตบอลเป็นเรื่องของการทำงาน นี่คือการประชุมพูดคุยกันเพื่อแก้งานให้มันถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีกับทีมและองค์กรโดยตรง คาเซมิโร่ก็เหมือนเป็นคนบ้างานคนหนึ่งที่มีอะไรข้องใจ เขาก็กล้าเข้าไปพูดคุยเพื่อหาคำตอบหรือคำอธิบายจากเพื่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะการพูดคุย ตำหนิ หรือบอกกล่าวแนะนำกัน จะสร้างความพัฒนาให้เกิดขึ้นในทีม

สิ่งใดไม่ดี มีการบอกกล่าวกันไว้ ครั้งหน้าก็จะได้ไม่ทำอีก หรืออย่างน้อยที่สุด มันก็เป็นการเคลียร์ใจกันตรงๆแบบลูกผู้ชายตรงนั้นว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมเล่นแบบนี้ 

ดูยังไงก็มีแต่สิ่งที่ดีเกิดขึ้น แฟนบอลไม่จำเป็นต้องห่วงเลยว่า บุคลิกแบบนี้ของคาเซมิโร่จะก่อให้เกิดปัญหา สร้างความกดดันให้เพื่อนร่วมทีมหรือเปล่านั้น ไม่มีแน่นอน เพราะคาเซมิโร่อยู่ในสถานะซีเนียร์อีกคนหนึ่งของทีมที่สามารถนำทีมได้ สามารถช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมได้ในแง่ต่างๆ

แน่นอน การเข้าไปพูดคุยสอบถามเพื่อนร่วมทีม น้องๆเข้าใจ และรับฟังรุ่นพี่เก่งๆอย่างเขาอยู่แล้ว เรื่องนี้มีแต่ผลดีกับทีมเน้นๆ

การพูดคุยเช่นนี้ก็เป็นการช่วยเหลือเช่นกัน นี่คือภาวะผู้นำที่คาเซมิโร่มีอยู่ในตัว และมันช่วยฉุดให้ Winning Mentality ของเพื่อนในทีมยกระดับขึ้นอีกด้วย เมื่อมันเป็นการแสดงให้เห็นว่า พวกเราจะต้องกระหายในชัยชนะ และต้องทำทุกอย่างให้มันดียิ่งๆขึ้นไปกว่านี้อีกเท่าไหร่

แมนยูไนเต็ดตอนนี้เป็นทีมที่เพิ่งตั้งไข่ในระบบของเอริค เทน ฮากได้ปีเดียว การเล่นยังห่างไกลคำว่า "ดีพอ" อีกมาก เรื่องราวแบบนี้แหละจะช่วยพัฒนาทีมได้

มาดูทางฝั่งของบรูโน่ แฟร์นันด์ส กันบ้าง บรูโน่เป็นนักเตะที่มีความเป็นผู้นำสูง และแสดงความไม่ย่อท้อให้เพื่อนร่วมทีมได้เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Work Rate ในการเล่น บรูโน่มีความขยันและทุ่มเทอย่างมาก จังหวะที่เพื่อนร่วมทีมจ็อกเบาๆ เขาก็วิ่งสปีดเต็มที่เพื่อไล่บอลให้กับทีม และไม่เคยเหนื่อยที่จะทำทุกอย่างเพื่อทีม แม้ว่าอาจบ่นบ่อยไปบ้างแต่นั่นก็เป็นคาแรคเตอร์ที่ไม่ได้ก่อความเสียหายอะไรให้ทีมมากนัก (ถ้าไม่บ่นจนโดนใบแดงก็ไม่เป็นไรหรอก)

สิ่งที่บรูโน่เป็นอยู่ แฟนบอลแมนยูไนเต็ดคงรู้ดีอยู่แล้วว่าเขาทุ่มเทเพื่อทีมขนาดไหน ไม่แปลกว่าทำไมปลอกแขนกัปตันทีมถึงมาอยู่กับเขาในตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นในนาม Vice Captain แต่ในทางปฏิบัติ บรูโน่ก็เป็นกัปตันทีมตัวจริงของเราไปแล้ว จากการเดินนำหน้าทีมลงต่อสู้ในทุกๆสมรภูมิ

นิสัยความทุ่มเทตรงนี้เป็นคาแรคเตอร์ที่ติดตัวเขามานาน รวมถึงความบ้าฟุตบอล การรับฟังข้อบกพร่องก็เช่นกัน ถ้าใครยังจำได้ บรูโน่มักจะเอาการเล่นของตัวเองไปพูดคุยกับครอบครัวอยู่บ่อยๆหลังเกม ว่าเล่นดีไม่ดียังไง สามารถวิพากษ์วิจารณ์กันได้ ทำให้เขาเป็นนักฟุตบอลที่มี Critical Thinking อยู่ในตัวอยู่แล้วเรื่องของกระบวนการคิดในการเล่นฟุตบอล

การโดนวิจารณ์เป็นสิ่งที่บรูโน่มีวุฒิภาวะ และชุดความคิดที่ดีในการรับมือตรงนี้ และนั่นคือสิ่งที่สอดคล้อง และเข้ากันได้ดีกับสิ่งที่คาเซมิโร่ กำลังทำอยู่ คือพร้อมที่จะเดินเข้าไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมทีม เพื่อเคลียร์และแก้ปัญหาการเล่นที่เกิดขึ้นในสนาม

เหมือนเพื่อนร่วมงานที่เคลียร์ใจกันว่า มึงกับกูทำงานดีไม่ดีตรงไหนบ้าง เอาให้จบ แล้วช่วยกันทำงานต่อไป คนหนึ่งเข้าไปสอบถาม หรือ "แนะนำ" ส่วนอีกคนหนึ่งก็พร้อม "รับฟัง"

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น คือการพัฒนาทีมไปพร้อมๆกันนั่นเอง

ตัวคาเซมิโร่อยู่ในสถานะที่เป็นนักเตะซึ่งประสบความสำเร็จมาอย่างสูงสุด มาด้วยดีกรีมิดฟิลด์ระดับ World Class อยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่ได้แปลว่าคาเซมิโร่จะทำอะไรไม่ผิดเลยสักอย่าง เขาก็ผิดพลาดเหมือนนักเตะธรรมดาเช่นกัน แต่เราก็ถือว่า พี่เกษมของแฟนผีคนนี้เป็นนักเตะที่มีประสบการณ์สูงมากพอที่จะ "ชี้แนะ" และให้คำแนะนำเพื่อนร่วมทีมได้อย่างดีที่สุด

เชื่อว่าทุกคนในทีมก็เคารพคาเซมิโร่อย่างมากแน่นอน ดังนั้น action ของคาเซมิโร่มันจึงมีแต่ประโยชน์ที่จะมอบให้กับคนอื่นๆ การกล้าเข้าไปพูดคุยกับเพื่อน สอบถาม ตำหนิ หรือแนะนำ เป็นสิ่งที่นักเตะระดับคาเซมิโร่ทำได้สบายๆ

ส่วนบรูโน่ อยู่ในฐานะกัปตันทีมก็จริง แต่เขาก็ถือว่ายังเป็นรุ่นน้องของคาเซมิโร่อยู่ และชีวิตการเป็นนักฟุตบอลยังต้องเดินทางอีกมากมายกว่าจะอยู่ในจุดที่ประสบความสำเร็จได้ ดังนั้นเวลาบรูโน่กับคาเซมิโร่พูดคุยกัน มันก็เหมือนรุ่นพี่สอนรุ่นน้องคนนึง ที่เขาพร้อมจะถ่ายทอดวิชาและวิธีคิดในการเล่นต่างๆ ตลอดจนเรื่องราวอื่นๆด้วย เพื่อให้บรูโน่พัฒนาตัวเอง และมีแนวคิดที่ดีเพื่อจะเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิมในอนาคต

ด้วยความที่เป็นนักเตะที่ถนัดพูดภาษาโปรตุกีสเหมือนกัน ระหว่างคนโปรตุเกสกับบราซิล สองคนนี้เลยดูจะเข้ากันได้มากกว่าคนอื่นๆ ในความเป็นแก๊งค์โปรตุกีสที่คุยกันรู้เรื่องด้วย รวมกับความเป็นนักเตะที่ Passion สูงสุดๆ ทุ่มเทเพื่อทีม เพื่อเกมฟุตบอลอย่างเต็มที่ และพยายามเพื่อจะทำให้ทีมชนะกันทั้งคู่ สิ่งนี้จะมีแต่สิ่งที่ดีแน่นอน

การมีคาเซมิโร่อยู่ในทีม มันไม่ใช่แค่ฝีเท้าของคาเซที่จะช่วยในแดนกลาง แต่ในโลกความเป็นจริง ทีมฟุตบอลหนึ่งทีม นักเตะรุ่นพี่มักจะสามารถเป็นแบบอย่าง และให้คำแนะนำนักเตะรุ่นน้องได้เสมอ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยอดีตแล้ว ในภาคการทำทีมของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเองก็ยังใช้ทีมผสมผสานระหว่าง นักเตะGenใหม่ที่เป็นยังบลัดขึ้นมา ผสมกับนักเตะแกนหลักที่มีตัวเก๋าๆคอยประคองทีมรวมเข้าด้วยกัน ทุกอย่างมันถึงจะลงตัวที่สุด ถ้ามีรุ่นพี่กับรุ่นน้องทำงานร่วมกันในทีม

ในแง่ของการให้เกียรติ การยอมรับซึ่งกันและกันนั้น เป็นอีกประเด็นที่เร่งให้ความสัมพันธ์นี้มันเป็นบวกกับทีม และตัวนักเตะเอง เราเชื่อว่า คาเซมิโร่ ต้องรู้อยู่แล้วว่าบรูโน่ แฟร์นันด์ส มีคุณสมบัตินักเตะที่ดีมากเพียงใด ส่วนบรูโน่ คงไม่ต้องบอกว่ายกย่องคาเซมิโร่อยู่แล้ว ดังนั้นมั่นใจแน่นอนว่าสองคนนี้ยอมรับ และเคารพฝีเท้าซึ่งกันและกัน

การติวเข้ม พูดคุยเพื่อแก้ไขให้การเล่นในสนามดีขึ้น จึงเป็นภาพที่เราเห็นอยู่ตลอด มันมาจากความต้องการที่จะให้ "ทีม" ดีขึ้น ไม่ได้จะมาจากการเอาชนะ หรือไม่พอใจกันอย่างเดียว คาเซมิโร่กับบรูโน่ก็เอาจริงเอาจังกับฟุตบอลทั้งสองคน ดังนั้นพวกเขาเป็นมวยถูกคู่กันพอดีจริงๆ และก็น่าจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผ่านความสัมพันธ์อันดีนี้ได้อีกมาก

เชื่อว่าคาเซมิโร่ในฐานะ World Class Midfielder จะสามารถแนะนำและช่วยพัฒนาบรูโน่ แฟร์นันด์ส ให้ยกระดับขึ้นไปสู่การเป็นมิดฟิลด์ระดับเวิร์ลคลาสอย่าง "เต็มตัว" ได้อีกคนหนึ่งแน่นอนในอนาคต ทั้งจากการเล่นในสนาม และวิธีคิดต่างๆที่พวกเขาทำงานร่วมกัน

การเข้ามาของคาเซมิโร่ในปีนี้ จึงจะเป็นส่วนช่วยทำให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส มีความสมบูรณ์พร้อมมากขึ้น ทั้งในเรื่องของแนวทางการเล่น วิธีคิดในสนาม และเรื่องของวุฒิภาวะ และคุณภาพของ Mentality ที่เขามีอยู่แล้ว ทุกอย่างจะถูกตบให้เข้าที่เข้าทาง และพัฒนาจนกลายเป็นความ "สมบูรณ์แบบ" สู่การเป็นผู้เล่นชั้นแนวหน้าในอนาคตแน่นอน

ฝากกัปตันหนวดด้วยนะ คาเซมิโร่ เดอะ พี่เลี้ยง

-ศาลาผี-