:::     :::

หงส์แดงเลือดซามูไร "วาตารุ เอ็นโด"

วันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม 2566 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
546
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
"เขาทำให้ผมนึกถึงฟาบิโอ คันนาวาโร่"

โช ควี แจ ออกมาย้อนความทรงจำถึง “วาตารุ เอ็นโด” อดีตลูกศิษย์ของเขา ที่เพาะบ่มฝีเท้าให้ที่อะคาเดมี่ของสโมสรโชนัน เบลมาเร่ ก่อนจะมาร่วมงานกันต่อในนามทีมชุดใหญ่ นี่คือเด็กที่มีพรสวรรค์ ที่ถูกเคลือบไปด้วยระเบียบวินัย และการเสียสละเพื่อทีม 


ย้อนเวลากลับไป เอ็นโด สามารรถลงเล่นได้หลายตำแหน่ง เริ่มต้นจากการเป็นปราการหลังตัวกลาง ก่อนจะขยับขึ้นมาเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ 



แม้ร่างกายจะผอมบาง และไม่สูงใหญ่เหมือนกับเด็กคนอื่น แต่เขากลับมีการอ่านเกมที่ยอดเยี่ยม และการเข้าสกัดที่แม่นยำ นั่นคือสิ่งที่โค้ชมองว่าเหมือนกับคันนาวาโร่ ที่เป็นกองหลังที่รูปร่างไม่สูงนัก แต่กลับพาทีมชาติอิตาลี คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก และคว้ารางวัลบัลลงดอร์ 

“ผมรู้จักเขาครั้งแรก ตอนที่เขายังเป็นเพียงเด็กมัธยมปีที่ 2” โช เล่าต่อ 


“ย้อนกลับไป ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2007 ผมรับหน้าที่เป็นโค้ชทีมเยาวชนของโชนัน เบลมาเร่ ผมออกไปค้นหาเด็กฝีเท้าดีตามโรงเรียน กระทั่งผมได้เจอกับเขา ซึ่งเป็นเด็กที่มีส่วนสูง 162 เซ็นติเมตร เขาเป็นปราการหลังตัวกลางที่ร่างกายผอมบางมาก”


โช เล่าต่อว่า “วินาทีแรกที่ผมเห็นเขา ผมรู้ทันทีว่า นี่คือเด็กที่แตกต่างจากคนอื่น เมื่อเขาเผชิญหน้ากับบอลโด่ง เขาจะเอาบอลลงด้วยหน้าอก แทนทีจะหลับหูหลับตาเคลียร์บอลไปพ้นๆ จากนั้น เขาผ่านบอลต่อให้กับเพื่อนร่วมทีมอย่างแม่นยำ”


“ฝีเท้าของเขายอดเยี่ยม ในฐานะกองหลัง เขาเตะตาผมเข้าอย่างจัง ผมอยากเห็นอะไรมากกว่านี้ ผมจึงขอให้เขามาฝึกซ้อมร่วมกับทีมเยาวชนของโชนัน เบลมาเร่”


หลังจากที่  เอ็นโด เดินทางมาฝึกซ้อมร่วมกับอะคาเดมี่ของโชนัน เบลมาเร่ เขาก็เผยให้เห็นฝีเท้า และความสามารถที่โตกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน ผลสุดท้าย เขาเซ็นสัญญา และลงทะเบียนเป็นนักเตะของทีม


โช บอกถึงเรื่องนี้ว่า “เขามีทักษะพื้นฐาน และความสามารถในการตัดสินใจ ถือเป็นการชดเชยจุดอ่อนทางร่างกาย ผมไม่เคยเห็นผู้เล่นที่ฉลาดเช่นนี้ โดยเฉพาะในระดับมัธยมต้น”


“ผมมองว่า เขาจะต้องได้รับการฝึกที่ดีในชั้นประถมศึกษา และมัธยมศึกษาตอนต้น ผมคิดว่าพ่อแม่ของเขาก็สอนมาดีเช่นเดียวกัน เขาบอกกับผมว่า เขาถูกเลี้ยงดูมา โดยถูกสั่งให้พึ่งพาตัวเอง”


 เอ็นโด เติบโตมาในอะคาเดมี่ของโชนัน เบลมาเร่ ก่อนประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ ในศึกเจลีก ทั้งที่เพิ่งผ่านการเป็นเด็กมัธยมศึกษาปีที่ 6 


โดยเกมแรกที่เขาลงเล่น คือการเจอกับทีมยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่างคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ความพ่ายแพ้แบบราบคาบ เป็นบทเรียนสำคัญ ในเส้นทางลูกหนังของเขา


“ตอนที่เขาประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ อดีตหัวหน้าโค้ชของเราอย่างยาซุฮารุ โซริมาชิ ตัดสินใจอย่างกล้าหาญ ที่จะส่งเขาลงเล่นเป็นกองกลางตัวรับ ทั้งที่แดนกลางของคู่แข่งมี เคนโกะ นากามูระ และจุนอิจิ อินาโมโตะ แถมต้องรับมือกับจูนินโญ่ ผู้ทำประตูสูงสุดของทีมในฤดูกาลที่แล้ว”


“เราจบลงด้วยการแพ้ 1-6 โดยที่เขาถูกเปลี่ยนตัวออก หลังจบครึ่งแรก กระนั้น แทนที่จะรู้สึกท้อแท้กับผลการแข่งขัน เรารีบรีเซ็ตความคิดของเขา สำหรับการแข่งขันครั้งต่อไป ผลที่ออกมาคือ เขาสามารถแก้ไขปัญหาได้ ก่อนที่โค้ชจะชี้ให้เห็นเสียอีก และเขาไม่เคยทำผิดซ้ำอีกเลย”


ปัจจุบัน  เอ็นโด เติบใหญ่ขึ้นมา จนกลายมาเป็นกัปตันทีมชาติญี่ปุ่น และสวมปลอกแขนกัปตันให้กับสตุ๊ทการ์ท ทีมดังในศึกบุนเดสลีกา ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากเหมือนกัน สำหรับนักเตะสายเลือดเอเชีย ที่จะสามารถก้าวมาเป็นกัปตันทีม ใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรป


ในวัย 30 ปี และส่วนสูงเพียง 178 เซ็นติเมตร เขากลายเป็นกองกลางตัวรับระดับแถวหน้าของลีกเยอรมัน ตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม “ม้าขาว” อย่างเป็นทางการ (ฤดูกาล 2020-21) สถิติทำการจดบันทึกว่า เขาเป็นกองกลางที่ครองสถิติอันดับ 1 ในลีกสูงสุดของเยอรมัน 


ในแง่ของการเป็นนักเตะที่ชนะการครองบอลมากที่สุด (ในพื้นที่สุดท้ายของแนวรับ) ที่จำนวน 254 ครั้ง, ชนะการดวลลูกกลางอากาศมากที่สุด (219), เคลียร์บอลมากที่สุด (175), เคลียร์บอลจากลูกโหม่งมากที่สุด (105) 


สถิติรองลงมา ในฐานะกองกลางกับการเป็นอันดับ 2 ของบุนเดสลีกา นั่นคือ การเป็นนักเตะที่จับบอล 6,511 ครั้ง, ผ่านบอลสำเร็จ (3,940), ครองบอลกลางสนาม (404) และเข้าปะทะ (208) ไม่เพียงเท่านั้น เขายังมีการดูแลสภาพร่างกายที่ยอดเยี่ยม โดยตลอด 3 ฤดูกาลเต็มกับสตุ๊ทการ์ท เขาพลาดการลงสนาม จากอาการบาดเจ็บ เพียงแค่ 2 เกมเท่านั้น (แถม 1 ใน 2 เกมนั้น เกิดจากการติดเชื้อโควิด)

เขาทำให้ผมนึกถึงฟาบิโอ คันนาวาโร่ อดีตปราการหลังทีมชาติอิตาลี


เกี่ยวกับคำพูดที่ว่า -ผู้เล่นญี่ปุ่นไม่อาจเอาชนะการดวลได้- ไม่เป็นความจริงเลย ผมตระหนักดีว่า การจะชนะการดวล ไม่ใช่แค่การสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการทำนายการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปด้วย


ผมมองว่า ผลงานที่โดดเด่นของเขาในบุนเดสลีกา มีผลกระทบอย่างมากต่อชุมชนฟุตบอลของญี่ปุ่น เขาพิสูจน์ให้เห็นว่า คุณไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์ทางร่างกาย เพื่อไปให้ถึงระดับนั้น


ขอเพียงคุณมอบให้ฟุตบอลเป็นศูนย์กลางของชีวิต พร้อมกับรักษาความคิดให้เป็นระเบียบ และทำงานหนักต่อไป


โช ทิ้งท้ายถึง เอ็นโด ลูกศิษย์ของเขา ที่เห็นมาตั้งแต่เป็นเด็กมัธยมต้น จนวันนี้ เขากลายเป็นสมาชิกใหม่ของยอดทีมจากเกาะอังกฤษ อย่างลิเวอร์พูล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด