แมนยูปล่อยดาวรุ่งเก่งๆออกไป ใครผิด?
ท่ามกลางข่าวการปล่อยตัวนักเตะเยาวชนหลายๆคนออกจากทีมในช่วงนี้ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมาเรื่อยๆ และเยอะมากขึ้นในหลายๆดีล นับตั้งแต่ช่วงแรกๆอย่างการปล่อยซีดาน อิคบาล, ชาร์ลี ซาเวจ, มาเตย์ โควาร์ ฯลฯ และล่าสุด โนอาม เอเมราน คือนักเตะรายล่าที่เพิ่งจะมีข่าวที่ปล่อยตัวเพิ่มอีกหนึ่งคน นักเตะเยาวชนเหล่านี้แฟนแมนยูหลายๆคนรู้จักดี และหลายๆคนเป็นที่เสียดายของแฟนบอลมากๆ ด้วยฝีเท้าที่น่าสนใจและน่าจะพัฒนาได้ แต่ปล่อยออกไป มันจึงเริ่มเกิดคำถามขึ้นมากมาย เช่น
"ปั้นมาเพื่อจะขายทิ้งเนี่ยนะ?"
"ขายตัวดีๆหมด เก็บไว้แต่ตัวอ่อนๆ"
"เอาแต่เด็กตัวเอง ไม่ให้โอกาสเยาวชน"
สิ่งที่เริ่มตามมากับฟอร์มการเล่นของชุดใหญ่ที่ไม่สู้ดี และการปล่อยนักเตะเยาวชนออกในหลายๆเคส เริ่มมีคนด่า "เอริค เทน ฮาก" กันหนาหูมากขึ้น และมักจะพุ่งเป้าไปที่เขาว่าทำไมขายตัวดีๆออกไปแบบนี้ กลายเป็นความผิดเทน ฮาก ซะอย่างนั้น ทั้งๆที่การขายนักเตะเยาวชนออกจากทีม มันมีเหตุผลอะไรอีกมากมายในการย้ายทีมนั้นๆ ไม่ใช่ความผิดของผู้จัดการเสียอย่างเดียวเหมือนที่ความคิดเห็นเหล่านั้นว่าไว้
มีหลายๆสิ่งที่แฟนบอลควรจะรับรู้และมีวิจารณญาณประกอบในเรื่องการขายนักเตะเยาวชนที่เก่งๆออกจากสโมสร ว่ามันเกิดขึ้นจากอะไรได้บ้าง หัวข้อต่างๆต่อไปนี้น่าจะทำให้มองเห็นภาพได้
1. "ไม่จำเป็นว่านักเตะเยาวชนทุกคนจะต้องถูกเก็บไว้เพื่อรอขึ้นชุดใหญ่"
ระบบการสร้างนักเตะเยาวชนของแมนยูไนเต็ด คือรากฐานสำคัญของสโมสรก็จริง แต่ก็ไม่ใช่นักเตะเยาวชนทุกคนที่จะต้องเก็บไว้เพื่อจะดันขึ้นชุดใหญ่ให้ได้ทั้งหมด อะคาเดมี่ของแมนยูก็เหมือนสถาบันแห่งหนึ่งที่พัฒนานักเตะอายุน้อยๆให้ขึ้นมาพร้อมสู่การลงเล่นในระดับอาชีพจริงๆจังๆในอนาคต ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม
ถ้าพวกเขาจะไปเติบโตหรือมีโอกาสที่อื่น ก็เป็นเรื่องธรรมดามาก ตลอดระยะเวลาประวัติศาสตร์การสร้างนักเตะเยาวชนท้องถิ่นของสโมสร มีนักเตะจำนวนน้อยมากจริงๆที่จะทะลุขึ้นมาชุดใหญ่ได้สำเร็จ ส่วนใหญ่นอกนั้นไปเติบโตที่อื่นแทบทั้งสิ้น
มันไม่ใช่นักเตะทุกคนที่จะขึ้นมาเป็นแบบ Class of 92 หรือนักเตะอย่าง Rashford ขนาดบางคนทะลุขึ้นมาแล้วยังไม่สามารถรักษาสถานะในทีมเอาไว้ได้เลยด้วยซ้ำ เช่น เวลเบ็ค อีแวนส์ หรือ เคลฟเวอรี่ ดังนั้นเคสเหล่านี้จะเห็นเลยว่า การจะรอขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ของแมนยูไนเต็ดจริงๆมันเป็นเรื่องยากมาก ขณะที่สโมสรเราเองก็ต้องเสริมทัพด้วยนักเตะที่เก่งจริงๆเข้ามาสู้กับสโมสรอื่นๆ
โอกาสของเด็กปั้นมันก็จะน้อยอยู่แล้วตามปกติ
ดังนั้น ผู้เล่นคนไหนที่มีแวว และมีโอกาสของตัวเองเข้ามา ถ้าสโมสรพิจารณาแล้วว่าสามารถปล่อยได้ เพื่ออนาคตของนักเตะ พร้อมกับได้รับเงินค่าตัวตามสมควรแล้ว สโมสรก็ปล่อย
2. "นักเตะอยากย้าย"
การขายนักเตะเยาวชนออกคนหนึ่ง ไม่ได้ตีความแปลได้อย่างเดียวว่า "ผู้จัดการทีมไม่ใช้" หรือไม่เห็นคุณค่า
แฟนบอลต้องเข้าใจและมองใน "มุมของผู้เล่น" คนนั้นด้วยว่า ตัวนักเตะเองเค้าก็ต้องการการก้าวหน้า ต้องการโอกาสลงเล่นในระดับการแข่งขันจริง และต้องการออกไปเริ่มต้นชีวิตนักฟุตบอลอย่างเต็มตัว
ถ้านักเตะต้องการย้ายออกไปหาโอกาสลงเล่นเอง ความผิดของสโมสร หรือ ผู้จัดการทีมหรือไม่ที่ปล่อยตัวออกไป?
ไม่มีใครผิดครับ มีแต่อนาคตที่สดใสของนักเตะที่จะได้ไปเติบโตต่อแบบเต็มๆ ได้ไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพแบบเต็มตัว เท่านั้นเอง
จะผิดอะไรถ้านักเตะอยากออกไปหาโอกาสจากที่อื่น ที่ไม่ใช่ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด?
3. "ราคาของนักเตะเยาวชน"
บางครั้งจะคาดหวังให้นักเตะเยาวชนทุกคนมีค่าตัวพุ่งกระฉูด ขายได้โคตรแพงในหลักเป็น 10 ล้าน มันไม่ใช่เม็ดเงินที่ใครจะจ่ายได้ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่นักเตะที่มีศักยภาพสูงมากจริงๆ คิดเอาว่าขนาดนักฟุตบอลระดับซีเนียร์หลายๆคนที่ประสบการณ์เต็มกระเป๋า ดีกรีระดับทีมชาติ บางครั้งค่าตัวในการย้ายทีมก็อยู่แค่ 10-15 ล้านยูโร บางคนเกรดดีๆราคาแค่ 4-5 ล้านยูโร แบบนี้ก็มีให้เห็นบ่อยๆ (เฟร็ด, อเล็กซ์ เตลีส เป็นต้น)
นักเตะที่มีประสบการณ์ อายุกำลังดี เช่น 25-26 ลงเล่นเป็นตัวจริงมาหลายซีซั่นติดต่อกัน ราคาบางทียังไม่ได้แพงมากเลย แล้วนักฟุตบอลเยาวชนของเรา ที่หลายๆคนยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองด้วยซ้ำว่าจะลงเล่นจริงได้หรือเปล่า ประสบการณ์ก็ยังน้อย แฟนบอลจะเอาให้ได้ราคาสูงๆมันก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่
ดูเหมือนว่าน้อย แต่ขายได้ 1 ล้านยูโร ก็ไม่ได้น่าเกลียดจนยอมรับไม่ได้ขนาดนั้น
เพราะงั้นพวกที่ปล่อยออกไปในเรทราคาราว 1-2 ล้านอย่างพวกซีดาน อิคบาล หรือ โนอาม เอเมราน พวกนี้ก็ถือว่าเป็นเรทราคาที่เข้าใจได้ มันไม่ได้ไร้ราคาถึงขนาดเป็นการปล่อยนักเตะออกไปแบบไม่มีสมองคิด ถ้านักเตะคนไหนๆที่โดดเด่นและมีแววจริงๆ เดี๋ยวมันก็ขายได้ราคาเอง เหมือนเคสของมาเตย์ โควาร์ ที่ได้จากเลเวอร์คูเซ่น 9 ล้านยูโรเป็นต้น
การขายออกนอกจากจะทำให้สโมสรได้เงินกลับเข้ามาแล้ว ยังลดภาระค่าใช้จ่ายของค่าเหนื่อยนักเตะคนนั้นๆได้อีกด้วย
4. "การจะขึ้นมาชุดใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย และบางครั้งเป้าหมายก็ไม่ใช่ที่นี่"
ตัวผู้เล่นเองก็มีโอกาสเลือกทางของตนเองเช่นกัน บางคนรับรู้อยู่แล้วตั้งแต่แรกว่า การจะขึ้นมาเป็นตัวจริงแมนยูไนเต็ด ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ต้องมีทั้งฝีเท้าที่พิเศษมากจริงๆ รวมถึงจังหวะ และ "โอกาส" ด้วย บางครั้งเก่งจริง แต่ไม่มีที่ว่างจะให้ขึ้นมา เพราะชุดใหญ่มีผู้เล่นตำแหน่งนั้นเก่งๆหลายคนแล้ว
ยกตัวอย่างเช่น ปีกซ้ายเป็นต้น คนจะลงสนามมีเต็มไปหมดในตำแหน่งยอดฮิตยุคนี้ คำถามคือ ถ้าคุณเป็นนักเตะเยาวชน และเห็นอยู่แล้วว่ามีสตาร์อย่างแรชฟอร์ด การ์นาโช่ ยึดตำแหน่งอยู่ และคุณยังเก่งไม่ถึงจุดนั้นเลย
ถ้าเห็นแล้วว่าโอกาสมันน้อยมาก คุณจะอยู่แมนยูต่อไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้โอกาส และต้องถูกส่งออกไปยืมตัวเรื่อยๆแบบไม่รู้จุดหมายหรือไม่? หรือจะเลือกไปสโมสรระดับที่รองลงไป แต่ได้ลงสนามเป็นตัวหลักของที่นั่น ได้เล่นฟุตบอลแบบเต็มๆ
นักเตะบางคนอาจจะไม่ได้มีเป้าหมายในการรอขึ้นมาอยู่กับชุดใหญ่แมนยูเลยซะด้วยซ้ำ แต่เซ็นมาอยู่ในอะคาเดมี่ของแมนยูเพื่อที่จะไต่เต้าไปอยู่ในระดับสูงกับสโมสรอื่นๆ
เข้ามาอยู่อะคาเดมี่เพื่อพัฒนาฝีเท้า เพื่อใช้เป็นใบเบิกทาง เพื่อใช้เป็นเครื่องสร้างชื่อเสียงของตัวเองให้ได้รับความสนใจ แล้วเดี๋ยวโอกาสที่ดีๆก็จะตามมาเอง
นักเตะที่เข้ามาเพื่อจะสร้างมูลค่าให้ตัวเอง จะได้สามารถไปต่อในโลกฟุตบอลได้ โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องได้เป็นนักเตะแมนยูเท่านั้น มีอีกเยอะแยะมากมาย และนักเตะเหล่านี้ไม่ผิดอะไรแม้แต่นิดเดียว ถ้าเขาจะไม่ได้มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่แมนยู และเข้ามาแค่เพื่ออัพโพรไฟล์ อัพฝีเท้า นั่นคือสิ่งที่อะคาเดมี่ของเราต้องทำให้กับนักเตะในสังกัดที่เราดูแลอยู่แล้ว
การที่ปั้นและสามารถจะดันขึ้นชุดใหญ่ได้ ถือเป็น "โบนัส" ของการปั้นนักเตะที่จะต่อยอดกับเราเองได้ แต่ถ้าเขาจะไม่ได้อยู่กับเราต่อ สโมสรขายออกไป เราก็ยังพอได้ค่าตัวกลับมาบ้าง และสิ่งที่เป็นมูลค่าแฝงตรงนี้คือชื่อเสียงและเครดิตของอะคาเดมี่แมนยูที่สร้างนักเตะดีๆออกสู่ท้องตลาดในโลกฟุตบอลได้อย่างต่อเนื่องตลอดมา
นักเตะจากอะคาเดมี่แมนยูที่ว่ากันว่าเป็นได้แค่สำรองหรืออะไหล่ที่นี่ ย้ายไปอยู่ที่อื่นก็ระดับกัปตันทีมทั้งสิ้น นี่เป็นอีกข้อสังเกตหนึ่งว่า มาตรฐานของการปั้นนักเตะเรามันไม่ได้แย่เลย เราส่งออกผู้เล่นมาแล้วมากมาย และนี่คือ "เครดิต" ของอะคาเดมี่ล้วนๆ ดังนั้นการขายเยาวชนออกไปถือเป็นเรื่องธรรมดาของธุรกิจฟุตบอลที่ต้องเกิดขึ้น
5. "เคารพมุมมองของผู้จัดการทีม"
เรื่องของการตัดสินใจจะเลือกเก็บหรือไม่เก็บของผู้จัดการทีม การปล่อยนักเตะตัวเก่งๆออกไป ไม่ใช่ว่าผู้จัดการทีมจะมองไม่เห็นฝีเท้า แต่ถ้าบางครั้งเกิดเรื่องในกรณีต่อไปนี้ เช่น
5.1 นักเตะคนนั้นอยู่ในทีมต่อไปก็ไม่มีตำแหน่งให้ลง ผู้จัดการก็จำเป็นต้องระบายออกเพื่อเคลียร์สล็อทในทีม
5.2 ถ้านักเตะคนนั้นอยากย้ายออกเอง แจ้งความประสงค์กับผู้จัดการทีม และมองเห็นทางออกตรงกัน
5.3 ถ้านักเตะคนนั้นมีฝีเท้าที่ผู้จัดการทีมประเมินแล้วว่า "ไม่ตรงตามสเป็คที่เขาต้องการจะใช้ในทีม"
5.4 ถ้าสโมสรจำเป็นต้องขายนักเตะเพื่อบาลานซ์งบประมาณของทีม เพื่อให้ถูกต้องตามกฎ Financial Fair Play
ถ้าผู้จัดการทีมจะปล่อยนักเตะออกไปเพราะเหตุผลเหล่านี้ ความผิดผู้จัดการหรือไม่?? ไม่ใช่เลย
มีหลายๆเหตุผลนอกเหนือจากแค่เรื่องที่ว่า "เก่ง หรือ ไม่เก่ง" แต่มันยังมีอะไรอีกเยอะให้ต้องคิด บางครั้งนักเตะที่เราว่าเก่งๆ และถูกปล่อยตัวออกไปอย่างน่าเสียดาย อาจจะมี "จุดอ่อน" หรืออะไรบางอย่างที่ไม่ดีในนั้น ซึ่งแฟนบอลอย่างเราไม่รู้ก็ได้
กลับกัน ตัวที่เขาเก็บไว้ และอาจดูไม่เก่งในสายตาแฟนบอล มันก็อาจจะมีอะไรที่เขาเล็งเห็นว่าสามารถจะปรับใช้กับวิธีการของเขาก็เป็นได้
หรือบางครั้ง คนที่ปล่อยออกไป อาจจะเก่งจริง แต่ในทีมเยาวชนมันมีคนอื่นที่ "เก่งกว่า" และ ผจก คิดจะเก็บไว้ใช้งานจริงๆจังๆ มันก็ควรที่จะเข้าใจเหตุผลของเขาในเรื่องนี้ เช่นเคสระหว่าง ซีดาน อิคบาล กับ ค็อบบี้ ไมนู
ประเด็นเรื่องมุมมองของผู้จัดการทีม เป็นสิ่งที่แฟนบอลควรจะต้องเคารพ และคิดให้กว้างว่า มันอาจจะมีเหตุผลอะไรอีกมากมายที่เราไม่รู้ในเรื่องนั้นก็ได้ หรือเขาอาจจะตัดสินใจผิดจริงๆก็เป็นไปได้เหมือนกัน
ดังนั้นเรื่องนี้มันไม่มีคำตอบที่แน่นอน แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือ แฟนบอลควรจะเคารพความคิดเห็นของผู้จัดการทีม และเคารพการเลือกของตัวนักเตะที่ย้ายออกไปเองด้วย
ย้อนกลับมาที่เอริค เทน ฮาก เขาถือเป็นผู้จัดการคนหนึ่งที่ทำงานร่วมกับนักเตะอายุน้อยๆมานาน และมีมุมมองแนวคิดที่ดีในการบริหารและ "พัฒนานักเตะเยาวชนอย่างถูกต้อง" มาตลอดประสบการณ์ในการทำงานของเขา
ถ้าจะไม่ต้องห่วงอะไรสักเรื่องนึงของ EtH ก็คือเรื่องปั้นเด็กนี่แหละ ถ้าตัวไหนปั้นได้ เดี๋ยวเขาจะค่อยๆให้โอกาสอย่างเหมาะสมเอง ไม่ใช่มองแต่ว่าเขารอแต่จะซื้ออย่างเดียว จะใช้แต่ลูกรักอย่างเดียว คนเป็นผู้จัดการทีมต้องทำทุกอย่างให้มันดีกับสโมสร ถ้าอยากให้เขาปั้นนักเตะ ส่งดาวรุ่งลงสนามแล้วทีมเกิดแพ้ขึ้นมา เขาก็โดนแฟนบอลขับไล่อีกอยู่ดี
ทุกอย่างต้องทำอย่างสมดุลและถูกต้องบนความเหมาะสม ไม่ใช่เอะอะจะให้ผู้จัดการส่งดาวรุ่งลงสนามรัวๆได้ง่ายๆ ขนาดในเกมยังทำไม่ได้เลย ทีมฟอร์มเป๋ชัดเจน เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆที่จะค่อยๆเบลนด์ดาวรุ่งหลอมรวมเข้ากับทีมชุดใหญ่ โดยมีซีเนียร์เก่งๆคอยประคองเอาไว้ เหมือนอย่างที่เอริคพยายามจะใช้คาเซมิโร่เป็นพี่เลี้ยงให้ค็อบบี้ ไมนูในช่วงนี้
ทั้ง 5 ข้อนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างส่วนเล็กๆส่วนเดียว จากเรื่องจริงที่มีอยู่อีกมากมายเกี่ยวกับธุรกิจการปั้นนักฟุตบอลเยาวชนขึ้นมาสักคนหนึ่ง มันมีปัจจัยอะไรอีกมากมายที่เกี่ยวกับการขายนักเตะเยาวชนออกไปจากทีมสักคนหนึ่ง
เราเข้าใจดีว่า มันดูเหมือนเป็น "อุตส่าห์ปั้นมาแล้วสุดท้ายก็ขายออกไป แล้วจะปั้นทำไม" ตามที่แฟนบอลหลายๆคนก็แอบคิด แต่ทุกๆการขาย ทุกๆการย้ายทีมออกจากสโมสร คือสิ่งที่ต้องผ่านการตัดสินใจร่วมกัน ทั้งนักเตะและสโมสรแล้วว่ามันดีที่สุด ดีลทุกดีลที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องดีทั้งนั้น เพราะมันมีเหตุผลอยู่เบื้องหลังเสมอ และไม่ใช่มีแค่อย่างที่แฟนบอลมองเห็นแต่เปลือกหน้าฉากว่าเป็นการเสียนักเตะฝีเท้าดี
เป็นเรื่องธรรมดามากๆ และมันก็จะเกิดขึ้นแบบนี้ต่อไป นักเตะเก่งๆอีกมากมายที่ต้องการจะออกไปเติบโตต่อข้างนอก แต่ก็ยังไม่เคยลืมว่าพวกเขาถูกสร้างขึ้นมาให้แข็งแกร่งจากทีมเยาวชนของแมนยูไนเต็ด มันไม่มีสิ่งไหนไร้ค่าทั้งสิ้น และนั่นคือหน้าที่ของอะคาเดมี่แมนยูไนเต็ด
ตัวไหนที่เขาขาย คือเขาตัดสินใจแล้วว่าปล่อยได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม ดังนั้น ไม่ต้องเสียดายหรือดราม่าอะไรกับเรื่องเหล่านี้ เป็นสิ่งปกติมากๆ เพราะฉะนั้นการโยนบาปไปให้กับผู้จัดการทีมด้วยความคิดเห็นที่ไม่ใช้วิจารณญาณ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
ถ้าแฟนบอลห่วงเรื่องการปั้นการเก็บตัวเก่งๆไว้กับทีม เดี๋ยวถ้ามันมีตัวไหนที่เด่นขึ้นมาจริงๆอย่างเช่นพวกแรชฟอร์ด หรือ ค็อบบี้ ไมนู ที่รอจะได้รับโอกาสอยู่นั้น เดี๋ยวก็จะได้อยู่กับทีมเองไม่ต้องห่วง เพราะสโมสรคงต้องประเมินว่าจะไม่ยอมจะเสียเพชรเม็ดงามไปง่ายๆอยู่แล้ว เพราะนักเตะเยาวชนเป็นทรัพยากรที่สำคัญ และเป็นหลักที่ค้ำจุนตัวตนของ Manchester United มาตลอดระยะเวลาที่สโมสรคงอยู่มานาน
มันน่าดีใจเวลาที่เห็นผู้เล่นเก่งๆหลายคนไปได้ดีในปัจจุบัน เราก็จะมองไปด้วยความภูมิใจทุกครั้ง และเชื่อว่าแฟนบอลแมนยูหลายๆคนจะส่งใจเชียร์นักเตะเหล่านี้เสมอ การได้เห็นเด็กๆของเราออกไปประสบความสำเร็จกับที่อื่น มันคือความภาคภูมิใจของแมนยูไนเต็ดอย่างแท้จริง
ยี่ห้อการเคยเป็น "นักเตะเยาวชนแมนยู" จะอยู่เป็นความภูมิใจที่ติดตัวเขาจนถึงวันสุดท้ายที่ค้าแข้งอย่างแน่นอน
#BELIEVE
-ศาลาผี-