สำหรับ “ฟิล โจนส์” อดีตปราการหลังทีมชาติอังกฤษ ที่โบกมือลาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากอยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน ท่ามกลางความสำเร็จในรูปแบบถ้วยแชมป์ เขายังต้องผ่านแบบทดสอบสำคัญ นั่นคือเรื่องของอาการบาดเจ็บ ที่เล่นงานเขามาอย่างต่อเนื่อง
ช่วงนี้ เราลองไปดูอีกมุมหนึ่งของชีวิต ทำให้โจนส์ ต้องเจอกับความเจ็บปวดทางจิตใจ ไม่แน่ว่า เมื่อลองอ่านแล้ว แฟนบอลหลายคนอาจรัก และเข้าใจเขามากขึ้น พร้อมกับบรรจุเขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทุ่มเทให้สโมสร ตลอดทุกเกมที่เดินลงสู่สนาม
“พ่อคะ คนพวกนั้นพูดอะไรถึงพ่อ ?”
ตอนย้ายจากแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เพื่อมาร่วมทีมยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด “ฟิล โจนส์” คือเด็กหนุ่มวัย 19 ปี นอกจากเป็นการไล่ล่าความฝัน ชายที่ชื่อ “เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” ยังรอขัดเกลาเขาอยู่
โดยความประทับใจที่เฟอร์กูสัน มีต่อเขา เกิดขึ้นในเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถล่มแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 7-1 ด้วยสกอร์ที่ห่างแบบเทียบไม่ติด แต่เขายังคงเล่นแบบถวายชีวิต และไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
เพียงแค่ 2 ฤดูกาล โจนส์ สามารถเก็บเกี่ยวเกียรติยศกับทัพ “ปีศาจแดง” เป็นผลสำเร็จ นั่นคือการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ถือเป็นการส่งท้ายเส้นทางผู้จัดการทีมของเฟอร์กูสัน ที่ประกาศวางมือไปอย่างยิ่งใหญ่
หลังจากที่เฟอร์กูสัน ล้างมือในอ่างทองคำ เส้นทางลูกหนังของเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จากนักเตะที่เล่นได้อย่างดุดัน กลายเป็นนักเตะที่บาดเจ็บเป็นประจำ แน่นอนว่า ชีวิตบนผืนหญ้า กลายเป็นต้องอยู่หน้าเครื่องมือแพทย์
4 ฤดูกาลหลังสุด โจนส์ ลงเล่นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในจำนวนเกมที่แทบจะนับนิ้วได้ อาการบาดเจ็บยังคงคอยเล่นงานเขาอย่างชอกช้ำ แถมยังคอยถูกขยี้ซ้ำจากแฟนบอลบางส่วน
เขาตกเป็นเป้าของการบูลลี่อย่างสนุกสนาน ทั้งในโลกออนไลน์ ที่นำภาพของเขาไปตัดต่อ รวมถึงชีวิตจริง ที่โดนแฟนบอลตะโดนด่า แม้เขากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่เดินตามท้องถนนกับครอบครัว
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การที่เขาโดนคนแปลกหน้า พูดจาดูถูกต่อหน้าครอบครัวของตัวเอง ในขณะที่กำลังมีวันพักผ่อนที่แสนธรรมดา ในฐานะของพ่อ และสามี ถือเป็นเรื่องที่ยากต่อการทำใจ
“ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย” โจนส์ เริ่มเล่า “ผมเรียนรู้ในการรับมือ และมีมุมมองที่แตกต่างออกไป”
“บางครั้ง ผมก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้ (โดนด่าตามท้องถนน) ถือเป็นเรื่องทุกข์ยาก ที่ต้องผ่านช่วงเวลาที่แสนลำบาก ทั้งที่ผมกำลังใช้เวลาอยู่กับลูกของตัวเอง ในสถานที่ที่เป็นโลกส่วนตัว ผมกำลังอยู่กับลูกสาวตัวน้อย ซึ่งเธอหันมาถามผมว่า -พ่อคะ คนพวกนั้นพูดอะไรถึงพ่อ ?-”
ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ สำหรับนักเตะที่อยู่รับใช้ทีมมาครบทศวรรษ ย่อมได้รับเกียรติในการจัดเทสติโมเนี่ยล แมตช์ อย่างไรก็ตาม เขาต้องตอบปฏิเสธไป เพราะไม่อยากให้แสงไฟแห่งคำดูถูก สาดส่องมาที่ตัวเขา
นอกจากนี้ เขายังคงคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา ทั้งกับพ่อแม่ และภรรยา รวมถึงลูกสาว ที่เริ่มอ่านหนังสือออกแล้ว เขาไม่อยากให้ลูกรับรู้ว่า พ่อของพวกเธอต้องโดนปรามาสอย่างไรบ้าง
“นอกจากพ่อแม่ และครอบครัวผมแล้ว คงไม่มีใครยอมจ่ายเงินมาดูเทสติโมเนี่ยล แมตช์ ของผมหรอก” เขากล่าวสั้นๆ แต่ความหมายช่างกัดกินใจ
กาลเวลาเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด เส้นทางลูกหนังของเขาหยุดอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จำนวน 12 ปี คลิปอำลาของสโมสรที่ทำให้เขา มีเพียงบรรยากาศของสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ที่ว่างเปล่า กับฉากสุดท้ายที่เขาเดินออกจากสนามพร้อมกับครอบครัว
“บางครั้ง ชีวิตก็มีหลายอย่างเกิดขึ้น โดยเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบ อย่างไรก็ตาม เราต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับมัน ทำจิตใจให้สงบ พร้อมกับบอกตัวเองว่า เราทำอย่างสุดความสามารถแล้ว”
“ถนนแห่งชีวิตอาจเต็มไปด้วยความขรุขระ ที่จะเหวี่ยงคุณออกนอกเส้นทางไป กระนั้น มันเกี่ยวกับการลุกขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากพบกับความพ่ายแพ้ และก้าวเดินต่อ นี่คือบทเรียนที่ผลักดันผมไปสู่ความท้าทายต่อไป ไม่ว่าจะมีอะไรรออยู่ข้างหน้า”
“ผมพูดกับครอบครัว และผองเพื่อนบ่อยครั้งว่า มีไม่กี่คนหรอกที่จะโชคดี ในการเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และถูกบรรจุลงในหน้าประวัติศาสตร์ ผมสามารถมองย้อนกลับไป ด้วยความทรงจำที่แสนมีความสุขได้”
บางครั้ง เขาอาจถูกก่นด่า บางเวลาเขาอาจถูกตั้งข้อสงสัย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ลูกสาวของเขาอาจจะได้ฟังอีกมุมมองว่า แฟนบอลมองพ่อของพวกเธอ ในฐานะหนึ่งในขุนพลจากชุดสุดท้ายของเฟอร์กูสัน ที่ยังคงหลงเหลือ พร้อมกับเป็นขุนพลที่ยอมตาย และถวายชีวิตในสนาม แม้มันจะต้องแลกมากับอาการบาดเจ็บก็ตาม
