บุรีรัมย์ : เงินอย่างเดียวซื้อแชมป์ไม่ได้
![](/imgs/column/8000/column-1227877420.png)
กับภารกิจพิชิต “ทริปเปิลแชมป์” ติดต่อกัน 2 ฤดูกาลของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์อะไรในมุมของสื่อมวลชนอย่างผู้เขียนนัก
เหตุผลคือ บุรีรัมย์ เป็นสโมสรในไทยลีกที่มีความพร้อมมากสุด
พร้อมทั้งในแง่ “เม็ดเงิน”
พร้อมทั้งในแง่ “ทรัพยากรลูกหนัง”
พร้อมทั้งในแง่ “มาตรฐาน”
พร้อมทั้งในแง่ “วินัย”
เม็ดเงิน ที่ได้จากบรรดาสปอนเซอร์คาดหน้าอก บัตรเข้าชมการแข่งขัน รวมถึงสินค้าที่ระลึกสโมสร ตามแบบฉบับทีมฟุตบอลอาชีพ สิ่งเหล่านี้ถูกหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านมาเป็นการเสริมทัพผู้เล่นที่ตอบโจทย์กับทีม ปรับจูนจุดอื่น ๆ ที่ควรแก้ไขให้ออกมาเนี้ยบสุด
บุรีรัมย์ คือคำตอบของทีมที่มีเงินแล้ว “ใช้เงินเป็น” ทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไปคุ้มค่า ผู้เล่นที่เข้ามาต้องเกาถูกที่คัน ตอบสมการฟุตบอลของทีมได้หมดจด นักเตะต่างชาติถ้ามาต้องยกระดับทีมให้เหนือกว่าผู้เล่นไทย ไม่ใช่เห็นนักเตะคนไหนดัง ติดทีมชาติไม่กี่นัด ก็แห่กันหว่านซื้อเข้ามา โดยไม่สนใจว่าจะเข้ากับ “ระบบทีม” ที่กุนซือวางไว้หรือไม่
![]()
ทรัพยากรลูกหนัง แม้สโมสรจะจ้างโค้ชชื่อดังอย่าง มาซาทาดะ อิชิอิ รวมถึงทีมงานสตาฟฟ์มากฝีมือเข้ามา สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือการบริหารทีม ไล่ตั้งแต่บนลงล่าง นักเตะชุดใหญ่ ลงมาถึงดาวรุ่ง ทำกันอย่างเป็นระบบ การทำงานของแมวมองเฟ้นหานักเตะที่หลายคนมองว่า “ธรรมดา” มาปลุกปั้นให้พรีเมียม หรือค่อย ๆ เพาะเมล็ดพันธุ์ลูกหนังตั้งแต่วัยกระเตาะ
เด็กเหล่านี้จะค่อย ๆ เติบโตตามวัฎจักรลูกหนัง โดยมีสโมสรรดน้ำพรวนดิน คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งประสบการณ์ฟุตบอล วินัย ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง จนได้เมล็ดพันธุ์ชั้นดี ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ศุภชัย ใจเด็ด, ศศลักษณ์ ไหประโคน คือคำตอบเหล่านั้น
เมื่อหยิบมามัดรวมกับแข้งต่างชาติที่อิมพอร์ตเข้ามา จึงทำให้ บุรีรัมย์ เป็น 1 ในทีมที่ใครก็ยากจะต่อกร
มาตรฐาน สิ่งที่ บุรีรัมย์ มีเหนือกว่าทีมอื่นคือประโยคง่าย ๆ อย่าง “ความเสมอต้นเสมอปลาย” แม้จะอยู่บนจุดห่วงโซ่สุดของฟุตบอลไทย แต่บุรีรัมย์ ยังพร้อม ตึง และเข้มข้นเสมอ
![]()
ย้อนกลับไปช่วงพักครึ่งฤดูกาล ขณะที่บรรดา “บิ๊กทีม” ยังหัวหมุนกับการทดลองระบบการเล่นว่าจะใช้ระบบกองหลัง 3 หรือ 4 ดี อยู่ระหว่างชั่งใจจะดึงใครมาเป็นโค้ช หรือมองหาผู้เล่นใหม่ แต่ บุรีรัมย์ ได้เตรียมความพร้อมสู่ฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก แล้ว
สิ่งเหล่านี้ตอบเราได้ว่า บุรีรัมย์ มั่นใจในมาตรฐานของทีม และทรัพยากรที่มีว่าสามารถประคองตัวเองให้เป็นแชมป์ได้ รวมถึงมองว่าทีมอื่นยังมีความแกว่ง ไม่ “นิ่ง” เท่ากับพวกเขา
วินัย สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของนักฟุตบอลอาชีพคือวินัย บุรีรัมย์ มีตรงนี้อย่างเต็มร้อย ไม่ว่าจะเด่นดังใหญ่โตจากไหน เมื่อมาสวมใส่ยูนิฟอร์ม บุรีรัมย์ ทุกคนล้วน “เท่ากัน”
ที่ผ่านมาเรามีตัวอย่างให้เห็นมากมายจากแคมป์ “ปราสาทสายฟ้า” ผู้เล่นที่ทำผลงานดี แต่เมาแล้วขับ ติดเหล้า ดูดบุหรี่ไฟฟ้า หนีเที่ยว ทะเลาะวิวาท หากไร้วินัย ไม่เคารพกฎกติกาสโมสร ปฏิบัติตนไม่สมกับการเป็นนักกีฬาอาชีพ ทางออกคือการถูกยกเลิกสัญญา และปล่อยตัว
![]()
สิ่งที่เห็นชัดคือเกมฟุตบอลถ้วยล่าสุด เนวิน ชิดชอบ ประกาศหลังเกมทันที ว่าจะไม่ต่อสัญญากับ เจบี โบลินกิ ดาวยิงของทีม หลังควงกำปั้นซ้ายใส่หน้าสตาฟฟ์ ทรู แบงค็อกฯ
แม้จะมีข้อโต้แย้งออกมาว่า แท้จริงแล้ว บุรีรัมย์ เล็งจะปล่อยตัว โบลินกิ อยู่แล้วหลังจบฤดูกาลนี้ แต่เชื่อเถอะต่อให้กองหน้ารายนี้ยังอยู่ในแผนทำทีม แล้วโชว์พฤติกรรมสร้างชื่อเสียให้สโมสรเช่นนี้ จุดจบสุดท้ายคือการ “แยกทาง” ไม่ต่างกัน
เขียนถึงตรงนี้ ผู้เขียนย้ำอีกครั้งว่า ตัวเองไม่ได้เป็นแฟนบอลปราสาทสายฟ้า หรือแอบเทใจเชียร์ทีม ๆ นี้แต่อย่างใด
แต่สิ่งที่ต้อง “ยอมรับ” โดยดุษฎีคือ บุรีรัมย์ มีในสิ่งที่โลกฟุตบอลระดับแถวหน้าทำกัน
ในอุตสาหกรรมลูกหนัง เงินอย่างเดียวไม่ใช่สมการความสำเร็จ หากแต่ยังต้องมีการบริหารจัดการที่ดี และเป็นมืออาชีพด้วย
รวมไปถึงการทำให้นักฟุตบอล เป็น “นักฟุตบอลอาชีพ” ไม่ใช่แค่ “อาชีพนักฟุตบอล” บุรีรัมย์ มีมากกว่าชาวบ้าน