ส่องแข้งแรงต่อเนื่อง 3 เกมแรกเปิดหัวไทยลีก
ธีราทร บุญมาทัน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
เป็นหนึ่งในนักเตะของ “ปราสาทสายฟ้า” ที่ผลงานแจ่มแจ้งตลอด 3 เกมจริงๆ โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมในการขึ้นเกมของทีม ซึ่ง ธีราทร ยังโชว์ความยอดเยี่ยมในการออกบอลเป็นอย่างดี จนทีมสามารถเก็บไปได้ถึง 7 คะแนนอีกด้วย
ขณะเดียวกันในเกมแรก "โก๋อุ้ม" และ และ “จีโอ้” จักรกริช พาละพล ดาวเตะของ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ก็สร้างความประทับใจด้วยการเคลียร์แผลใจที่เคยทะเลาะกันในโซเชียล โดยทั้งคู่แลกเสื้อกันพร้อมถ่ายภาพคู่ร่วมกัน สยบดราม่าเมื่อฤดูกาลที่แล้วเป็นที่เรียบร้อย
ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
นี่คือนักเตะที่คว้าแชมป์ไทยลีกมากที่สุด กับเพียงสโมสรเดียวอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ 8 สมัย คือ 2011, 2013, 2014, 2015, 2017, 2018, 2021-22 และ 2022-23 สำหรับ ศิวรักษ์ ซึ่ง 3 เกมที่ผ่านมา เขาเก็บคลีนชีตได้ตลอด 270 นาทีที่เฝ้าเสา
ซึ่ง “เดอะแชมป์” กำลังเดินหน้าทำสถิติใหม่ หากว่าสามารถพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีก สมัยที่ 9 ได้ เขาเองก็จะฉลองวันเกิดวัย 40 ปี ด้วยโทรฟี่ดังกล่าวในเดือน เม.ย.67 ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์ ครองความสำเร็จมากกว่าใครๆ ในลีกสูงสุดของเมืองไทยอีกด้วย
นิติพงษ์ เสลานนท์ (ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด)
กลับมาอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง สำหรับ นิติพงษ์ซึ่งซีซั่นนี้เขาเริ่มด้วยการเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของรายการ ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ 2023 หลังจากพาทีมกระชากโทรฟี่แรกในประวัติศาสตร์ ด้วยการทำให้ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เอาชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 2-0
จากนั้นเขาก็ยังทำผลงานยอดเยี่ยม มีส่วนในการพา “แข้งเทพ” เก็บไป 7 คะแนน จาก 3 เกมแรกของไทยลีก ซีซั่นนี้ ด้วยผลงาน ชนะ อุทัยธานี เอฟซี 4-1 (ย), เสมอ เมืองทอง ยูไนเต็ด 0-0 (ห), ชนะ ลำพูน วอริเออร์ 2-0 (ย) จนกลับไปมีชื่อทีมชาติไทย ชุดใหญ่ อีกครั้ง
ปกเกล้า อนันต์ (ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด)
หากถามว่าขุนพลเอกของ “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน มีใครบ้าง เราคงต้องย้อนไปตั้งแต่สมัยที่เขากุมบังเหียน เพื่อนตำรวจ โดยหนึ่งในแข้งที่กลายเป็นจอมทัพในเวลาดังกล่าว ก็คือ ปกเกล้า ที่เปรียบเสมือนกระบี่คู่ใจของอดีตกองกลางทีมชาติไทย รายนี้
วันเวลาพาเขาทั้งสองคนกลับมาเจอกันอีกที่ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ซึ่งบางคนอาจตั้งคำถามว่าทำไม “โค้ชแบน” ถึงใช้ “เจ้าปก” เสมอมา แต่คำตอบก็ฟ้องด้วยผลงานการขับเคลื่อนเกมไปข้างหน้าด้วยมันสมอง โดยเกมล่าสุดที่บุกยิง ลำพูน วอริเออร์ จนชนะ 2-0 ก็มาจากการเหมาประตูของกองกลางหมายเลข 39 รายนี้
บาร์รอส ทาร์เดลี (การท่าเรือ เอฟซี)
แม้หัวหอกชาวบราซิลจะแตะวัย 33 ปีเข้าไปแล้ว แต่แข้งดีกรีอดีตดาวซัลโวไทยลีก 2020/21 ยิง 25 ประตู กับ สมุทรปราการ ซิตี้ ที่เพิ่งหมดสัญญาแล้วย้ายมาจาก หนองบัว พิชญ เอฟซี บาร์รอส ทาร์เดลี ไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก เพราะเขาเองมีความคุ้นเคยกับความหนักหน่วงในลีกสูงสุดของแดนสยามอยู่แล้ว และผลงาน 3 ประตูที่ร้อนแรงของอดีตกองหน้าจอมยิงของ สมุทรสงคราม บีทียู เอฟซี, กระบี่ เอฟซี, ตราด เอฟซี, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ก็ทำให้เขาขึ้นไปอยู่ในฐานะรองดาวซัลโว โดยตามหลังเพื่อนร่วมชาติแซมบ้าจาก ชลบุรี เอฟซี อย่าง วิลเลียน ลิร่า เพียงแค่ 1 ลูกเท่านั้นเอง
แฮมิลตัน โซอาเรส (การท่าเรือ เอฟซี)
หัวหอกหุ่นเสาโทรเลขเดินทางมาเล่นในไทยลีก ตั้งแต่ฤดูกาล 2021/22 พร้อมกับครองตำแหน่งดาวซัลโวด้วยสถิติทำไป 19 ประตู 3 แอสซิสต์ อีกทั้งยังเป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมกับประตูมากสุดอันดับ 2 ของลีกอีกด้วย ก่อนจะอำลา หนองบัว พิชญ เอฟซี มาเล่นให้กับ การท่าเรือ เอฟซี ในซีซั่นต่อมา
โดยดาวยิงวัย 32 ปีฝากผลงานกับปีแรกให้กับยอดทีมแห่ง แพท สเตเดี้ยม ด้วยการลงเล่นในไทยลีกไป 26 นัด ซัด 15 ประตู คว้าที่ 3 ของตารางดาวซัลโว พร้อมกับทำไป 5 แอสซิสต์ ก่อนที่ซีซั่นนี้จะยังร้อนแรงไม่หยุด ยิงไปแล้ว 3 ประตูจาก 3 เกม เท่ากับ บาร์รอส ทาร์เดลี คู่หูร่วมทีมอีกด้วย
ทาคุ อิโตะ (นครปฐม ยูไนเต็ด)
2 ประตูจาก 3 เกม ในไทยลีก 1 ทำให้เราได้เห็นความคมของดาวเตะร่างเล็กชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างดี ซึ่งต้องชื่นชมทาง แพร่ ยูไนเต็ด ที่ยอมปล่อยตัว ทาคุ อิโตะ ทั้งที่ยังเหลือสัญญากับสโมสรอยู่ เพื่อที่จะเป็นอนาคตที่ดีของเจ้าตัวนักเตะในการขึ้นมาเล่นลีกสูงสุดของเมืองไทยเป็นครั้งแรก
และเขาเองก็ตอบแทนความตั้งใจของผู้บริหาร นครปฐม ยูไนเต็ด ที่การทำงานอย่างหนักในการสวมเสื้อหมายเลข 10 ที่ได้รับมอบหมาย เรียกได้ว่าเป็นดีลสุดคุ้มค่าของทัพ “เสือป่าราชา” ที่ได้ตัวอดีตแข้งที่เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพที่ประเทศเยอรมันกับทีม อาเค่น ในลีก Regionalliga West ของประเทศเยอรมัน มาร่วมทีม
จิตปัญญา ทิสุด (นครปฐม ยูไนเต็ด)
"เจละก็เจแปน" นี่คือเสียงพากย์ถึงเขาในวงการฟุตบอลเดินสาย ที่เอ่ยถึงชื่อ จิตปัญญา ที่เพิ่งสร้างเซอร์ไพร์ส ด้วยการเลือกซบ นครปฐม ยูไนเต็ด ซึ่งเลื่อนชั้นกลับมาอยู่ในลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี แต่ฟอร์มของเขาที่ทำว้ให้กับ “เสือป่าราชา” นั้นถือว่าสุดมาก
ใน 3 เกมแรกของยอดทีมจากเมืองเจดีย์ใหญ่ พวกเขายังไม่แพ้ใคร แถม "หน่อง" ยังเป็นคนงัดบอลงามๆ ไปให้กับ ทาคุ อิโตะ บุกไปยิงประตูชัยเอาชนะ ราชบุรี เอฟซี เพื่อนบ้านข้างเคียงไปแบบสนุก 1-0 เรียกว่าเป็นดีลที่คุ้มค่าของแชมป์ไทยลีก 2 ฤดูกาลที่ผ่านมาอย่างแท้จริง
จิรวัฒน์ วังทะพันธ์ (ขอนแก่น ยูไนเต็ด)
การเก็บคลีนชีตได้ใน 2 เกมแรกให้ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับ มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทย ชุดใหญ่ โดยเฉพาะเกมออกไปเสมอ ชลบุรี เอฟซี 0-0 เขาทำไป 10 เซฟ โดยมีสถิติ 48 สัมผัสบอล (อันดับ 1), 35 จ่ายบอล (อันดับ1), 6 จ่ายบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย (อันดับ 3), 2 เคลียร์บอลจากพื้นที่อันตราย และ 1/1 (100%) ดวลตัวต่อตัวชนะ สาบานเถอะว่านี่คือสถิติของผู้รักษาประตู
แม้จะมาพลาดในนัดที่สามที่เสียไป 2 ประตู แต่ก็ไม่มีความหมายใดใดที่ประตูของทัพ “ช้างศึก” จะไม่เปิดต้อนรับ “เจ้าพีท” ในการเข้ามาเป็นหนึ่งใน 3 นายด่านของชุดคิงส์ คัพ 2023 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนับเป็นหนแรกในการติดธงของเขาอีกด้วย
สหรัฐ กันยะโรจน์ (พีที ประจวบ เอฟซี)
3 นัดในซีซั่นนี้ที่ยังไม่แพ้ใครของ พีที ประจวบ เอฟซี ส่วนหนึ่งต้องชื่นชมฟอร์มการเล่นของ สหรัฐ อย่างมากทีเดียว โดยเขาเป็นผู้ทำประตูชัยในเกมแรกที่ “ต่อพิฆาต” เปิดบ้านเอาชนะ ราชบุรี เอฟซี ไปแบบเฉียดฉิว 1-0 ในช่วงของท้ายเกมนั้น
จากนั้นเขามาวิ่งขึ้นเกมรุกลงมาช่วยแนวรับจนถึงขั้นตะคริวขึ้น ในนัดออกไปเสมอ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 0-0 แม้ว่าเกมสุดท้ายจะเปิดรังเ นครปฐม ยูไนเต็ด 2-2 แต่ฟอร์มโดยรวมของ “เมสซีฟาร์ม” ถือว่าดีมากๆ จนมีรายงานว่าทีมชาติไทยให้ความสนใจจับตามองเขาทันที
วู กึน ยอง (โปลิศ เทโร เอฟซี)
แข้งพลังโสมจอมทีเด็ดของ โปลิศ เทโร เอฟซี ที่เคยเล่นในประเทศไทยกับหลายสโมสรทั้ง ราชประชา , ราชนาวี , นครปฐม ยูไนเต็ด , บีบีซียู เอฟซี , พีทีที ระยอง ก่อนจะกลับไปค้าแข้งในลีกบ้านเกิดกับสโมสร ซูวอน เอฟซี และย้ายกลับมาเล่นในไทยอีกครั้งในปี 2019 กับอยุธยา ยูไนเต็ด, เชียงใหม่ เอฟซี และ สุโขทัย เอฟซี
โดยซีซั่นที่สองของเขากับ “มังกรโล่ห์เงิน” กลับผลงานร้อนแรง ยิงไปแล้ว 3 ประตู จาก 3 เกมแรก คั่วรองดาวซัลโวกับ บาร์รอส ทาร์เดลี่ และ แฮมิลตัน โซอาเรส คู่หัวหอกมหากาฬที่ฟอร์มร้อนแรงเหลือเกินของ การท่าเรือ เอฟซี จากแดนแซมบ้า ที่ซัดเท่ากันที่ 3 ลูก
หลังจากนี้ไปคงจะต้องเบรกเรื่องสโมสร เพื่อไปโฟกัสในการเชียร์ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ในถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 49 จะแข่งขันกัน ที่ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี รวมทั้ง "ช้างศึก" ยู 23 ในรายการ ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก และเอเชียน เกมส์ ก่อนกลับมาลุยกันใหม่ ในฟุตบอลลีกกันอีกทีนะครับ