:::     :::

กว่าจะมีวันนี้ของ "มอยเซส ไกเซโด้"

วันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม 2566 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
766
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นี่คือเรื่องราวของเจ้าของฉายาปลาหมึกน้อย สู่แข้งค่าตัวหลักร้อยล้านปอนด์

มอยเซส ไกเซโก้ เกิด และเติบโตที่ “ซานโต้ โดมิงโก้” ประเทศเอกวาดอร์ คุณพ่อของเขาทำงานรถลาก ส่วนคุณแม่ประกอบอาชีพซักผ้า เขาถือว่าเป็นน้องคนสุดท้อง จากพี่น้อง 10 คน เริ่มต้นเส้นทางลูกหนัง ในสนามแถวบ้าน ที่ถูกเคลือบไปด้วยฝุ่น 


ย่านที่เขาเติบโตมา เต็มไปด้วยความยากจน หลายคนเลือกเส้นทางเดินที่ไม่ถูกต้องนัก ก่อให้เกิดกลุ่มอันธพาล และอาชญากรรม นอกจากนี้ ย่านดังกล่าว ยังอุดมไปด้วยเรื่องของยาเสพติด และการลักขโมย ความรุนแรงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน 


เพียงไม่นาน ฝีเท้าของเขาก็เตะตา โค้ชทีมระดับท้องถิ่น ที่คอยให้ความช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ ทั้งการมอบเงินซื้อรองเท้าสตั๊ด, จ่ายค่าโดยสาร และช่วยเหลือครอบครัว ในวันที่ไม่มีเงินซื้ออาหารมาประทังชีวิต 


อิวาน เกร์ร่า โค้ชทีมเด็กแถวบ้าน เป็นคนที่เล็งเห็นพรสวรรค์ของเขามาตั้งแต่วัยเยาว์ และเลือกรับเขาเป็นบุตรบุญธรรม โดยเกร์ร่า ย้อนความทรงจำว่า “เราเล่นกันแบบไม่มีเสาประตู ดังนั้น ต้องวางก้อนหินเอาไว้บนถนน พร้อมกับสมมติว่ามันคือเสาประตู บางครั้ง เราก็เล่นกันแบบไม่มีรองเท้าใส่”


“ผมเห็นเขาเป็นเด็กมีพรสวรรค์ ผมเลยชวนเขาไปโรงเรียนฝึกสอน อย่างไรก็ตาม เด็กต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ครอบครัวเขายากจนมาก บางครั้ง เขาไม่มีค่าโดยสาร ในการเดินทางไปแข่งขันที่เมืองอื่น ผมจะเป็นคนที่ออกค่าใช้จ่ายให้เขาเสมอ เขาไม่มีรองเท้าสตั๊ดด้วยซ้ำไป จนต้องไปยืมเพื่อนใส่”


จากนั้น ไกเซโด้ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพกับสโมสรอินเดเพนเดียนเต้ เดล วัลเล่ ในวัย 18 ปี เขาต้องเจอกับแบบทดสอบสำคัญ เมื่อมีอาการบาดเจ็บหัวเข่า และต้องพักนานกว่า 10 เดือน นี่คือช่วงเวลาที่เขาต้องพลาดการลงสนาม 


ไม่เพียงเท่านั้น ในวันที่เขาก้าวเข้าสู่ระบบอะคาเดมี่ของอินเดเพนเดียนเต้ เดล วัลเล่ เขามีความคิดอยาดถอดใจยอมแพ้เหมือนกัน เขาปรับตัวไม่ได้ ความรู้สึกอยากกลับบ้านเข้ามาทักทาย แต่ว่าผลสุดท้าย  เขาก็ได้คำสอนของคุณแม่ที่ว่า “ลูกห้ามยอมแพ้นะ ลูกเดินมาไกลมากแล้ว” ช่วยให้ลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง


“บางครั้ง ผมก็ร้องไห้” เขากล่าวต่อไป “ไม่มีใครรู้เรื่องนี้หรอก ผมมักกลับไปที่ห้อง และร้องไห้ออกมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก กระนั้น ผมไม่เคยสูญเสียความเชื่อเลย ผมวางใจในพระเจ้า” ผลสุดท้าย เขาก็กลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้ง ด้วยความแข็งแกร่ง

มิเกล รามิเรซ กุนซือของ ในช่วงเวลานั้น ออกมากล่าวบ้างว่า “ในความเป็นนักกีฬาของเขา ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่น เขามีความอดทน, ความแข็งแกร่ง และความเร็ว เขานำหน้าเด็กวัยเดียวกัน ในแง่ของร่างกาย”


“เขาวิ่งได้แบบไม่มีหยุด เขาวิ่งไปรอบสนาม พร้อมกับเอาชนะการต่อสู้ เราเรียกเขาว่าเจ้าปลาหมึก  เพราะเขามีขาที่จะแย่งบอล ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งไหนในสนาม ตั้งแต่วันแรกที่เขาฝึกซ้อมกับเรา เขาเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในทีม เขามีร่างกาย และเทคนิค ทำให้บอลเคลื่อนที่ และไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวเลย” 



ส่วนบุคลิกนอกสนาม เขาเป็นเด็กที่อ่อนน้อมถ่อมตน และอารมณ์อ่อนไหว เขามักอยู่ใกล้ชิดกับครอบครัว เมื่อใดก็ตามที่มีปัญหา เขาจะร้องไห้ และแสดงอารมณ์เหมือนเด็กทุกคน ส่วนด้านในสนาม เขาแสดงออกถึงความเป็นผู้ใหญ่, ฉลาด และมีความสมดุลทางอารมณ์ เมื่อนกหวีดเป่าเริ่มเกมแล้ว เขาก็เหมือนทหารผ่านศึก

หลังจากแจ้งเกิดกับ อินเดเพนเดียนเต้ เดล วัลเล่  เขาได้ย้ายมาโลดแล่นกับไบรท์ตัน ทีมดังจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมกับกลายเป็นกองกลางที่ฉายแววออกมา จนไปเตะตาบรรดายักษ์ใหญ่ 


จากเด็กยากจน วันนี้เขากลายเป็นนักเตะเชลซี ที่มีค่าตัว 115 ล้านปอนด์, จากเด็กที่ต้องเตะฟุตบอลในสนามที่เต็มไปด้วยฝุ่น  เตรียมสัมผัสผืนหญ้านุ่มๆของสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์



“เป้าหมายในชีวิตของผม นั่นคือการมอบความสุขให้กับครอบครัว โดยเฉพาะคุณแม่ ท่านคือแรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ผมมีชีวิตต่อไปได้” เขาทิ้งท้ายถึงเป้าหมายในการเล่นฟุตบอลของตัวเอง 


มอยเซส ไกเซโด้ 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})