คาร์โล อันเชล็อตติ กำลังเผชิญปัญหาหนักอกกับ วินิซิอุส จูเนียร์ และนั่นไม่ใช่เหตุผลที่เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียนของ เรอัล มาดริด พูดจารุนแรงกับนักเตะเก่งที่สุดในทีมของเขาหลังการบุกสยบ อัลเมเรีย 3-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา 

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทัศนคติ และพฤติกรรมของแนวรุกชาวบราซิเลียนที่มีต่อผู้ตัดสิน, ความฟิตของเขา, ความกระหายชัยชนะ หรือพฤติกรรมที่น่ารังเกียจของคู่ต่อสู้และจากแฟนบอลฝ่ายตรงข้าม

อันเชล็อตติ ออกแบบระบบการเล่นของ เรอัล มาดริด เพื่อรองรับการสูญเสีย คาริม เบนเซม่า ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เพื่อดึงเอาศักยภาพสูงสุดมาจากกองกลางที่มีอยู่มากมายของเขา ทว่ามันกลับไม่เป็นประโยชน์ต่อ วินิซิอุส ที่มีทักษะยอดเยี่ยมและมีความเร็วปานสายฟ้าก็ตาม 

นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้แนวรุกวัย 23 ปีรู้สึกหงุดหงิดง่ายมากขึ้นกว่าเดิม หลังต้องรับมือกับปัญหาหนักๆอย่างการเหยียดเชื้อชาติและสีผิวมาตลอดช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา 

เมื่อพูดถึงระบบการเล่นทั้งหมดที่ใช้งานโดยทีมฟุตบอลชั้นยอดที่แข็งแกร่งนั้นยากที่จะสรุปเป็นวลีสั้นๆเพียงไม่กี่วลี แต่สรุปคร่าวๆในตอนนี้ได้คือ เรอัล มาดริด กำลังเล่นด้วยกองหน้า 2 คนในตอนนี้ โดย อันเชล็อตติ เลือก วินิซิอุส จูเนียร์ ลงเล่นร่วมกับ โรดรีโก้ โกเอส แต่ทั้งคู่เพิ่งทำคนละประตูจากการลงเล่น 2 เกมแรก

ด้วยระบบดังกล่าวได้สร้างความโดดเด่นแก่ จูด เบลลิงแฮม มิดฟิลด์ชาวอังกฤษที่ย้ายมาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในช่วงซัมเมอร์นี้ด้วยค่าตัวเบื้องต้น 103 ล้านยูโรบวกโบนัสเพิ่มเติมอีก 30 ล้านยูโร

เบลลิงแฮม ฉายแววเด่นกับทัพ 'โลส บลังโกส' ทันทีด้วยการทำ 3 ประตูกับ 1 แอสซิสต์จากการลงเล่น 2 เกมแรกของฤดูกาล ในบทบาท 'False9' หรือตำแหน่งมงกุฎเพชรของระบบ 4-4-2 ไดม่อนด์ 

สิ่งสำคัญที่ต้องยอมรับคือระบบดังกล่าวมีความไหลลื่น การเคลื่อนที่ของนักเตะบางคนได้รับการฝึกซ้อมอย่างมากและมีความเชื่อมโยงกัน การตัดสินใจอื่นๆ อาทิเช่น การวิ่งเพียงเล็กน้อยหรือการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ที่ถูกยึดครองนั้นเป็นไปตามสัญชาตญาณ นี่คือสิ่งที่คุณจะได้รับเมื่อสะสมนักเตะระดับโลกหลายคนในทีมเดียวกัน

อย่างไรก็ตามความจริงที่ชัดเจนตั้งแต่การลงเล่นเกมกระชับมิตรช่วงปรีซีซั่นที่ ลอส แอนเจลีส, ฮิวสตัน, ดัลลาส และ ออร์แลนโด้ บวกกับชัยชนะเหนือ แอธเลติก บิลเบา และ อัลเมเรีย ในสองนัดแรกบนเวทีลีกา นั่นก็คือ วินิซิอุส ดูด้อยประสิทธิภาพลง, สะดวกสบายน้อยลง และเป็นภัยคุกคามน้อยลง 

วินิซิอุส จูเนียร์ เคยสร้างความโดดเด่นฐานะปีกซ้ายในระบบ 4-3-3 และยิงรวมกัน 45 ประตูจากการลงเล่น 107 เกมในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะถูกคู่แข่งตามประกบอย่างน้อยหนึ่งคนเสมอ นั่นคือแบ็กขวาของฝ่ายตรงข้าม 

ทว่านับตั้งแต่ อันเชล็อตติ ปรับตำแหน่งการเล่นของ วินิซิอุส (ขณะที่ ซีเนดีน ซีดาน เคยใช้งานแนวรุกชาวบราซิเลียนทางฝั่งขวา) เขาอยู่กับบอลมากกว่าการลงเล่น 2 เกมแรกของซีซั่นนี้ 

เมื่อ วินิซิอุส เล่นด้านข้าง เขามักจะได้บอลและพาบอลเข้าพื้นที่อันตรายด้วยการเร่งความเร็วบีบให้แนวรับคู่แข่งตัดสินใจในสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการทำและบ่อยครั้งที่พวกเขาต้องขยับถอยหลัง หันหน้าเข้าหาเขาหรือเตรียมพลิกกลับตัวเมื่อแนวรุกชาวบราซิเลียนโจมตีเขาด้วยความเร็วสูงสุด

การเปรียบเทียบกับรูปแบบการครองบอลที่ วินิซิอุส ได้รับเมื่อเขาจับคู่กับ โรดรีโก้ ถือเป็นผลลบในหลายๆด้าน เขามักจะถูกตามประกบด้วยหนึ่งในสองเซนเตอร์คู่แข่ง เขามักจะรับบอลในพื้นที่แคบโดยหันหลังให้ประตู มันจึงเป็นเรื่องยากมากขึ้นที่ วินิซิอุส จะครองบอลได้ หรือสามารถยืนหยัดต่อสู้กับกองหลังที่รู้ดีว่าการรับมือแนวรุกชาวบราซิเลียนตอนมีบอลอยู่กับเท้าจะง่ายกว่าเดิม

ตอน วินิซิอุส ถูก ซีดาน ส่งลงเล่นแนวรุกฝั่งขวาก็ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการครองบอลของเขาเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะมีข้อดีที่ชัดเจนเกี่ยวกับระบบที่ อันเชล็อตติ เลือกใช้งานในซีซั่นนี้ก็ตาม

สำหรับ เบลลิงแฮม ถือเป็นปรากฎการณ์ของ มาดริด เขาเป็นคนที่น่าประทับใจพอๆกับการเป็นนักฟุตบอลคนหนึ่ง และเพิ่งบอกเป็นนัยถึงผลกระทบมหาศาลที่เขามีต่อลีกเมืองกระทิงและแชมเปี้ยนส์ลีก เขามีความสามารถพิเศษในการเข้าถึงพื้นที่การทำประตูและเป็นภัยคุกคามอย่างชัดเจน มันแสดงให้เห็นได้อย่างสมบูรณ์แบบในการพลิกกลับตัวและสปีดเข้ากรอบเขตโทษเพื่อรับลูกครอสที่ยอดเยี่ยมจาก โทนี่ โครส สำหรับการทำประตูที่สองของเกมกับ อัลเมเรีย

ด้วยความจริงที่ว่า เบลลิงแฮม ทำไปแล้ว 3 ประตูในซีซั่นนี้ และดูเหมือนว่ามันจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งตอกย้ำความชัดเจนว่าแนวคิดหลักที่อยู่เบื้องหลังของระบบการเล่นใหม่นั้นไม่มีข้อบกพร่องทั้งสำหรับทีมและมิดฟิลด์ชาวอังกฤษ ทว่าสิ่งที่กำลังทำคือการลดผลกระทบ, ภัยคุกคาม และการมีส่วนร่วมของ วินิซิอุส และถึงแม้มันจะเป็นเรื่องระยะสั้น แต่มันเป็นภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกชัดเจน 

วินิซิอุส ทำประตูสุดสวยปิดท้ายเกมบุกชนะ อัลเมเรีย 3-1 ซึ่งอาจเป็นประตูที่มีคุณภาพทางเทคนิคดีที่สุดจากทุกประตูที่ทำได้ใน 2 เกมแรกของลีกเมืองกระทิง มันเกิดขึ้นเมื่อเขาได้รับบอลจาก เบลลิงแฮม เขาแต่งมันด้วยปลายเท้าข้างขวาแลกยกขึ้นสูงก่อนจะล็อบข้ามผู้รักษาประตูคู่แข่ง หลุยส์ มักซิเมียโน่ 

ถ้าคุณคือ อันเชล็อตติ และพึงพอใจกับผลประโยชน์โดยรวมของระบบใหม่ ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า วินิซิอุส ขาดความสบายใจในบทบาทใหม่ของเขาเช่นกัน ทำไมคุณไม่บอกถึงอะไรบางอย่างกับเขาสำหรับ

'ผมไม่สนใจว่ามันจะเป็นเรื่องที่ยากลำบาก มุ่งมั่นกับมัน, ลูกชาย คุณอาจไม่สนุกไปกับมัน แต่ประตูนั้นคือข้อพิสูจน์ว่าคุณสามารถทำอะไรได้บ้าง!' อันเชล็อตติ กล่าวถึง วินิซิอุส

อีกส่วนหนึ่งของวิธีที่ระบบได้รับการแก้ไขอย่างละเอียดคือวิธีที่ ฟราน การ์เซีย แบ็กซ้ายคนใหม่ได้รับอนุญาตจาก อันเชล็อตติ ในการเล่นเกมรุกและโอเวอร์แล็ป เนื่องจาก วินิซิอุส ขยับเข้ามาเล่นข้างในของระบบ 4-1-2-1-2/4-3-1-2 ดังนั้นแนวรุกชาวบราซิเลียนจึงไม่สามารถเล่นด้วยความคิดแบบปีกซ้ายได้เมื่อ ฟราน การ์เซีย ทะยานขึ้นมาส่วนบนของสนามแล้วเข้าสู่พื้นที่ว่าง

หาก วินิซิอุส ข้ามไปยังพื้นที่การเล่น โดยเปิดทางด้านซ้ายและพยายามทำบางอย่าง แต่กลับสูญเสียการครองบอล นั่นหมายความว่านักเตะสองคนของมาดริดอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลังหากฝ่ายตรงข้ามโต้กลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เหมือนที่ อัลเมเรีย แสดงให้เห็นเมื่อขึ้นนำอย่างรวดเร็ว 1-0 หลังเริ่มเกมไปได้เพียง 3 นาทีจาก เซร์คิโอ อาร์รีบาส 

ช่วงครึ่งทางของครึ่งแรก อันเชล็อตติ เรียก วินิซิอุส เพื่อตักเตือนแนวรุกชาวบราซิเลียนให้ระมัดระวังมากขึ้นเมื่อเขาเสี่ยงที่จะสูญเสียการครองบอลในขณะที่ ฟราน การ์เซีย อายุยังน้อยและยังใหม่กับ เรอัล มาดริด หลังย้ายกลับมาในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยกล้องทีวีจับได้ว่าเทรนเนอร์ชาวอิตาเลียนพูดกับ วินิซิอุส ว่า 'อย่าวิ่งโซโล่ตลอดเวลา พยายามและใช้ประโยชน์จากการเล่นแบบเชื่อมต่อให้สูงขึ้นในสนาม'

ขณะที่ วินิซิอุส โต้กลับ ซึ่งไม่ใช่การยั่วยุ แต่มันก็ดุดันมากพอที่จะให้ถูกตำหนิจากเจ้านายของเขา การฝึกซ้อมภาคสนามในแต่ละวันของ เรอัล มาดริด ได้ประโยชน์จากแนวคิดทางประชาธิปไตยบางประการ แต่สำหรับวันแข่งขันนั้นเป็นระบบเผด็จการขึ้นอยู่กับกฎของ อันเชล็อตติ อย่างแน่นอน

'ผมคร่ำครวญเกี่ยวกับตอนที่ วีนี่ เสียบอลโดยไม่จำเป็น' อันเชล็อตติ กล่าว 'เขาตอบกลับมา ผมย้ำว่าเขาไม่ควรเสียการครองบอล ไม่มีทาง ผมไม่อยากจำกัดอัจฉริยะที่เขามีอยู่ในตัวเขา บางครั้งเขาก็ต้องเสี่ยง แต่ในขณะนั้น ผมโมโหนิดหน่อย เขาทำให้ผมตื่นเต้นกับการเคลื่อนที่ของเขา โดยรวมแล้วเรื่องนั้นเกิดขึ้นบ่อยตอนที่เขาสร้างความรำคาญให้ผม'

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การกลับไปกลับมาระหว่างเทรนเนอร์และผู้เล่นดาวเด่นในช่วงเวลาตึงเครียดในสนาม ยิ่ง วินิซิอุส แสดงความหงุดหงิดมากเท่าไหร่ ความสามารถในการครองบอลของเขาจะลดลงเท่านั้น (เนื่องจากตำแหน่งใหม่ของเขา) ดังนั้นเขาจึงมีแนวโน้มที่จะมีความเสี่ยงมากขึ้นในการเสียการครองบอล จากความพยายามสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ สร้างแรงบันดาลใจ และช่วงเวลาที่ขัดแย้งเกือบทุกครั้งที่เขาได้บอล

แม้ วินิซิอุส และ โรดรีโก้ จะเป็นเพื่อนสนิทกันและยังสามารถเล่นฟุตบอลแบบ 'five-a-side' ที่ซับซ้อนในกรอบเขตโทษที่คับแคบได้ แต่เรื่องราวในอดีตไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ 

โรดรีโก้ ไม่ใช่ศูนย์หน้าทั่วไปไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม การเคลื่อนที่ของเขาเป็นไปตามสัญชาตญาณ มักจะสร้างระยะห่างจาก วินิซิอุส ค่อนข้างมาก และเขาไม่ใช่ผู้เล่นที่มักจะรับบอลด้วยเท้า, ปะทะกับเซนเตอร์คู่แข่งแล้วจากนั้นจึงเปิดบอลให้ วินิซิอุส ใช้ความเร็วไล่ตาม แม้ โรดรีโก้ จะมีพรสวรรค์สูง มีความสามารถรอบด้านและทำงานหนักก็ตาม แต่เขาไม่ใช่คู่ขาที่เปอร์เฟ็คท์สำหรับ วินิซิอุส เมื่อพวกเขาลงเล่นเป็นกองหน้าคู่กัน 

ส่วน โฆเซ่ มาเรีย กูเตียร์เรซ กูตี ซึ่งเคยเล่นกับ เรอัล มาดริด 574 เกม (คว้าแชมป์ 15 รายการ) ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกมีมุมมองเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า 'การมาของ เบลลิงแฮม และการจากไปของ เบนเซม่า ทำให้ อันเชล็อตติ เปลี่ยนมาใช้ระบบ 4-4-2 ได้ง่ายขึ้น มันเป็นเรื่องจริงที่คุณเสีย วินิซิอุส เล็กน้อยเมื่อคุณทำให้เขาเข้าใกล้กรอบเขตโทษ แต่ผมคิดว่าเขาจะชินกับมัน'

เรอัล มาดริด ทำ 97 ประตูจากการยิงและแอสซิสต์ของ เบนเซม่า ในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่พวกเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง และจะมีหลายครั้งที่ โฆเซ่ หลุยส์ ซานมาร์ติน มาโต้ โฆเซลู หัวหอกวัย 33 ปีจะได้ลงเล่นฐานะกองหน้าตัวเป้าในระบบ 4-3-3 โดยมี วินิซิอุส ขยับออกมาเล่นฝั่งซ้ายตามปกติ 

อย่างไรก็ตาม วินิซิอุส จำเป็นต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงทัศนคติบางอย่างตราบใดก็ตามที่ อันเชล็อตติ ยังคงเลือกใช้ระบบ 4-4-2 ไดม่อนด์เพื่อผลประโยชน์โดยรวมของทัพ 'โลส บลังโกส'