:::     :::

ช่วงตั้งไข่

วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม 2566 คอลัมน์ ฟุตบอลข้างถนน โดย โกสุ่ย
313
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ผ่านไปเกือบสองเดือนตั้งแต่ หลุยส์ เอ็นรีเก้ เข้ามาทำหน้าที่กุนซือ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง

แต่ฟอร์มการเล่นช่วงเริ่มต้นซีซั่นกลับไม่เป็นไปตามที่หลายคนคาดหวังเพราะลงเอยด้วยผลเสมอถึงสองเกมรวดแถมมีปัญหาโดยเฉพาะแนวรุกที่ไม่ดุดันดังเดิม

เรื่องนี้ถือเป็นสิ่งที่น่ากังวล แต่สำหรับเทรนเนอร์วัย 53 ปียังคงใจเย็นและมุ่งมั่นกับการทำงานของตนเอง พร้อมระบุว่าตอนนี้ไม่ต่างจากช่วงตั้งไข่ที่ต้องพยายามปรับจูนปัจจัยต่างๆ 

กระนั้น เอ็นรีเก้ เข้าใจดีถึงความต้องการชัยชนะเพื่อดึงความมั่นใจให้ทีม เหมือนกับตนเองที่หวังว่าหลังจากนี้เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เปแอสเช จะเดินหน้าเต็มกำลังแบบที่คาดหวังไว้ ... 



โค้ช เป็นอย่างไรบ้างหลังจากผ่านไป 1 เดือน?

"ก็ดีนะ ต้องขอพูดว่ามันเป็นไปในทิศทางที่ดีมากๆ กับบรรดานักเตะก็ต้องใช้เวลาในการทำความรู้จักกัน ช่วงเวลาเหล่านั้นคือสิ่งที่อยากให้ทีมเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการในฐานะโค้ช แต่ยังรวมไปถึงให้ทุกๆ คนเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน ในหมู่พวกเรามีอยู่หลายคนที่กำลังทำงานให้สโมสรเป็นอย่างดีและช่วยนักตะคนอื่นๆ"



คุุณเป็นโค้ชแบบไหนหากพิจารณาถึงการทำงานแบบวันต่อวัน?

"ผมเป็นคนโค้ชที่สื่อสารกับนักเตะเยอะมากๆ แต่ผมก็ยังใส่ใจกับข้อความที่ส่งไปให้พวกเขา คุณไม่สามารถพูดกับพวกเขาได้ทุกวันหรอก และพวกเราไม่ได้คุยกันแค่เรื่องแท็กติก พวกเราคุยถึงการใช้ชีวิต คุยเกี่ยวกับเรื่องสำคัญต่างๆ พูดถึงเรื่องสถานการ์ของแต่ละคน พวกเราคุยเรื่องที่มีผลต่อสโมสรอย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง พูดเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญเหมือนกัน ฟุตบอลและกีฬาสร้างสถานการณ์ที่เหมือนกับชีวิต จุดไหนที่ทำให้คุณมีความสุขอยู่บ่อยครั้งและบางครั้งก็ทำให้เศร้าใจ โดยทั่วไปแล้ว มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีและน่าสนใจ มีหลายเหตุการณ์ให้เฝ้าสังเกต พูดคุย แก้ไขให้ถูกต้องและส่งต่อแนวคิดเรื่องฟุตบอลของเราไปยังนักเตะ ความเป็นจริงคือนี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ และเป็นแผนงานที่ไม่ธรรมดา"




ในส่วนแนวคิดด้านฟุตบอลของคุณ ดูเหมือนว่ามุมมองด้านชีวิตมีความสำคัญต่อนักเตะอย่างมากใช่หรือไม่?

"แน่นอน พวกเขาเป็นมนุษย์ก่อนจะกลายมาเป็นนักฟุตบอล พวกเราในฐานะคนที่มีประสบการณ์มากกว่า พยายามทำให้พวกเขาตระหนักว่ามีหลายวิธีการที่ทำให้สนุกระหว่างที่กลายมาเป็นนักเตะคนสำคัญและยอดเยี่ยม ไม่ใช่แค่ตอนที่คุณลงสนาม แต่รวมไปถึงตอนอยู่ในห้องแต่งตัว ตอนอยู่บนอัฒจันทร์ ตอนที่บาดเจ็บ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญในการส่งต่อคุณค่าที่แตกต่างไปยังนักเตะ สำหรับผมแล้ว มันเป็นเรื่องสำคัญที่ได้ยินเสียงหัวเราะในสนามซ้อม ในตอนที่คุณต้องทำงาน ในตอนที่คุณทำงานในจุดที่เอาจริงเอาจังที่สุด คุณต้องการพยายามสนุกกับชีวิตของคุณในทุกๆ วัน ชีวิตของคุณในฐานะนักฟุตบอล เพราะมันสั้นมากๆ


"ผมเป็นคนที่มีเกณฑ์ความต้องการสูงมาก และชัดเจนว่าสิ่งที่ผมรักมากที่สุดคือการแข่งขันและเอาชนะ เหมือนกับพวกเราทุกๆ คนในโลกแห่งมืออาชีพ แต่การเชื่อมโยงกับนักเตะของผมก็สำคัญเช่นกัน ไม่ใช่แค่คนที่ได้ลงสนามมากที่สุด แต่รวมถึงคนที่ไม่ได้ลงเล่นด้วย ผมพยายามช่วยเหลือพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่ผมทำได้ ผมชอบที่จะสนิทสนมกับนักเตะ แต่ในเวลาก็ต้องการจากพวกเขาอย่างมาก นั่นคืองานของผม กฎของผมคือการใช้ชีวิตพร้อมกับแพสชัน นั่นคือรูปแบบของผม"



สิ่งที่คุณให้ความสนใจเป็นพิเศษในช่วงเดือนแรกที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง คือเรื่องอะไร?

"สิ่งที่ผมให้ความสนใจเป็นพิเศษคือสร้างการเชื่อมโยงระหว่างนักเตะในสนามและมองหาการเชื่อมต่อระหว่างพวกเขา ในตอนเริ่มต้น มันเป็นคำถามที่ถูกส่งไปยังนักเตะของผมเกี่ยวกับเรื่องพื้นฐาน สิ่งที่สำคัญ สิ่งที่ทุกคนต้องทำและวิธีที่พวกเราควรแสดงออกมาในสนาม จากนั้นขั้นตอนการพัฒนามาจากการลงซ้อมและลงแข่ง การได้เห็นสิ่งเหล่านี้เชื่อมต่อกันระหว่างนักเตะ และปรับตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม ในเกมรุกและเกมรับ สิ่งที่ผันแปรไปตามคู่แข่ง แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการวางใจในแนวคิดของพวกเรา ไม่มีการซ้อมรูปแบบไหนที่ไม่หวังผลเรื่องการพัฒนาสถานการณ์เหล่านี้ให้ดีขึ้น ที่จะพูดคือพวกเราอยู่ในช่วงเริ่มต้น ผมจะบอกว่ามีหลายอย่างให้ทำ มีหลายสิ่งให้พัฒนา มีหลายอย่างให้วิเคราะห์ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นก้าวแรกที่น่าตื่นเต้นมากๆ"



คุณได้คุมทีมใน ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ นัดแรกไปแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง?

"มันน่าแปลกใจมาก ผมรักบรรยากาศ แม้แต่ช่วงอบอุ่นร่างกาย ในตอนที่พวกเรายังอยู่ในห้องแต่งตัว พวกเราได้ยินเสียงร้องเพลงจากสนาม พวกเรารักมัน ตอนนี้พวกเราก็แค่หวังว่าจะตอบแทนความสนุกสนานและแพสชั่นเหล่านั้นด้วยการเล่นฟุตบอลที่ดี ทำประตูให้ได้หลายลูกและเอาชนะให้ได้หลายๆ นัด นั่นคือเป้าหมายของพวกเรา นั่นคือแรงกดดันหรือไม่? ไม่เลย โดนส่วนตัวแล้ว ผมมองแรงกดดันในระดับนี้เหมือนกับสิทธิพิเศษ และหากคุณไม่ได้เตรียมตัวอยู่กับสิทธิพิเศษแบบนั้น คุณก็ลาออกจากการเป็นมืออาชีพด้านฟุตบอลดีกว่า สำหรับผมมันเป็นข้อได้เปรียบที่ยอดเยี่ยม"



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด