ในการบริหารงานของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ก็จะมีสิ่งที่เรียกว่า FANS' FORUM MEETING ซึ่งเป็นการพบปะกันระหว่างตัวแทนของสโมสรแมนยูไนเต็ด กับฝ่ายของกลุ่มแฟนบอลที่เป็นตัวแทนหลักจากการเลือกเข้ามาของฐานแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และสมาชิกอาวุโสของสโมสร
Fan's Forum เป็นส่วนที่มีอยู่จริง และกระจายข่าวอย่างชัดเจนอยู่บนเว็บไซต์ official ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นส่วนของเวทีที่เปิดขึ้นมาเพื่อพัฒนาความเข้าใจระหว่างสโมสรกับแฟนบอลให้ดียิ่งขึ้นเกี่ยวกับปัญหาต่างๆที่ส่งผลกระทบกับแฟนบอล หรือสิ่งที่แฟนบอลต้องการจากสโมสร เพื่อให้เกิดการพูดคุยที่สร้างสรรค์กันเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่าย
ฟอรัมมีการพบกันสี่ครั้งต่อฤดูกาล และรายงานฉบับล่าสุดนี้เป็นเนื้อหาที่ถอดมาจากการพบปะในฟอรัมของวันที่ 28 มิถุนายน 2023 ซึ่งเป็นฉบับล่าสุดที่มีอยู่ในเว็บไซต์หลัก จากที่ก่อนหน้านี้ของปี 2023 มีวันที่ 29 มีนาคมไปแล้วหนึ่งรอบ
สิ่งที่น่าสนใจคือ พาร์ทหนึ่งของฟอรัมในวันนี้ มีการเปิดเผยเรื่องของแผนงานการเสริมทีมของแมนยูไนเต็ด ที่เป็นโครงสร้างตารางการทำงานที่แท้จริงของแมนยู ว่าพวกเขาทำงานกันอย่างมีระเบียบแบบแผนที่ชัดเจน จากการร่วมมือของหลายๆฝ่าย และงานนี้ไม่ได้ทำแค่ช่วงซัมเมอร์ แต่เตรียมงานกันตลอดทั้งปี
ต่อจากนี้คือการถอดคำพูดแบบเป๊ะๆทุกคำจากการกล่าวกับฟอรัมของ John Murtough ผู้อำนวยการฟุตบอลที่เข้าฟอรัมนี้ด้วย พร้อมกับ CEO ใหญ่อย่าง Richard Arnold อีกคน รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางฝ่ายต่างๆของสโมสรอีก 7 คนในครั้งนี้
สิ่งที่ John Murtough ให้รายละเอียดเรื่องการทำงานไว้น่าสนใจมาก มีเนื้อหาดังต่อไปนี้
"มันเป็นฤดูกาลแห่งความก้าวหน้าของทั้งทีมชายและทีมหญิงของเรา แต่เราไม่ต้องการจะจมอยู่กับสิ่งที่ทำสำเร็จนานเกินไป เพราะรู้ว่ายังมีงานอีกมากที่จะขึ้นไปสู่ในระดับที่เราต้องการ ดังนั้นอย่างที่เราโฟกัสกันในวันนี้ มันคงจะเป็นประโยชน์ถ้าจะเพิ่มเติมข้อมูลเชิงลึกในเรื่องของการสรรหานักเตะและกระบวนการวางแผนจัดการทีมให้คุณได้เข้าใจงานหลังบ้านที่คอยช่วยเหลือเอริคและมาร์ค ในการหาผู้เล่นที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้งานในการแข่งขันฤดูกาลต่อไปหรือไกลกว่านั้นในวันข้างหน้า"
"ถ้าคุณฟังจากโซเชียลมีเดียต่างๆ ก็อาจจะคิดไปว่ากระบวนการสรรหานักเตะมันเริ่มช่วงมิถุนายน เสร็จสิ้นเดือนกันยายน อาจจะมีอีกเล็กน้อยเดือนมกราคม แต่จริงๆแล้วมันคือกระบวนการที่ทำตลอดทั้งปี เริ่มต้นงานจากการประเมินจุดแข็งและจุดอ่อนของทีมที่เรามีอยู่แล้ว ทั้งทีมชุดใหญ่ และทีมอะคาเดมี่ ของทั้งชายหญิงเพื่อจะให้ได้มองเห็นและเข้าใจก่อนว่า จุดไหนที่ขาดและต้องเติมเต็มผ่านการสรรหาจากภายนอกเข้ามา"
"การวิเคราะห์ดังกล่าวจะกำหนดแอเรียที่เราโฟกัสในการดำเนินการสืบหานักเตะ(scouting) เพื่อจะมองหานักเตะเป้าหมายตามความจำเป็นของแต่ละตำแหน่ง และเราทำเรื่องนี้ล่วงหน้าเพิ่มเติมเพื่อให้มีเวลาสามารถวางกรอบของตลาด และตีกรอบเป้าหมายตัวเลือกให้แคบลงมาได้"
"ทันทีที่ตลาดซัมเมอร์ปิดลง เราจะประชุมเพื่อเริ่มกระบวนการของซัมเมอร์ต่อไปในทันที ซึ่งก็จะมีตัวผม (John Murtough), Erik, ชุดแมวมองระดับสูง และรวมถึงฝ่ายข้อมูลวิเคราะห์ เราใช้กระบวนการเดียวกันนี้กับทีมหญิงด้วยซึ่งนำทีมการทำงานโดย Polly Bancroft ที่ทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิดกับผู้จัดการทีมอย่าง Marc Skinner"
"กลุ่มการทำงานนี้มีการพูดคุยกันตลอดทั้งซีซั่นเพื่อที่จะอัพเดทข้อมูลต่างๆ ทั้งรายงานเรื่องโครงข่ายการสรรหานักเตะ และการวิเคราะห์ข้อมูลประสิทธิภาพการเล่นต่างๆจากทีมของ Dominic และ Jordan เมื่อถึงเวลาที่ใกล้เปิดตลาดซัมเมอร์มากขึ้นเรื่อยๆ เราก็จะตีกรอบลิสต์เป้าหมายเหล่านี้ให้แคบลง และการตัดสินใจจะทำด้วยฉันทามติระหว่างทีมแมวมอง, ผู้จัดการทีมชุดใหญ่ ซึ่งถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่เห็นด้วยหรือไม่ชอบนักเตะตัวนั้น เราก็จะไม่ไปซื้อเขา"
"นอกจากนี้เรายังทำงานอย่างใกล้ชิดกับแผนกการเงินเพื่อกำหนดงบประมาณของช่วงหน้าต่างซื้อขายนั้นๆ ซึ่งเมื่อถึงเวลาเปิด สิ่งที่เราจะต้องรู้ก็คือ นักเตะคนไหนบ้างที่เราต้องการ แล้วจะใช้เงินเท่าไหร่ถึงจะคว้าตัวเข้ามาได้ ซึ่งหลังจากนั้นก็จะเป็นงานของทีมผมที่จะออกไปเจรจาต่อรองกับสโมสรต่างๆรวมถึงเอเย่นต์เพื่อที่จะดึงตัวเป้าหมายเข้ามาให้ได้"
"นอกจากนี้เรายังเสริมศักยภาพในงานด้านนี้โดย Matt Hargreaves ที่ย้ายมาจากอาดิดาสเมื่อเร็วๆนี้ มาเป็นหัวหน้าเจรจาการต่อรองดีล ซึ่งผมเข้าใจว่ามีการคาดเดาไปต่างๆนานามากมาย ในเรื่องของการทบทวนกลยุทธ์การเสริมทีมของเรา ที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้นในซัมเมอร์นี้ แต่ในความเป็นจริงก็คือมันเป็นธุรกิจที่ดำเนินไปตามปกติที่เราได้กำหนดแผนเอาไว้ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่แล้ว"
"มันไม่ต่างกันมากในเรื่องที่ว่าใครจะมาเป็นเจ้าของทีม เพราะตัวเลขการใช้เงินของเราก็จะยังคงต้องใช้กฎเดียวกันซึ่งขึ้นอยู่กับ FFP เหมือนเดิม ที่เป็นข้อจำกัดหลักของเราในการใช้จ่ายเงินได้ในช่วงซัมเมอร์ ไม่ใช่เพราะเกิดจากปัญหาเรื่องการเป็นเจ้าของทีม ดังนั้นเราจะต้องมีวินัยในแนวทางการทำงานของเรา"
"เราโชคดีที่มีการเงินที่แข็งแกร่งมากกว่าหลายๆสโมสร ดังนั้นเราจึงมีเม็ดเงินที่สามารถนำมาลงทุนได้ในซัมเมอร์นี้ แต่ก็ยังมีลิมิตอยู่ และเรายังคงต้องขายออกเพื่อที่จะให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้วย เราไม่ได้เป็นสโมสรเดียวที่ต้องเผชิญกับเรื่องนี้ ทีมใหญ่หลายๆทีมก็ต้องเผชิญกับข้อกำหนดของ FFP เช่นกัน"
"ทุกๆฝ่ายต้องเล่นตามกฎเดียวกันนี้ที่เราสนับสนุนกฎการใช้งบประมาณอย่างยุติธรรมเพื่อที่จะรักษาให้การแข่งขันตรงนี้มันยั่งยืน ดังนั้นเราจึงไม่มีปัญหาอะไรกับตรงนี้เพราะมันมีประโยชน์สำหรับความชัดเจนให้กับทุกๆฝ่ายได้ ทั้งยังทำให้ตลาดนักเตะซื้อขายอย่างเป็นระเบียบด้วย"
"สิ่งที่เราวาดฝันเอาไว้คือการซื้อขายให้เรียบร้อยโดยที่ไม่มีใครได้รู้ก่อน แต่โชคร้ายที่ในความเป็นจริงมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในยุคของโซเชียลมีเดีย และเราก็จำนนต่อความจริงที่ว่าทุกๆตลาดซัมเมอร์มันจะวุ่นวายมากๆ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือเราจะมุ่งดำเนินการอย่างจริงจัง แค่กับตัวเป้าหมายที่เราเชื่อมโยงเท่านั้น ซึ่งชื่อต่างๆที่คุณเห็นมาจากสื่อต่างๆมันเป็นเพียงแค่การผลักดันจากเอเย่นต์ที่พยายามสร้างความน่าสนใจให้ลูกค้าของเขา(นักเตะ)เท่านั้นเอง"
"ผมยืนยันกับคุณตรงนี้ได้เลยว่าเรามีแพลนที่ชัดเจนมากอยู่แล้ว ทั้งขาออกและขาเข้า และเราดำเนินการต่างๆคืบหน้าเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้น จับตาดูต่อไป เราจะแบ่งปันข่าวสารออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ และหวังว่าเมื่อถึงเวลาที่ฤดูกาลที่ทั้งทีมชายและหญิงเริ่มต้นคิกออฟ เราจะเสริมทัพให้แข็งแกร่งได้อย่างเรียบร้อยทั้งสองทีม"
ทั้งหมดนี้คือรายละเอียดจากปากของ John Murtough น่าจะเป็นข้อมูลที่ทำให้แฟนบอลได้เข้าใจมากขึ้น และเพื่อแก้ข้อเข้าใจผิดจากแฟนบอลบางส่วนที่คิดว่าสโมสรเราทำงานกันอย่างไม่มีแบบแผน หรือมีปัญหาต่างๆมากมาย ซึ่งจริงๆแล้วเราไม่ได้เตรียมงานกันแค่ช่วงตลาดเปิด ทุกๆอย่างถูกเซ็ตเอาไว้เรียบร้อยแล้วว่า ทีมจะซื้อใครบ้าง
ไม่ใช่หว่านแหไปเอาคนนั้นคนนี้มั่วๆ เหมือนที่ "ข่าว" รายงานกันออกมามากมาย ที่ทำให้เห็นว่าแมนยูมีข่าวกับนักเตะเต็มไปหมดทั้งวงการ เอาจริงๆแล้วบางคนสโมสรอาจจะไม่เคยสนใจซะด้วยซ้ำ แต่แฟนๆก็ตัดสินสโมสรไปแล้วจากสื่อที่ออกมา ซึ่งควรต้องเข้าใจด้วยว่า "ข่าวก็คือข่าว" มันมีการเล่นข่าว และสร้างข่าวขึ้นมามากมายด้วยวัตถุประสงค์ต่างๆ แต่เป้าหมายที่แน่นอนจริงๆของทีมมันมีแผนการเสริมทีมที่วางตัวเอาไว้อยู่แล้ว
วิธีการสังเกตข่าวเหล่านี้ว่าตัวไหนตัวจริง ตัวไหนตัวปลอมคือ ข่าวที่รายงานแบบหนักแน่นอย่างต่อเนื่องจากรายงานสื่อระดับสูง ที่เล่นข่าวยาวๆตั้งแต่ช่วงก่อนปิดซีซั่น จนถึงช่วงซื้อขายตอนตลาดเปิด นักเตะที่มีการรายงานยาวๆนั่นแหละมักจะเป็นตัวจริงที่สโมสรดำเนินการอยู่จริง
ส่วนคนอื่นๆที่รายงานมาเสริมนั่น บางครั้งเป็นเพียงการคาดการณ์จากสื่อ เป็นการเล่นข่าวของเอเย่นต์เพื่อเรียกมูลค่าและพื้นที่สื่อให้นักฟุตบอลในเครือข่ายของตนเท่านั้นเอง
หลังจากที่อ่านสิ่งที่ John Murtough อธิบายให้ฟัง ก็เชื่อว่าแฟนบอลจะเห็นภาพชัดขึ้นว่า ระบบการทำงานของสโมสรนั้นทำกันอย่างไรบ้าง บนพื้นฐานของการวางแผนงานที่ใช้หลายๆฝ่ายดูแลในเรื่องนี้ ซึ่งก็แตกต่างจากยุคก่อนที่มีเอ็ด วู้ดเวิร์ด เป็น CEO อยู่ในตอนนั้น การทำงานในสมัยของริชาร์ด อาร์โนลด์ มีมุมมองที่ดีขึ้น และมีโครงสร้างการทำงานในสโมสรที่ละเอียด ตรงจุดมากกว่าเดิม
ไม่ต้องแปลกใจว่าเราซื้อขายนักเตะมาได้ดีในสองซัมเมอร์ล่าสุด นับตั้งแต่มีเอริค เทน ฮาก เข้ามา และมีผู้ดูแลดีๆอย่างริชาร์ด และ จอห์น ที่ช่วยเอริคอยู่แบบนี้
เรามั่นใจว่า ตลาดซัมเมอร์ 2023 จะเป็นอีกหนึ่งครั้งที่เราชื่นใจกับการเสริมทีมได้อย่างถูกต้องตรงจุดอย่างแน่นอน ซึ่งมันเป็นคนละเรื่องกับที่แฟนบอลบางกลุ่มยังเข้าใจว่าเราไปเอาตัวเลือกลำดับ 3-4 มาเสริมทีม ทั้งที่จริงๆนักเตะเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นเมสัน เมาท์, โอนาน่า ล้วนแล้วแต่เป็นเป้าหมายหลักของทีมทั้งสิ้น หรือดีลใหม่อย่างราสมุส ฮอยลุนด์ อาจจะไม่ใช่ตัวท็อปสุด แต่มันก็เป็นดีลทางเลือกที่ดีในการเสริมทีมเข้ามาเช่นกัน
หากดีลอัมราบัตสำเร็จอีกคน มันจะเป็นตลาดซัมเมอร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดอีกหนึ่งซีซั่นในช่วงทศวรรษเลย ที่เสริมทัพที่นำนักเตะมา "เข้าระบบ" สู่ทีมเราได้ตรงจุดมากแค่ไหน
การทำงานซัพพอร์ตผู้จัดการทีมอย่างเต็มที่ของสโมสร และทั้งจากผู้บริหารใหญ่ทั้งสองคนนี้ มันทำให้เราเห็นภาพเหมือนกับที่ฝ่าบาททีชาล่า หาโล่ให้กัปตันอเมริกายังไงยังงั้น ขอให้การทำงานร่วมกันไปแบบนี้กับเอริค เทน ฮาก เป็นไปอย่างถูกต้องและต่อเนื่อง ถ้าสิ่งนี้ดำเนินไปตามแผน เรามั่นใจว่าตามลำดับแล้ว แมนยูปีนี้คือปีที่อุดรอยรั่วให้ครบ ปีต่อๆไปจะเป็นการ "ยกระดับ" ที่แท้จริงให้ขึ้นไปสู่จุดที่สูงกว่านี้ ตามที่ John Murtough บอกเลยครับ
Trust The Process
#BELIEVE
-ศาลาผี-
References
