"เส้นทางบรรจบฝัน" โซฟียาน อัมราบัต
อัมราบัตเกิดในหมู่บ้านดัตช์แห่งหนึ่ง ณ Huizen เป็นเทศบาลและหมู่บ้านในนอร์ธ ฮอลแลนด์ อยู่ห่างออกไปทางตะวันออกไม่ไกลมากจากกรุงอัมสเตอร์ดัม และมาจากครอบครัวฟุตบอลอย่างแท้จริง พี่ชายของเขา นอร์ดิน อัมราบัต ประสบความสำเร็จในฟุตบอลอาชีพ และแฟนแมนยูไนเต็ดอาจจะได้เคยเห็นนอร์ดินในพรีเมียร์ลีกกับวัตฟอร์ด
พี่น้องทั้งสองถูกเลี้ยงดูมาโดยผู้ปกครองโมร็อกโก ทั้งสองคนเคยเล่นให้กับระดับเยาวชนของทั้งฮอลแลนด์ และ โมร็อกโกทั้งคู่ ก่อนที่จะเลือกทีมชาติโมร็อกโกซึ่งเป็นเชื้อชาติดั้งเดิมของคุณพ่อคุณแม่ในระดับทีมชาติ โซฟียานติดทีมโมร็อกโกไปแล้วทั้งหมด 49 นัด เริ่มเล่นทีมชาติตั้งแต่ปี 2017
ในระดับสโมสร ก้าวขึ้นมาจากระดับเยาวชนของ FC Utrecht เคยย้ายร่วมทีมท้องถิ่นของ Huizen อย่าง HSV De Zuidvogels และได้เล่นในระดับอาชีพครั้งแรกเมื่อพฤศจิกายนปี 2014 ในเกมเจอ Vitesse
โซฟียาน อัมราบัต พัฒนาขึ้นมาสู่การเป็นมิดฟิลด์ที่มีความสามารถรอบด้าน ทำได้ดีทั้งการถือครองบอล และตอนไม่มีบอล ซึ่งพร้อมที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่น่าตื่นเต้นกับเอริค เทน ฮาก ต่อยอดมาจากสมัยอูเทรคช์อีกครั้ง ที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
บอสของเราไปคุมสโมสรดัตช์แห่งนั้นตอนฤดูกาลที่มิดฟิลด์รายนี้ขึ้นมาสู่ชุดใหญ่ และทำงานร่วมกันมาสองปีเต็ม อัมราบัตลงเล่น 31 เกม จากทั้งหมด 34 นัดในเอเรดิวิซี่ และปี 2016/17 อูเทรคช์ได้ติดโควตาไปเล่นยูโรปาลีก
ฟอร์มการเล่นในสโมสรทำให้เขาได้มีโอกาสไปสู่ระดับทีมชาติ ลงเล่นเดบิวต์โมร็อกโกครั้งแรกคือเกมกระชับมิตรที่ชนะตูนีเซียเมื่อเดือนมีนาคม 2017 และบทสรุปของฤดูกาลดังกล่าว อัมราบัตกับเทน ฮาก พาทีมขึ้นไปสู่ระดับบนของตารางลีกฮอลแลนด์ ซึ่งเทน ฮาก ไปเซ็นสัญญาคุมอาแจ็กซ์ ขณะที่อัมราบัตก็แยกย้ายไปเซ็นกับทีมท็อปของดัตช์อีกทีมอย่างเฟเยนูร์ด
ทั้งสองทีมนี้ไม่มีใครคว้าแชมป์ลีกได้ในปี 2017/18 แต่ทางฝั่งของโซฟียานได้แชมป์บอลถ้วย KNVB Cup ในฤดูกาลนั้น ซึ่งในทีมมีอดีตนักเตะปีศาจแดงอย่าง "Robin van Persie" ลงเล่นอยู่ และรวมถึงกองหลังปัจจุบันอย่าง Tyrell Malacia ด้วย
ทั้งฟานเพอร์ซีย์ และ มาลาเซีย สองคนนี้คือเพื่อนเก่าของอัมราบัตที่เฟเยนูร์ดทั้งคู่ มาลาเซียกับอัมราบัตไม่ได้ลงในรอบชิง แต่ "RVP" เป็นคนยิงประตูพาเฟเยนูร์ดชนะ AZ Alkmaar ไป 3-0 ในรอบชิงชนะเลิศ
อัมราบัตคว้าโล่โยฮัน ครัฟฟ์ สองครั้งตอนอยู่กับยอดทีมแห่งร็อทเทอร์ดัมทีมนี้(คล้ายๆแชริตี้ชิลด์) ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับ Club Brugge ในเดือนสิงหาคมปี 2018 และได้ลงเล่นฟุตบอลโลกในช่วงซัมเมอร์ให้กับโมร็อกโก
ลงเล่นในระดับสูงสุดที่เบลเยี่ยมไป 16 เกมลีกช่วงปี 2018/19 ลงไปหนึ่งนัดในซีซั่นถัดมา(ซึ่งคลับบรูกก์คว้าแชมป์) ก่อนย้ายไปอยู่อิตาลีเป็นครั้งแรกในการยืมตัวไปอยู่กับเวโรน่า ในปี 2019/20 พาเวโรน่าติดท็อปบนของตารางในฐานะทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาใหม่ และได้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลของสโมสรเวโรน่าด้วย จากperformanceในลีกที่ลงเล่นตลอดปี พลาดการลงเล่นเกมลีกไปแค่สี่เกมเท่านั้น
ช่วงกลางฤดูกาล เวโรน่าใช้ออฟชั่นซื้อขาดอัมราบัตในช่วงมกราคมเลย ก่อนที่จบซีซั่น ในปี 2020 เดียวกันนั้นช่วงซัมเมอร์ก็กลายเป็น ฟิออเรนติน่า ที่มาซื้อขาดโซฟียาน อัมราบัต ไปใช้งานต่อเนื่องจากการเห็นฟอร์มในเซเรียอา เขาจึงเป็นนักเตะทีมม่วงมหากาฬตั้งแต่ต้นฤดูกาล 2020/21 เป็นต้นมา
เจ้าตัวลงเล่นให้กับทีมจากฟลอเรนซ์ไป 97 เกมตลอดช่วงสามปีที่ผ่านมา เกือบจะพาทีมคว้าแชมป์ได้ซึ่งห่างหายไปถึงสองทศวรรษด้วยการเข้ารอบทั้งโคปปาอิตาเลีย และ ยูฟ่า ยูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก ในรอบชิง ก่อนที่พวกเขาจะแพ้ 2-1 ให้กับอินเตอร์ และ เวสต์แฮม ตามลำดับ ด้วยสกอร์เดียวกัน
โซฟียานได้ลงสนามในนามตัวแทนทีมชาติโมร็อกโก ในช่วงกลางฤดูกาลที่แล้วที่มีรายการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ และได้รับคำชื่นชมอย่างมากที่สุดตั้งแต่เป็นนักฟุตบอลอาชีพมาของเขา ในฐานะศูนย์กลางคนสำคัญของทีมชาติโมร็อกโก สร้างเซอไพรส์เป็นทีมท็อปของกลุ่ม F, เฉือนเบลเยี่ยมได้สำเร็จ ผ่านได้ทั้งสเปน โปรตุเกส ก่อนจะไปแพ้ฝรั่งเศสรอบรองชนะเลิศ และจบเส้นทางอันน่ามหัศจรรย์ด้วยอันดับ 4 ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวของพวกเขา
ตอนนี้ โซฟียานในวัย 27 ปีกำลังจะมาเขียนเรื่องราวบทใหม่บนประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ผ่านการยืมตัวยาวทั้งซีซั่นในฤดูกาล 2023/24 ที่มาถึงในขณะนี้
และต่อจากนี้คือเรื่องราวจากปากคำของเขา ผ่านการให้สัมภาษณ์เต็มๆครั้งแรกบนหน้าสื่อของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
"ผมภูมิใจมาก และคิดว่าจริงๆก็มีชาวโมร็อกโกเยอะมากที่เป็นแฟนผีกันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นล้านที่โมร็อกโก และพวกเขาก็ภูมิใจมากๆด้วย"
"ผมหวังว่าผมจะทำให้แฟนบอลยูไนเต็ดมีความสุขและภูมิใจมากๆเช่นกัน"
ดาวเตะวัย 27 ปีรายนี้ติดตามพรีเมียร์ลีกมานานมากแล้ว พี่ชายของเขา Nordin เคยเล่นให้กับทีมอย่าง Watford ในช่วงปี 2016 ถึง 2018 แต่สำหรับชายคนนี้ ยูไนเต็ดสำคัญกว่าสโมสรใดๆ และตอนนี้เขารู้สึกภูมิใจมากที่ได้ก้าวตามรอยนักเตะผู้ยิ่งใหญ่อีกหลายๆคน
"ผมคิดว่ายูไนเต็ดมีนักเตะที่มหัศจรรย์มากมายหลายคน และมิดฟิลด์วัยรุ่นด้วยเช่นกัน ถ้าถามถึงทั่วๆไปผมก็จะสนใจนักเตะที่เป็นมิดฟิลด์มากๆ เช่น พอล สโคลส์, รอย คีน หรือ เดวิด เบ็คแฮม"
"แต่ก็มีนักเตะที่ยิ่งใหญ่อีกหลายๆคนเช่นกัน ไม่ว่าจะแกรี่ เนวิลล์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, หลุยส์ ซาฮา, เวย์น รูนีย์, (คริสเตียโน่)โรนัลโด้ ถ้าให้พูดหมดคงจะต้องเอ่ยชื่อกันเป็นชั่วโมงแหงๆ"
"แน่นอน ผมกับพี่ชายพูดคุยกันในเรื่องเหล่านี้ เขาบอกผมว่า ผมควรจะต้องมาเล่นที่พรีเมียร์ลีก มันเป็นลีกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก"
"ตอนนี้ผมได้มาอยู่ที่นี่แล้ว แทบจะรอไม่ไหวเลยจริงๆ"
มิดฟิลด์คนใหม่ของเรารายนี้กล่าวว่าเขามีบุคลิกและตัวตนบางอย่างที่แบ่งปันกับเอริค เทน ฮาก จากการขึ้นมาผ่านระบบอะคาเดมี่ของทีม Utrecht และลงเล่นในระดับเอเรดิวิซี่มา 4 ฤดูกาล ค่อยๆกลายมาเป็นขุนพลหลัก และถูกเอริคเลือกใช้ลงสนามทั้งหมด 50 เกมในทุกรายการตอนที่เอริคคุมทีมอยู่
"เรื่องนั้นสำคัญมากๆเลยนะ เพราะตอนนั้นผมเด็กมาก เพิ่ง 18-19 เอง แล้วเขาให้โอกาสผมได้ขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่กับอูเทรคช์"
"เรามีช่วงเวลาที่มหัศจรรย์ เป็นซีซั่นที่ดีมาก ผมเรียนรู้จากเขาเยอะเลย เพราะงั้นบางทีเขาก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่สำคัญที่สุดสำหรับอาชีพของผม"
"เอริค เขาคว้าแชมป์คาราบาวคัพมา พาทีมเข้าสู่แชมเปี้ยนส์ลีก และอีกรอบชิงนึงที่น่าเสียดายเพราะไปแพ้ มันยอดเยี่ยมนะที่เข้ารอบชิงได้ถึงสองรายการ ผมเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกมากับเฟเยนูร์ด และก็ คลับ บรูกก์ นี่ไม่ได้เล่นมาสี่ปีแล้วผมคิดถึงมาก เพราะงั้นมันจึงแฮปปี้ที่จะได้กลับไปสู่รายการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกครั้ง"
และความมุ่งหวังที่อัมราบัตอยากจะโชว์ฟอร์มและสู้เพื่อยูไนเต็ดในพรีเมียร์ลีกปีนี้ ถูกบอกเล่าออกมาดังนี้
"มันยอดเยี่ยมนะ เพราะผมคิดว่าเอริค เทน ฮาก เป็นโค้ชที่จะคอยผลักดันให้ถึงขีดสุดอยู่เสมอ เขาหิวกระหาย เขาอยากชนะ เขาเป็นผู้ชนะ และผมชอบสิ่งนั้น ผมคิดว่าผมก็เป็นเหมือนกัน ผมอยากชนะ ต้องการชัยชนะเช่นกันในทุกๆวัน เพราะงั้นระหว่างเรามันเข้ากันดีมาก"
เมื่อถูกถามถึงสไตล์การเล่น อัมราบัตชอบที่จะให้คำตอบผ่านฝีเท้าของเขามากกว่าเมื่อสวมเสื้อสีแดงของยูไนเต็ด
"ผมไม่ชอบพูดถึงตัวเองนะ ผมอยากแสดงให้เห็นในสนามมากกว่า แต่ก็พอจะให้คำสัญญาได้นะว่าผมจะทุ่มเททุกๆอย่างให้ดีที่สุด ในทุกๆวัน ทุกวินาที นี่คือเรื่องเดียวที่ผมพอจะสามารถพูดได้ในตอนนี้"
"มหัศจรรย์มากๆ ผมคงไม่ต้องพูดว่าสโมสรนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน มันเหมือนฝันเลย ผมอยากจะย้ายมาอยู่ที่นี่ มีข้อเสนอต่างๆเข้ามามากมาย และมันเป็นตลาดซื้อขายนักเตะอันแสนนาน สามเดือน ใช่ แต่เป็นสามเดือนที่ยาวนานมาก"
"ผมได้เจอเพื่อนร่วมทีมบางคนแล้ว พวกเขาต้อนรับผมดีมาก อยากจะลงสนามให้เร็วที่สุด"
"ฟุตบอลโลกของทีมชาติเราน่าทึ่งมาก พวกเราเป็นประเทศแอฟริกันรายแรกที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศจริงๆ มันเป็นประสบการณ์อันยอดเยี่ยม เป็นฟุตบอลโลกครั้งที่สองของผมแล้ว สิ่งที่ดีใจที่สุดคือมันเป็นการสร้างความสุขให้กับผู้คนได้"
"นอกสนามผมสบายๆนะ ชอบหัวเราะอยู่บ่อยๆ ในสนามผมจะเป็นผู้ชนะ ผมอยากพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆทุกวัน เวลาซ้อมผมต้องการเรียนรู้ให้มากขึ้น กลายเป็นผู้เล่นที่ดีขึ้นกว่าเมื่อวานขึ้นไปเรื่อยๆ"
"เรื่องภายนอกมันไม่มีอะไรมาก ตอนที่เล่นอยู่อูเทรคช์ เอริค เทน ฮาก บอกพวกเราว่าฟุตบอลคือวิถีของชีวิต มันเป็นเรื่องจริงเลย มีเกมการแข่งขันมากมาย เพราะงั้นคุณจะยุ่งอยู่แต่กับฟุตบอลจริงๆ เพราะมันจะต้องพักฟื้นร่างกาย ต้องกินให้ดีๆ"
"ข้อความถึงแฟนบอลหรือ? ผมตื่นเต้นมากๆที่ได้มาอยู่ที่นี่ อยากเริ่มลงเล่นแล้ว และผมสัญญากับพวกเขาว่าจะทุ่มเททุกอย่างที่มีเพื่อช่วยทีม และทำให้พวกเขาภูมิใจ"
มีคำพูดของเอเย่นต์อัมราบัต อย่าง Mahmoud el Boustati พูดถึงนักเตะของเขา ซึ่งจะทำให้แฟนบอลรับรู้ได้มากขึ้นว่า เจ้าของหมายเลข 4 คนนี้พยายามแค่ไหนเพื่อให้ตัวเองได้ย้ายมาอยู่กับแฟนบอลปีศาจแดงที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดแห่งนี้
"นายฝันจะได้เห็นตัวเองลงเล่นท่ามกลางแสงไฟของโรงละครแห่งความฝัน"
"นายมอบความไว้ใจที่จะให้ฉันเป็นคนทำให้ความฝันของนายเป็นความจริง สิบห้าปีที่เราร่วมทางแห่งความฝันนี้มาด้วยกัน ได้เห็นนายเติบโตจากเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์ดิบๆและแพชชั่นต่อฟุตบอล กลายมาเป็นชายในตอนนี้ที่ขึ้นมาสู่ในระดับแนวหน้าของโลก"
"หลังจากที่ได้โชว์ฟอร์มในฟุตบอลโลกซึ่งเป็นเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พวกเขาทุกคนได้เห็นในสิ่งที่ฉันรู้มันมาตลอดอยู่แล้ว ความสามารถของนายเป็นอะไรที่ปฏิเสธไม่ได้"
"ความเชื่อที่มีในตัวนายไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป ถึงแม้ว่าสามเดือนสุดท้ายมันจะยากอยู่สักหน่อย อุปสรรคเกิดขึ้นมากมาย นายปฏิเสธทุกสโมสรที่ติดต่อเข้ามาเพราะนายมีศรัทธาว่าความฝันของนายจะต้องเป็นจริง ซึ่งก็คือสโมสรแห่งหนึ่งแห่งนั้น"
"เราทำสำเร็จแล้วนะน้องชาย พวกเราทำตามสัญญา ความฝันเป็นจริง และโรงละครแห่งความฝันกำลังรออยู่"
ทั้งหมดนี้คือคำให้สัมภาษณ์เบื้องต้นจากโซฟียาน อัมราบัต และเส้นทางของเขาที่ผ่านอะไรมามากมายตั้งแต่ระดับล่างๆจนขึ้นมาถึงฟุตบอลระดับสูงสุดในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ นี่คือตัวอย่างของนักฟุตบอลที่สู้มาตลอดในเส้นทางอาชีพ ค่อยๆไต่เต้าจนกระทั่งประสบความสำเร็จมาจนถึงระดับที่นักฟุตบอลอาชีพทุกคนใฝ่ฝันจริงๆในการได้เล่นในเวทีระดับพรีเมียร์ลีก
แถมได้อยู่กับสโมสรที่ใหญ่ที่สุดสโมสรหนึ่งอย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า โซฟียานจะต้องพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดแน่นอน เพราะคนๆหนึ่งที่ถึงกับกล้าปฏิเสธโอกาสที่มันหายากมากๆในวงการนี้ โดยที่ไม่รู้อนาคตว่าเขาจะได้เซ็นกับแมนยูจริงๆหรือไม่ เพราะปีศาจแดงจะเลือกถอนสมอหรือเปล่าในดีลนี้ก็ไม่มีใครรู้
แต่อัมราบัตทิ้งโอกาสอื่นๆทั้งหมด แล้วเดิมพันสามเดือนแห่งการรอคอย เพื่อแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจริงๆ นี่คือความมุ่งมั่นของจิตใจที่สู้เพื่อความฝัน จนกระทั่งมันเกิดขึ้นได้สำเร็จจริงๆแล้วในตอนนี้ จากนี้เขามีหน้าที่โชว์ฝีเท้าให้เต็มที่ เพื่อให้ดีลถาวรเกิดขึ้นในฤดูกาลหน้า จากการมี option to buy แนบเอาไว้ในสัญญานี้ที่ปีศาจแดงสามารถซื้อขาดเขาได้ในอนาคต ในราคาที่ตกลงกันได้เรียบร้อยกับฟิออเรนติน่าแล้ว ที่เรทราคา 20 ล้านยูโร + 5 ล้าน add-ons ในตลาดซัมเมอร์หน้า
จากนี้คือการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเองของโซฟียาน อัมราบัตแล้วว่า เมื่อคุณเข้ามาสู่สิ่งที่เรียกว่าความฝันได้ จากเส้นทางที่เดินทางมาบรรจบในสถานที่ที่ไม่น่าเชื่อที่สุดสำหรับชีวิตคุณแล้ว คุณจะสามารถรักษาความฝันที่ว่านี้ให้คงอยู่ต่อไปให้ได้ยาวนานที่สุดแค่ไหน "เวลา และ การกระทำ" เท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์สำหรับ Sofyan Amrabat
สู้ให้เต็มที่นะ ใจมาขนาดนี้ เราเชื่อว่านายทำได้แน่
#BELIEVE
-ศาลาผี-
References
https://www.manutd.com/en/news/detail/sofyan-amrabat-says-he-is-a-winner-like-erik-ten-hag