:::     :::

เละเทะ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ศึกลูกหนังซีเกมส์รอบชิงชนะเลิศ ไทย-อินโดนีเซีย ถูกแย่งซีนด้วยความเดือดในสนาม

เพื่อนร่วมงานผู้เขียนที่แม่งไม่แยแส “ฟุตบอลไทย” ได้ทีปล่อยมุกตลก “นี่ไง ใครบอกมวยไทยไม่ได้ไปต่อยที่กัมพูชา”

เข้าใจว่านักฟุตบอล-สตาฟฟ์โค้ช อยู่ในอารมณ์ที่พร้อมปะทุทุกเมื่อ จากสกอร์และลูกตุกติกของอินโดนีเซีย

ทีมชาติไทย “หัวร้อน” ตั้งแต่เสียประตูที่ 2 แล้วจากการเล่นไร้ “สปิริต” ของผู้เล่นอินโดนีเซีย

จังหวะดังกล่าวผู้เล่นอินโดนีเซียได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ไทยกำลังเซ็ตเกมบุกอยู่ ผู้ตัดสินจึงเป่าหยุดเกมก่อนให้ดร็อปบอล แต่ ริซกี ริโด กลับสาดบอลไปข้างหน้า และเป็น รามาดาน ซานันตา ดีดบอลเข้าประตูไป แทนที่จะต้องส่งคืนให้ไทย

ตามหลังทั้งรูปเกมและผลการแข่งขันไม่พอ ทัพช้างศึก ยังต้องมาเจอกับแท็คติก “นำแล้วนอน” ของผู้เล่นอินโดนีเซีย เพื่อกินเวลาอีก ซึ่งผู้เขียนนับ ๆ ดูแล้วมีเกือบทุกจังหวะ

จนช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายที่ ไทย ได้ฟาล์ว ผู้ตัดสินเป่านกหวีด แต่อินโดนีเซียคิดว่าเกมจบแล้ว ต่างกระโดดโลดเต้นดีใจ มีแอบเหล่มาเยาะเย้ยฝั่งไทย คนที่อยู่ในสนามไม่มีสมาธิป้องกัน จนสุดท้ายเป็นเด็กหนุ่มวัย 17 อย่าง ยศกร บูรพา หลุดไปซัดตีเสมอให้ไทยเป็น 2-2


สิ่งที่ตามมาคือบรรดาสตาฟฟ์โค้ช นักเตะไทย ต่างเฮโลวิ่งแหกปากด้วยความสะใจสุดขีด ไปทางม้านั่งสำรองฝั่งอินโดนีเซีย จนเกิดการฟาดปากกัน

หลังกรรมการเคลียร์มวยจบ จึงเป่านกหวีดแข่งขันต่อ ซึ่งโมเมนตั้มเหมือนไหลมาทางฝั่งไทยแล้ว แต่แล้วจากความผิดพลาดของแนวรับไทย ส่งให้ อินโดนีเซีย ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 3-2

มวยยกที่ 2 เริ่มขึ้น บรรดาสตาฟฟ์ผู้เล่นสำรอง อินโดนีเซีย “เอาคืน” เฮโลกันมาดีใจในเขตเทคนิคซุ้มม้านั่งสำรองไทย ซึ่งคงไม่มีอะไรถ้าเราทำนิ่งเฉย หรือให้ผู้ตัดสินลงโทษพวกเขาเอง

แต่สิ่งที่ไทยทำคือ การวิ่งไปสาวหมัดบวกกับฝั่งอินโด

จากสตาฟฟ์โค้ช บานปลายไปยังนักฟุตบอลที่เข้ามาผสมโรงมะรุมมะตุ้มไปหมด เหมือนไม่ใช่การแข่งขันฟุตบอล

ทั้งที่ความเป็นจริง สตาฟฟ์โค้ช ต้องเป็นฝ่ายสงบใจเย็น เข้าไปห้ามปราม หรือแยกนักฟุตบอลไม่ให้ก่อเหตุแท้ ๆ

จริงอยู่ว่าเขาทำกิริยาที่แย่กับเรา แต่มันไม่มีความจำเป็นที่เราต้องไปแย่เหมือนเขาด้วย สตาฟฟ์โค้ชไทยนอกจากไม่ต่อต้านแล้ว ดันเข้าร่วมไปอีก


ช็อกกว่าคือต้องให้นักฟุตบอลอย่าง โจนาธาร เข็มดี เข้ามาห้ามมวยแทน

สุดท้าย โสภณวิชญ์ รักญาติ นายด่านมือ 1 ถูกไล่ออกคู่กับกองหลังอินโด

เมื่อกลับมาแข่งขันต่อดูเหมือน “สมาธิ” นักเตะไทยเตลิดไปหมดแล้ว ก่อนที่ โจนาธาร จะมาถูกใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม ไทยเป็นรองทั้งผู้เล่น และ ผลการแข่งขัน จนโดนทิ้งห่างเป็น 4-2

ก่อนที่ต่อมา ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ จะมาเจ็บเพิ่มและไม่มีโควตาเปลี่ยนตัวแล้ว รวมถึง ธีระศักดิ์ เผยพิมาย มาถูกไล่ออกไปอีก ทีมชาติไทยเหลือผู้เล่นในสนาม 7 คน และโดนตอกฝาโลงลูกที่ 5

เอาเข้าจริงตั้งแต่ก่อนมาทัวร์นาเมนต์นี้ ผู้เขียนไม่ได้ซีเรียสเลยว่าจะได้เหรียญทองหรือไม่ เพราะคิดว่าให้โอกาสเด็กชุดนี้ ได้ทำความเข้าใจระบบ มีเกมลงเล่นต่อเนื่องเพื่อเตรียมตัวไปแข่งขันทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์เอเชีย

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นและ “ปล่อยผ่าน” ไม่ได้ หาใช่ผลการแข่งขัน แต่เป็นการควบคุมอารมณ์ของนักเตะ (บางคน) และทีมสตาฟฟ์

ได้แต่หวังว่า สมาคมฟุตบอลฯ จะมีฟีดแบกและบทลงโทษจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เมื่อกลับไปยังประเทศไทย

เล่นนอกเกม ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ กิริยาที่แสดงออกมามัน “น่าอาย” ยิ่งกว่าเราแพ้ 2-5 เสียอีก


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด