:::     :::

บุรีรัมย์ : เงินอย่างเดียวซื้อแชมป์ไม่ได้

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ไม่ต้องฮัมเพลง "พลิกล็อก" ของเจ๊ติ๊นา หรือ พาดหัวข่าวให้ดูสะเหล่ออย่าง ตะลึง สะเทือนเอเชีย แต่อย่างใด

กับภารกิจพิชิต “ทริปเปิลแชมป์” ติดต่อกัน 2 ฤดูกาลของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์อะไรในมุมของสื่อมวลชนอย่างผู้เขียนนัก

เหตุผลคือ บุรีรัมย์ เป็นสโมสรในไทยลีกที่มีความพร้อมมากสุด

พร้อมทั้งในแง่ “เม็ดเงิน”

พร้อมทั้งในแง่ “ทรัพยากรลูกหนัง”

พร้อมทั้งในแง่ “มาตรฐาน”

พร้อมทั้งในแง่ “วินัย”

เม็ดเงิน ที่ได้จากบรรดาสปอนเซอร์คาดหน้าอก บัตรเข้าชมการแข่งขัน รวมถึงสินค้าที่ระลึกสโมสร ตามแบบฉบับทีมฟุตบอลอาชีพ สิ่งเหล่านี้ถูกหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านมาเป็นการเสริมทัพผู้เล่นที่ตอบโจทย์กับทีม ปรับจูนจุดอื่น ๆ ที่ควรแก้ไขให้ออกมาเนี้ยบสุด

บุรีรัมย์ คือคำตอบของทีมที่มีเงินแล้ว “ใช้เงินเป็น” ทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไปคุ้มค่า ผู้เล่นที่เข้ามาต้องเกาถูกที่คัน ตอบสมการฟุตบอลของทีมได้หมดจด นักเตะต่างชาติถ้ามาต้องยกระดับทีมให้เหนือกว่าผู้เล่นไทย ไม่ใช่เห็นนักเตะคนไหนดัง ติดทีมชาติไม่กี่นัด ก็แห่กันหว่านซื้อเข้ามา โดยไม่สนใจว่าจะเข้ากับ “ระบบทีม” ที่กุนซือวางไว้หรือไม่  


ทรัพยากรลูกหนัง แม้สโมสรจะจ้างโค้ชชื่อดังอย่าง มาซาทาดะ อิชิอิ รวมถึงทีมงานสตาฟฟ์มากฝีมือเข้ามา สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือการบริหารทีม ไล่ตั้งแต่บนลงล่าง นักเตะชุดใหญ่ ลงมาถึงดาวรุ่ง ทำกันอย่างเป็นระบบ การทำงานของแมวมองเฟ้นหานักเตะที่หลายคนมองว่า “ธรรมดา” มาปลุกปั้นให้พรีเมียม หรือค่อย ๆ เพาะเมล็ดพันธุ์ลูกหนังตั้งแต่วัยกระเตาะ

เด็กเหล่านี้จะค่อย ๆ เติบโตตามวัฎจักรลูกหนัง โดยมีสโมสรรดน้ำพรวนดิน คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งประสบการณ์ฟุตบอล วินัย ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง จนได้เมล็ดพันธุ์ชั้นดี ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ศุภชัย ใจเด็ด, ศศลักษณ์ ไหประโคน คือคำตอบเหล่านั้น

เมื่อหยิบมามัดรวมกับแข้งต่างชาติที่อิมพอร์ตเข้ามา จึงทำให้ บุรีรัมย์ เป็น 1 ในทีมที่ใครก็ยากจะต่อกร

มาตรฐาน สิ่งที่ บุรีรัมย์ มีเหนือกว่าทีมอื่นคือประโยคง่าย ๆ อย่าง “ความเสมอต้นเสมอปลาย” แม้จะอยู่บนจุดห่วงโซ่สุดของฟุตบอลไทย แต่บุรีรัมย์ ยังพร้อม ตึง และเข้มข้นเสมอ


ย้อนกลับไปช่วงพักครึ่งฤดูกาล ขณะที่บรรดา “บิ๊กทีม” ยังหัวหมุนกับการทดลองระบบการเล่นว่าจะใช้ระบบกองหลัง 3 หรือ 4 ดี อยู่ระหว่างชั่งใจจะดึงใครมาเป็นโค้ช หรือมองหาผู้เล่นใหม่ แต่ บุรีรัมย์ ได้เตรียมความพร้อมสู่ฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก แล้ว

สิ่งเหล่านี้ตอบเราได้ว่า บุรีรัมย์ มั่นใจในมาตรฐานของทีม และทรัพยากรที่มีว่าสามารถประคองตัวเองให้เป็นแชมป์ได้ รวมถึงมองว่าทีมอื่นยังมีความแกว่ง ไม่ “นิ่ง” เท่ากับพวกเขา

วินัย สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของนักฟุตบอลอาชีพคือวินัย บุรีรัมย์ มีตรงนี้อย่างเต็มร้อย ไม่ว่าจะเด่นดังใหญ่โตจากไหน เมื่อมาสวมใส่ยูนิฟอร์ม บุรีรัมย์ ทุกคนล้วน “เท่ากัน”

ที่ผ่านมาเรามีตัวอย่างให้เห็นมากมายจากแคมป์ “ปราสาทสายฟ้า” ผู้เล่นที่ทำผลงานดี แต่เมาแล้วขับ ติดเหล้า ดูดบุหรี่ไฟฟ้า หนีเที่ยว ทะเลาะวิวาท หากไร้วินัย ไม่เคารพกฎกติกาสโมสร ปฏิบัติตนไม่สมกับการเป็นนักกีฬาอาชีพ ทางออกคือการถูกยกเลิกสัญญา และปล่อยตัว


สิ่งที่เห็นชัดคือเกมฟุตบอลถ้วยล่าสุด เนวิน ชิดชอบ ประกาศหลังเกมทันที ว่าจะไม่ต่อสัญญากับ เจบี โบลินกิ ดาวยิงของทีม หลังควงกำปั้นซ้ายใส่หน้าสตาฟฟ์ ทรู แบงค็อกฯ

แม้จะมีข้อโต้แย้งออกมาว่า แท้จริงแล้ว บุรีรัมย์ เล็งจะปล่อยตัว โบลินกิ อยู่แล้วหลังจบฤดูกาลนี้ แต่เชื่อเถอะต่อให้กองหน้ารายนี้ยังอยู่ในแผนทำทีม แล้วโชว์พฤติกรรมสร้างชื่อเสียให้สโมสรเช่นนี้ จุดจบสุดท้ายคือการ “แยกทาง” ไม่ต่างกัน

เขียนถึงตรงนี้ ผู้เขียนย้ำอีกครั้งว่า ตัวเองไม่ได้เป็นแฟนบอลปราสาทสายฟ้า หรือแอบเทใจเชียร์ทีม ๆ นี้แต่อย่างใด

แต่สิ่งที่ต้อง “ยอมรับ” โดยดุษฎีคือ บุรีรัมย์ มีในสิ่งที่โลกฟุตบอลระดับแถวหน้าทำกัน

ในอุตสาหกรรมลูกหนัง เงินอย่างเดียวไม่ใช่สมการความสำเร็จ หากแต่ยังต้องมีการบริหารจัดการที่ดี และเป็นมืออาชีพด้วย

รวมไปถึงการทำให้นักฟุตบอล เป็น “นักฟุตบอลอาชีพ” ไม่ใช่แค่ “อาชีพนักฟุตบอล” บุรีรัมย์ มีมากกว่าชาวบ้าน

 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})