ถาม : ตอนที่กลับถึงบ้าน ข่วงเวลานั้นเป็นอย่างไรบ้าง ?

อิสโก้ : ผมกลับไปที่บ้านด้วยความเจ็บปวด เพราะว่าที่สุดแล้ว ผมต้องออกมาจากสโมสรที่ โลเปเตกี ดึงผมเข้าไป เคยบอกกับผมว่าต้องการผม, ทีมที่เคยเป็นทีมที่ดี และผมก็เคยมีความสุขกับมัน ผมยอมลดเงินเดือนลงมา 4 เท่าจากที่เคยได้กับ เรอัล มาดริด เพื่อย้ายมาที่นี่ คนที่สโมสรบอกผมว่า มอนชี่  ไม่เห็นด้วยในกับการเซ็นสัญญากับผม ผมทำตามไอเดียการเล่นของเทรนเนอร์คนที่เชื่อมั่นในตัวผมเสมอ และเพื่อเอาชนะใจคนที่ไม่มั่นใจในตัวผม แต่ว่ามันกลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

ดังนั้น คุณคงจินตนาการออกว่าผมเป็นอย่างไรหลังกลับถึงบ้าน ผมอยู่ เซบีย่า 4 เดือน หลังย้ายมาพร้อมกับลูกๆทั้ง 3...ดังนั้น คุณจะรู้สึกถึงความไม่มั่นใจในทันที่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเราจะไปที่ไหนกัน, โรงเรียน...มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่ว่าตอนนั้นเราต้องเข้มแข็งและมองไปข้างหน้า 

ถาม : คุณร้องไห้กับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมั๊ย ?

อิสโก้ : ผมไม่ได้ร้องไห้, ผมรู้สึกเสียดาย แต่ผมรู้สึกว่าผมมีเส้นทางอาชีพที่เต็มไปด้วยเกียรติยศ ผมรู้สึกอย่างมากกับฟุตบอล ผมคว้าแชมป์มามากมาย...นี่คือกีฬาที่ผมหลงใหล, มันทำให้ผมเศร้ามั๊ย ? คำตอบคือใช่, มันทำให้ผมผิดหวังหรือเปล่า ? ก็ใช่อีก, แต่ผมตระหนักดีว่าสถานการณ์ของผมนั้นมีเกียรติ และยังมีผู้คนอีกมากมายที่มีปัญหาใหญ่กว่า ผมพยายามที่จะโฟกัสไปที่จุดนั้น ผมอายุ 31 ปี และผมยังคงมีความปรารถนา และความหลงใหลที่จะลงเล่นต่อไป และผมกำลังทำงานเพื่อสิ่งนั้น

ถาม : และหลังจากเหตุการณ์นั้น ก็มาถึงตลาดหน้าหนาว คุณเกือบที่จะเซ็นสัญญากับ อูโนโอน เบอร์ลิน แต่แล้วดีลก็ล่มในวันสุดท้าย มันเกิดอะไรขึ้น ?

อิสโก้ : อุฟฟฟ์...เรื่องนี้พูดไปคนก็จะหาว่าผมแก้ตัว 

ถาม : ไม่เป็นไร เราจะคุยเรื่องนี้กันทั้งหมดอย่างละเอียด ?

อิสโก้ : ผมทำผิดไปหลายอย่าง, ที่ปล่อยให้โอกาสมากมายหลุดลอยไป , ยอมแพ้ในการฝึกซ้อมเพราะผมรู้สึกกังวลใจ แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใน เบอร์ลิน..มันหนักมาก ตอน 4 โมงเย็นวันสุดท้ายของตลาดซื้อขาย พวกเขาโทรหาผม และบอกว่ามีทีมสำหรับผมแล้ว 

ถาม : คนที่โทรมาคือ ฮอร์เก้ เมนเดส เอเยนต์ของคุณใช่หรือไม่ ?

อิสโก้ : ใช่ เขาโทรหาผม และบอกว่ามี อูนิโอน เบอร์ลิน ทีมจากเยอรมันพร้อมยื่นข้อเสนอที่ดีมากๆให้จนสิ้นปีพร้อมอ๊อปชั่นต่อสัญญาอีก 1 ปี เท่ากับ 1+1 ปี ผมบอกเขากลับไปว่าผมจะโทรหาเขาใน 5 นาที ผมเริ่มใช้เวลาคิดและขอคำปรึกษา , พวกเขากำลังไปได้ดีใน บุนเดสลีกา ,ได้เล่นใน ยูโรป้า ลีก , สัญญาก็ดี โปรเจคต์ของสโมสรก็น่าสนใจ...เช่นนี้ผมเลยตอบรับ 

พวกเขาส่งสัญญามาให้ และผมก็ส่งให้ทนายผมไปจัดการ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ผมเตรียมจัดกรัเป๋าและบินไป เบอร์ลิน คนเดียว เพราะในชั่วเวลา 4 โมงมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะย้ายไปทั้งครอบครัวที่มีเด็กเล็ก 2 คน...ตอนที่ไปถึงมีคนจากสโมสรมารับ ทุกอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ผมถ่ายรูป และทักทายกับกล้อง ตามธรรมเนียม และเรานัดกันในวันต่อมาเพื่อทำการตรวจร่างกาย 

ในวันพรุ่งขึ้น ขณะที่อยู่บนรถกำลังขับไปที่โรงพยาบาล พวกเขาบอกผมว่า “สุดท้ายแล้วเราไม่สามารถลงทะเบียนคุณในยูโรป้าได้” ผมตอบกลับไปว่า “แล้วคุณมาบอกผมตอนนี้เนี่ยนะ ?” คำตอบของเขาบอกว่าสโมสรพยายามอย่างถึงที่สุดแล้วแต่มันไม่สำเร็จ ผมไปตรวจร่างกายแล้วก็ผ่าน แม้ว่ามีคนมากมายตั้งคำถามถึงเรื่องสภาพร่างกายของผม ซึ่งมันเป็นคำถามไร้สาระมาก เนื่องจากแพทย์ของเซบีย่าสามารถยืนยันได้ว่าสภาพร่างกายผมในช่วงนั้นอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดครั้งนึงในอาชีพนักเตะเลยก็ว่าได้ 

ทุกอย่างดำเนินต่อไปตามขั้นตอน คือผ่านการตรวจร่างกายและกำลังเข้าสู่การเศ็นสัญญา พวกเขาก็โทรหาผมอีกครั้ง “เฮ้ ฟังนะ สุดท้ายแล้วมันไม่ใช่จำนวนอย่างที่ตกลงกัน มันน้อยกว่านั้น” ผมก็ยอมรับการเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งที่ 2 ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตกลงกันมาก่อนผมบินมาเยอรมันก็ตาม แต่ว่าอีก 10 นาทีต่อมา พวกเขาโทรหาผมเป็นครั้งที่ 3  และบอกว่าจำนวนเงินในฤดูกาลหน้านั้นไม่ใช่อย่างที่ระบุไว้ในสัญญาอีก และต้องมีการตรวจสอบ 

ผมวางแผนเอาไว้ บินไปด้วยความคาดหวังและใฝ่ฝันถึงทีมที่ได้เล่นในยูโรป้า ลีก และ 15 นาทีต่อมาพวกเขาจัดการเปลี่ยนแปลงสัญญาที่ตกลงกันไว้ครึ่งนึง สัญญาที่ทำข้อตกลงกันไว้แล้ว และได้มีการตรวจสอบทั้งสองฝ่ายทั้งผมและพวกเขา นี่คือการไม่ให้เกียรติกัน ผมไม่ใช่เด็กอายุ 18 นี่ไม่ใช่สัญญาฉบับแรกที่ผมเซ็น เช่นนี้ผมเลยพูดว่าผมจะไม่เซ็นสัญญากับพวกเขา ,นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง12 ชั่วโมงที่เยอรมัน แล้วถ้าช่วง 1 ปีล่ะ ? ผมไม่อยากแม้แต่จะคิดถึง...ผมบอกกับพวกเขาว่าผมรู้สึกเสียใจมาก และผมจะกลับสเปน 

ถาม : แล้วคุณก็กลับมา ?

อิสโก้ : ใช่, ผมกลับมา จากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมอยากที่จะอยู่เงียบๆสักพัก ทำให้หัวสมองโล่ง...ในหัวผมนั้นยังไม่พร้อมกับการโยกย้ายอีก หรือโปรเจคต์ไหนๆ...ผมรู้สึกว่าอยากจะหยุดพัก ต้องการเยียวยาตัวเอง จัดการสภาพจิตใจ จัดการชีวิต จัดการกับวิธีคิดต่างๆ   

ถาม : ผมเข้าใจว่าคุณไปหาจิตแพทย์เพื่อให้ช่วย ?

อิสโก้ : ใช่, มันสำคัญมากที่จะต้องเล่าให้มืออาชีพฟัง คนที่สามารถใช้เครื่องมือกับคุณเพื่อจัดการกับความรู้สึกต่างๆ,ข้อขัดแย้งที่คุณมีกับตัวเองและผู้คน,กับอาชีพของคุณ ใช่คับ ผมไปที่นั่น 

ถาม : แล้วตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไร ?

อิสโก้ : ดีมาก, มีความปรารถนาแรงกล้าที่จะเริ่มต้นโปรเจคต์ใหม่ เจอกับประสบการณ์ใหม่ ผมกระหายที่จะเล่นฟุตบอล , สนุกไปกับมัน ต่อสู้แข่งขัน แสดงให้เห็นว่าผมยังเหลือช่วงเวลาดีๆในอาชีพอีกหลายปี  ผมอยากที่จะลืมประสบการณ์ร้ายๆที่ผมเคยเจอ และโฟกัสถึงสิ่งดีๆที่จะเข้ามาในชีวิต 

ถาม : คุณรู้ใช่มั๊ยว่าถึงคราวที่คุณต้องออกมาสู้ และเช่นเดียวกันก็จะมีคนมากมายที่พูดถึงคุณตอนที่คุณกลับมา ?

อิสโก้ : ผมรู้และผมพร้อม ผมรู้ถึงความเป็นมืออาชีพที่ตัวเองมี ผมเข้าใจว่าจะมีความสงสัยเกี่ยวสภาพของผมในปัจจุบันและการเล่นฟุตบอลของผม แต่ผมปฏิบัติตามเสมอ, ที่ มาดริด ผมมีช่วง 2-3 ปีที่ดีมากๆ, ที่ มาลาก้า ก็เช่นกัน...ที่ เซบีย่า แม้ว่าจะมีสถานการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับทีม แต่ผมน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ,ตอนนั้นผมคิดว่าผมยอมแพ้แล้ว 

ผมทุ่มเทอย่างเต็มที่เสมอ ผมลงเล่นทั้งๆที่บาดเจ็บ ผมเคยเป็นคนที่วิ่งมากที่สุดในสนามในใแต่ละเกม ผมแสเงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทุกครั้ง สุดท้ายสถิติตัวเลขที่ออกมาไม่สามารถโกหกได้ มันคือความจริงที่อยู่ตรงนั้นตลอดมา ผมคิดว่าผู้คนที่รู้จักผมเป็นการส่วนตัว ไม่เชื่อสิ่งต่างๆที่พวกเขาได้อ่าน

วันนี้คุณเข้าไปที่ ทวีตเตอร์ และแหล่งข้อมูลอื่นๆ ใครก็ตามที่เผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยัน คิดขึ้นเอง และในทันใดมันก็กลายเป็นไวรัล และสร้างความคิดเห็นที่เป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับผมซึ่งเกี่ยวกับบางสิ่งที่ไม่เป็นความจริง เราจำเป็นต้องรู้จักคนคนนั้นจริงๆ ต้องรู้ว่าด้านหลังเขาแบกเป้อะไรไว้บ้าง ผมรู้สึกใจเย็นขึ้นในตอนนี้ พูดตามตรงคือผมเองก็รู้สึกว่าตัวเองทำผิดในหลายๆเรื่อง และรู้ว่าผมยังสามารถเล่นฟุตบอลในระดับสูงได้ ผมพร้อมแล้ว 

ถาม : ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผมรู้ว่าครอบครัวคุณยืนเคียงข้างคุณและคอยช่วยเหลือตลอด แต่ว่าแฟนบอล, เพื่อนๆในวงการมีใครสนใจคุณบ้างหรือเปล่า ?

อิสโก้ : มี, บางคนให้ความสนใจ ผมมีเพื่อนที่ยอดเยี่ยม ผมได้รับข้อความและรับสายมากมายจากคนที่สนใจในสถานการณ์ของผม ผมได้รับความรักจากส่วนนี้ มันคือความจริง 

          ถาม : เราย้อนกลับไปสักหน่อย อิสโก้ ในช่วงท็อปสุดขีดระหว่างปี 2012-2018 สุดยอดฤดูกาลที่ มาลาก้า , เซ็นสัญญากับ เรอัล มาดริด ได้ 4 แชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก, เป็นสตาร์ของทีมชาติ แต่ว่าต้องเข้ารับการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ, โลเปเตกี ถูกไล่ออก , โซลารี่ เข้ามารับงานต่อ และจากนั้น เราก็ไม่เคยเห็น อิสโก้ ที่ดีที่สุดอีกเลย อะไรคือจุดพลิกผันในอาชีพของคุณ 

อิสโก้ : คุณรู้มั๊ยว่าเกิดอะไรขึ้น คุณอยู่กับทีมอย่าง มาดริด คุณสามารถที่จะทะเยอทะยานได้ถึงขีดสุดในฐานะนักเตะ คุณอยู่กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์  แม้ว่าจะมีช่วงเวลาที่ย่ำแย่ แต่ที่สุดแล้วผมก็ผ่านมาได้เสมอ...ในตอนจบฤดูกาลผมได้ลงเล่น 40-50 เกมเสมอ 

ถาม : คุณเป็นคนที่หยุดยั้ง ลา เบเบเซ ?

อิสโก้ : ใช่เลย เหตุนี้ผมจึงได้พูดสิ่งนั้น ว่าท้ายที่สุดแล้วผมเอาชนะอุปสรรคสำเร็จและได้โอกาสลงเล่น ผมเป็นตัวจริงในนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก 2 ครั้ง และเกมนัดชิงโกปา เดล เรย์ และ ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า...จนถึงปี 2018 ผมประสบความสำเร็จรายการสำคัญๆในทุกโมเมนท์ และก็อย่างที่ผมได้พูดกับคุณไป มาดริด คือทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และที่นี่ ปัญหาก็เกิดขึ้น

ผมขอย้อนกลับไปในปี 2018  ผมต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วนที่ไส้ติ่ง ทีมแพทย์บอกกับผมว่าเพื่อให้ทุกอย่างสมบูรณ์ ผมจะต้องพักประมาณ 1 เดือน แต่ว่าผมกลับมาลงเล่นในหลังจากผ่านไป 20 วัน หมอได้เตือนผมว่าพวกเขาจะกดดันคุณให้กลับมาลงเล่นก่อนกำหนด แต่ทีมกำลังอยู่ในช่วงเวลาเลวร้าย แพ้หลายเกมกับทีมอย่าง อลาเบส,ซีเอสเคเอ มอสโก และผมก็รู้สึกว่าผมจะต้องฝืนตัวเองกลับมาเพื่อช่วยทีมของผม 

ถาม : พวกเขาไล่ โลเปเตกี ออกและดึง โซลารี่ เข้ามา ?

(อ่านต่อ PART III เร็วๆนี้) 

        เจมส์ ลา ลีกา แปล & เรียบเรียง