การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ เกิดขึ้นภายหลังจากที่มีการประชุมร่วมกับ โจน ลาปอร์ต้า และ ราฟา ยุสเต้ เมื่อวันจันทร์ที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมาที่ ซิวตาต เอสปอร์ตีบา โจน กัมเปร์ ยังความรู้สึกประหลาดใจมาสู่แฟนๆ เพราะ อเลมานี่ ถือเป็นขุนพลคู่บุญของ ลาปอร์ต้า เคียงบ่าเคียงไหลกันมานับแต่ที่ ลาปอร์ต้า ชนะการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม 2021 

ทำไม อเลเมานี่ ถึงต้องไป ? 

นี่คือคำถามที่ทุกคนอยากรู้คำตอบ ซึ่งมันก็ง่ายๆแค่ว่า อเลมานี่ ไม่ต้องการเป็นเบอร์ 2 รองจากใคร จากที่เคยเป็นหมายเลขหนึ่งมีอำนาจเต็มในพาร์ทฟุตบอลของ บาร์ซ่า 

เมื่อ ลาปอร์ต้า แจ้งให้ทราบว่านับจากนี้อำนาจเด็ดขาดในการตัดสินใจเรื่องซื้อ-ขายนักเตะจะเป็นของ เดโก้ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผ.อ.กีฬาคนใหม่ เขาเองก็ตัดสินใจได้ไม่ยาก ถึงแม้ว่า ลาปอร์ต้า จะยื่นข้อเสนอกับ อเลมานี่ ว่าสามารถอยู่กับสโมสรต่อไปก็ได้ แต่ต้องย้ายไปทำในส่วนอื่น ซึ่งก็แน่นอนว่า อเลมานี่ ตอบปฏิเสธ 

เดโก้ ถูกวางไว้แล้ว 

มีข้อมูลว่า โจน ลาปอร์ต้า ทาบทาม เดโก้ ให้มารับตำแหน่งด้านกีฬาของสโมสรเมื่อราว 1 ปีก่อน แต่ เดโก้ ได้ตั้งเงื่อนไขไว้ว่าหากเขามา จะต้องได้มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจเกี่ยวกับทีม โดยเฉพาะเรื่องการซื้อ-ขายนักเตะ แต่การที่ อเลมานี่ ยังอยู่ ทำให้ไม่ตรงตามเงื่อนไขนี้ เดโก้ จึงได้ปฏิเสธเพราะเขาไม่ต้องการเป็นเบอร์ 2  

ทำไม ลาปอร์ต้า จึงอยากได้ เดโก้ ? 

ทำไม ลาปอร์ต้า จึงอยากได้ เดโก้ เข้ามา ทั้งๆที่มี อเลมานี่ ซึ่งทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว ข้อนี้ แหล่งข่าวเชื่อกันว่ามันเป็นกลยุทธ์ของ ลาปอร์ต้า 

ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา นับแต่ ลาปอร์ต้า ก้าวขึ้นรั้งตำแหน่งประธานสโมสรคำรบที่ 2 ในงานด้านฟุตบอลของทีมชุดใหญ่ มี 3 หัวหอกสำคัญคอยขับเคลื่อนอยู่ คือ อเลมานี่ ในตำแหน่งผ.อ.ฟุตบอล, ยอร์ดี้ ครัฟฟ์ ในตำแหน่งที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ (Strategic Advisor) และ ชาบี ในตำแหน่งเทรนเนอร์ 

อเลมานี่,ครัฟฟ์ และ ชาบี 3 คนนี้ได้ฟอร์มทีมขึ้นมากลายเป็น 3 ประสานที่แข็งแกร่ง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน 

ด้วยเหตุที่มีมุมมองเรื่องฟุตบอลคล้ายคลึงกัน อีกทั้ง ยอร์ดี้ ครัฟฟ์ ยังเป็นลูกชายของ โยฮัน ครัฟฟ์ ที่ ชาบี เทิดทูนอย่างมาก ทำให้ความคิดเห็นของพวกเขาส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จน ลาปอร์ต้า และบอร์ดบริหารคนอื่นๆสอดแทรกเข้าไปได้ยาก  

3 คนนี้กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่แค่เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่ยังมาจากประสบการณ์การทำงานที่ข้นคลั่ก,วิชั่นส์อันยอดเยี่ยมที่มีต่อเกมลูกหนังและความรู้ที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาดซื้อขาย ทำให้เหตุผลในการตัดสินใจแต่ละครั้งนั้นคนอื่นๆหาข้อโต้แย้งได้ยาก 

โดยเฉพาะ ลาปอร์ต้า ที่พูดอะไรไม่ถนัดเพราะเคยให้คำมั่นกับ ชาบี ว่าจะให้อำนาจการตัดสินใจกับเขาตอนที่เจราจาดึงมาจาก อัล ซาดด์ 

เหตุนี้ ลาปอร์ต้า จึงต้องการคนที่เขาไว้ใจ สามารถสั่งการได้เข้าไปเป็นส่วนนึงของทีมงานชุดนี้เพื่อเปลี่ยนสมดุล หรือ พูดง่ายๆก็คือ ลาปอร์ต้า ต้องการดึงอำนาจของตัวเองกลับมาบางส่วน 

นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ ยอร์ดี้ ครัฟฟ์ ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาและย้ายออกไปเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา

ประโยชน์ของ เดโก้ 

ถึงแม้ ครัฟฟ์ จะย้ายออกไปแล้ว แต่การที่ ชาบี พาทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา มาครองสำเร็จ ทำให้กุนซือวัย 45 ได้รับเครดิตอย่างมาก และนับวันอิทธิพลและบทบาทของเขาในทีมก็จะยิ่งมากขึ้น 

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือกรณีของ รูเบน เนเวส นักเตะในความดูแลของ ฮอร์เก้ เมนเดส ที่บอร์ดบริหารแนะนำให้ ชาบี รับเข้ามาอยู่ในทีม ด้วยการอ้างเหตุผลทางกลยุทธ์ เกี่ยวกับเรื่องการเงินและเพดานค่าเหนื่อย ทว่า ชาบี ค้านหัวชนฝากับคำแนะนำนี้จนในที่สุดบอร์ดบริหารก็ต้องล้มเลิกความตั้งใจไป  

จากกรณีของ เนเวส ทำให้ ลาปอร์ต้า ต้องการคนที่จะเข้ามาคานอำนาจกับ ชาบี จึงแต่งตั้งให้ เดโก้ เป็น ผ.อ.กีฬามีอำนาจในการตัดสินใจเหนือกว่าเทรนเนอร์ ซึ่งเราก็คงจะต้องรอดูกันว่า เดโก้ จะคานอำนาจกับ ชาบี ได้แค่ไหน ในกรณีของ ชูเอา เฟลิกซ์ ที่ ลาปอร์ต้า และบอร์ดบริหารอยากได้มาร่วมทีม แต่ ชาบี ยังไม่ยินยอม 

ลาปอร์ต้า ไม่มั่นใจในตัว อเลมานี่ 

อีกเหตุผลนึงที่ทำให้ ลาปอร์ต้า ตัดสินใจปลด อเลมานี่ และดัน เดโก้ ขึ้นมา นอกเหนือจากเป็นคนของตัวเองแล้ว ลาปอร์ต้า ยังไม่มั่นใจในตัวของ อเลมานี่ อีกด้วย หลังจากที่ อเลมานี่ เคยตัดสินใจลาออกจากสโมสรเพื่อไปรับงานที่ แอสตัน วิลล่า ก่อนจะเปลี่ยนใจกลับมา เนื่องจากที่ วิลล่า ไม่เป็นอย่างที่เขาจินตนาการไว้

ครับ ทั้งหมดนี้ก็เป็นบทวิเคราะห์ถึงเหตุผลที่ ลาปอร์ต้น ปลด อเลมานี่ ออกจากตำแหน่งผ.อ.ฟุตบอล และดัน เดโก้ ขึ้นมาโดยอาศัยข้อมูลจากนักข่าวที่อ้างว่าได้แหล่งข่าววงในออกมาเปิดเผย 

จะมีส่วนจริงมากน้อยแค่ไหน เราไม่มีทางทราบ ก็แค่ได้ฟังหูไว้หู ใช้วิจราณญาณจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา และกำลังจะเกิดขึ้น เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าอันไหนจริง อันไหนเท็จ และคนไหนบ้าอำนาจ 

เจมส์ ลา ลีกา