เชื่อว่านี่คงจะเป็นคำถามของหลายๆคนหลังจากได้เห็นฟอร์มของ "สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์" ไปเฉิดฉายกับเกมทีมชาติอีกครั้ง เมื่อล่าสุดระเบิดฟอร์มเก่งทั้งยิงทั้งจ่ายทำให้ทีมชาติสกอตแลนด์ ขยี้ทีมชาติไซปรัสไป 0-3 นำจ่าฝูงในกลุ่ม A ฟุตบอลยูโร 2024 รอบคัดเลือกอย่างสวยงามในตอนนี้ด้วยสถิติลงเล่น 5 เกม ชนะรวด 100% 5 นัด มี 15 แต้มเต็ม ทั้งๆที่ในกลุ่มมีทีมแข็งๆอยู่หลายทีมไม่ว่าจะเป็นนอร์เวย์ หรือ สเปน ก็ตาม
แฟนแมนยูหลายๆท่านอาจจะอยากรู้ว่า ในทีมชาติมันมีอะไรดี และน้องแม็คเล่นตำแหน่งไหน บทบาทยังไง ถึงฟอร์มดีขนาดนั้น สามารถสังเกตได้จากภาพอธิบายในเชิงแทคติกดังต่อไปนี้
ในภาพข้างบนนี้จะเห็นชัดว่า แม็คโทมิเนย์ เป็นมิดฟิลด์ตัวบนของทีม เป็นหนึ่งในสองตัวรุกที่ยืนอยู่หลังกองหน้าตัวเป้า ซ้ายเป็นแม็คกินน์ ขวาเป็นแม็คโทมิเนย์ อยู่ด้านหลังหน้าเป้าอย่าง เช อดัมส์ ตามรูป
เมื่อก่อนเราจะรู้ว่าแม็คโทมิเนย์เล่นเซ็นเตอร์แบ็คในเกมทีมชาติ แต่ปัจจุบันน้องแม็คเปลี่ยน Role ไปสิ้นเชิง เมื่อเขากลายเป็นหนึ่งในสองผู้เล่นแดนบนในลักษณะของการเป็นมิดฟิลด์กึ่งตัวรุก เติมขึ้นไปซัพพอร์ตเกมรุกในพื้นที่สุดท้าย ในแบบ "Second Striker" ของระบบ 3-4-2-1
และคำตอบที่อธิบายได้ว่าน้องแม็คเล่นยังไงในทีมชาติ นั่นก็คือการใช้เขาเล่นเป็นมิดฟิลด์แบบ "8 กึ่ง 10"
พื้นที่การยืน ก็จะชัดว่าน้องแม็คถูกใช้งานให้ยืนสูงกว่าคู่ double pivot ตรงกลางที่ยืนระนาบเดียวกันกับวิงแบ็คซ้ายขวา ในแผง 4 คนตรงกลาง, ฐานล่างของทีมใช้ระบบสามเซ็นเตอร์แบ็คเป็นแนวล่างสุด (ไม่เห็นในภาพข้างบนนี้)
แม็คโทมิเนย์เล่นมิดฟิลด์ตัวบนที่ช่วยงานตรงกลาง, บวกกับใช้มิติการ "เติมเกมเข้ากรอบเขตโทษ" ในแบบ Box-to-Box สร้างโอกาสในพื้นที่สุดท้าย ซึ่งจอห์น แม็คกินน์เองก็เป็นผู้เล่นที่โดดเด่นในมิติแบบนี้เช่นเดียวกับแม็คโทมิเนย์ ทั้งสองตัวเติมเกมรุกดีมาก ดังนั้นจึงถูกใช้เป็นตัวบนที่ซัพพอร์ตเกมรุกหน้าเป้าอย่าง เช อดัมส์ อย่างที่เห็น
แม็คโท กับ แม็คกินน์ จึงเป็นคู่เลข 2 ที่ยืนซัพพอร์ตหน้าเป้า ในระบบ 3-4-2-1 นั่นเอง
ถ้าจะหาทางใช้แม็คโทมิเนย์ใน formation อื่นๆให้เทียบเคียงกับตำแหน่งแบบนี้ในทีมชาติ ระบบที่สามารถใช้น้องแม็คเล่นได้คือ "4-2-3-1" (ส่วน 4-3-3 ไม่เหมาะกับการใช้แม็คโทมิเนย์เป็นตัวบนสักเท่าไหร่)
เนื่องจาก 4-2-3-1 มีปริมาณการใช้ตัวรุกแดนบนเยอะๆถึง 3 คน สามารถวางเขาให้อยู่ตรงไหนก็ได้ไม่ว่าจะเป็น AM ตรงกลาง หรือที่เล่นในลักษณะของการเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกด้านข้างแบบโอลด์สคูล ที่เป็น AMR (เหมือนอย่างที่เล่นในทีมชาติ) เช่นนี้
เนื่องตัวรุกด้านข้างที่ไม่จำเป็นต้องเล่น Winger หรือ Playmaker เสมอไป สามารถใช้เป็นตัวสอดเข้าพื้นที่สุดท้ายก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นรูปแบบการหุบเข้าในกรอบเขตโทษจากตำแหน่งด้านข้างในลักษณะของ "Raumdeuter" (รอยด๊อยเตอร์) แบบโธมัส มุลเลอร์ ก็ดูจะเหมาะกับแม็คโทมิเนย์มากๆ คือเป็นปีกไร้สกิล แต่เติมเข้ากรอบโหดๆนั่นเอง
คิดว่าแม็คโทมิเนย์เล่นรอมด๊อยเตอร์ได้ ยิ่งภาพข้างล่างนี้ก็ยิ่งชัด
ภาพข้างบนนี้ชัดเจนว่า แม็คโทมิเนย์ยืนค้ำสูงมากในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกแดนบนด้านหลังหน้าเป้า ในจังหวะดังกล่าว สกอตแลนด์เป็นฝ่ายครองเกมบุกด้วยแผงมิดฟิลด์และวิงแบ็คที่ดันสูง น้องแม็คถูกดันสูงขึ้นไปเล่นยัง Final Third แบบเต็มตัว เพื่อใช้สภาพร่างกายที่แข็งแกร่ง และการจบสกอร์ที่เฉียบคมน้องๆกองหน้าตัวจริง เข้าไปยิงจบสกอร์หรือเล่นในจังหวะสุดท้ายให้ทีม
ไม่น่าแปลกใจเลยถ้าทำไมสถิติการทำประตูจะเยอะขนาดนั้น เพราะ "โดยตำแหน่ง" ที่ถูกใช้ แม็คโทมิเนย์ถูกใช้เป็นมิดฟิลด์ตัวบนแบบเต็มตัว โอกาสจึงมากขึ้นตามไปด้วย จุดเด่นของเขาจึงถูกนำออกมาใช้อย่างเต็มศักยภาพ
หลักฐานข้างบนนี้จาก Heatmap เปรียบเทียบระหว่างพื้นที่การเล่นของแม็คโทมิเนย์ กับแมนยูไนเต็ดในซีซั่นที่แล้ว กับการเล่นทีมชาติสกอตแลนด์ ในยูโร 2024 รอบคัดเลือก ก็จะเห็นความแตกต่างชัดว่า พื้นที่หลักๆของแม็คโทมิเนย์จะเล่นในแดนกลางค่อนข้างเยอะ ค่อนไปทางการเล่นในพื้นที่ต่ำซะด้วยซ้ำเป็นส่วนใหญ่
ขณะที่การเล่นที่สกอตแลนด์ เขาได้รับบทบาทเป็นมิดฟิลด์เบอร์ 8 กึ่ง 10 ทางซีกขวา พื้นที่การเล่นจึงเยื้องไปในแดนบนมากเป็นพิเศษ ขึ้นสูงไปถึงกรอบเขตโทษ
ในเรื่องของ "Role" (บทบาทการเล่น) ลักษณะการเล่นที่แม็คโทมิเนย์ทำผลงานได้ดี แม้จะเป็นการเล่นมิดฟิลด์ตัวบน แต่เขาก็ไม่ได้เล่นแบบ Playmaker แบบที่ต้องสร้างสรรค์เกมรุกด้วยตัวเอง แต่เป็นมิดฟิลด์ "ตัวเติมเกมรุก" เข้าพื้นที่สุดท้ายแบบพวกสายเสริมพลังเน้นๆ เพิ่มเติมมิติให้ทีมด้วยไดนามิคการเคลื่อนที่เข้าสู่พื้นที่สุดท้ายเป็นหลัก ด้วยบทบาทที่อธิบายได้ว่าเป็น Box-to-Box Midfielder อย่างที่เราทราบๆกัน ซึ่งเติมเข้าไปรับหน้าที่ Second Striker ให้ทีม
จังหวะการยิงประตูได้ของแม็คโทมิเนย์ เป็นจังหวะเคลื่อนที่เข้ามาจากวงนอก พุ่งเข้าสู่กรอบเขตโทษมาจบสกอร์ได้เป็นประจำ ดังภาพตัวอย่างต่างๆเหล่านี้
ประตูข้างบนนี้วิ่งเติมขึ้นมารับบอลที่เป็น Deep Completion วางลึกเข้ามาหน้าปากประตูในกรอบ 6 หลา วิ่งประคองตำแหน่งเข้ามาในกรอบเขตโทษจนกลายเป็นกองหน้าตัวที่สอง และพุ่งเข้าหาบอลจบสกอร์อย่างเฉียบคม
ประตูข้างบนนี้เป็นลูกยิง signature ของน้อง จากการได้ส่องแบบเน้นๆจากรอบๆกรอบเขตโทษ ลูกนี้ยิงหายไปในก้นตาข่าย เป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาคือนักเตะคนหนึ่งที่วางเท้ายิงได้ดีมากๆ ถ้ามีจังหวะและเวลาให้ โอกาสเป็นประตูสูง
ลูกนี้เห็นชัดเจนเป็นเงารางๆเหมือนเดอะแฟลชพุ่งเข้ามา มันเป็นการวิ่งเติมมาจากแถวสองบริเวณด้านนอกกรอบเขตโทษ จากพื้นที่โซน 14 เข้ามาจบสกอร์ถึงในกรอบ และก็ทำประตูได้สำเร็จ เป็นลูกถนัดของเขาเลยในการ "วิ่งเติม" เข้ามายิง มันทำให้การยิงมีพลังมาก และป้องกันได้ยากเพราะเป็นตัวเคลื่อนที่เข้ามา ส่วนคู่แข่งนั้นปักหลักยืนป้องกันอยู่ในโซน จึงป้องกันได้ยาก
ประตูนี้ก็เหมือนข้างบน วิ่งมาจากนอกกรอบเขตโทษ พุ่งเข้ามายิง เป็นประตูอีกเช่นกัน มันคือความเฉียบคมที่โจมตีได้ในพื้นที่ Final Third จากทุกระยะทั้งใกล้และไกล
เกมทีมชาติล่าสุดในรอบคัดเลือกบอลยูโร 2024 สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ทำ 1 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์ในเกมที่สกอตแลนด์ชนะไซปรัส 0-3 สลับกันยิงและจ่ายกับแม็คกินน์กันคนละลูก และส่งให้น้องแม็คก้าวขึ้นมาเป็นดาวซัลโวสูงสุดในรอบแบ่งกลุ่มนี้ ร่วมกันกับ ราสมุส ฮอยลุนด์ และ โรเมลู ลูกากู ด้วยจำนวนประตู "6 ลูก" เท่ากันทั้งสามคน
เขาได้ให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้เอาไว้ดังนี้
"ผู้จัดการทีมให้อิสระผมเยอะในการเติมเข้าไปในกรอบ เพื่อสร้างโอกาสให้เกิดขึ้น เขามอบความไว้วางใจให้ผมอย่างมาก และผมอยากทำให้มันสำเร็จ"
"พวกเราจะต้องควบคุมมันให้ได้ ทุกคนต่างรู้ว่าพวกเราเป็นนักเตะที่ดี และในห้องแต่งตัวมีบรรยากาศทีมที่ดีมาก มันเต็มไปด้วยคาแรคเตอร์ที่เต็มเปี่ยม"
"จอห์น แม็คกินน์ คือคนหนึ่งที่ได้ให้สัมภาษณ์ไป และเขาเป็นคนสำคัญที่มีบุคลิกอันยอดเยี่ยม และรวมทีมเขาไว้ด้วยกัน เขาผลักดันพวกเราต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา"
"สำหรับเรามันเป็นอะไรที่ง่ายๆ เราแค่ต้องรักษาความนิ่งเอาไว้ พยายามทำประตูให้ได้ แล้วอย่าให้ทีมเสียประตู"
ส่วนหนึ่งของฟอร์มการเล่นที่ดุดัน และเปล่งประกายขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องของ "โอกาส" การเล่นที่ได้ลงแบบเต็มๆตั้งแต่นาทีแรกของเกม และเป็นตัวจริงต่อเนื่อง ทำให้ฟอร์มที่แท้จริงของเขาออกมาแบบเต็มๆในทีมชาติสกอตแลนด์
ส่วนอีกเรื่องที่กล่าวไปแล้วก็คือบทบาทการเล่นของแม็คโทมิเนย์ในเกมสกอตแลนด์ แม็คโทมิเนย์เล่นด้วยมิติของการเป็น Box-to-Box ที่มีอิสระในการเติมเกมเข้าพื้นที่สุดท้ายในกรอบเขตโทษค่อนข้างมาก ยืนสูงในฐานะกองกลางแบบเบอร์ 8 กึ่งเบอร์ 10 ซึ่งการเติมเข้ากรอบโคตรโหดที่มีการจบสกอร์อยู่ในระดับน้องๆกองหน้า จึงไม่น่าแปลกใจเลยสำหรับผลงานที่เห็นนี้
ก็เป็นอย่างที่หลายๆคนชอบเอามาพูดกันสนุกๆนั่นแหละว่าให้ขึ้นไปเป็นกองหน้า น้องแม็คก็เล่นกองหน้าได้จริงๆในลักษณะที่เป็น "Second Striker" อย่างที่แผน 3-4-2-1 ของสกอตแลนด์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การใช้เขาเป็นตัวบนที่มีอิสระในเกมรุก ทำให้เขาโชว์ของมาได้ขนาดไหน
ที่สำคัญ การเติมเกมรุกแบบนี้มันเป็นออฟชั่นเสริมของผู้เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกหลายๆคนอยู่แล้วในยุคนี้ ที่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นกองหน้าแท้ๆ เหมือนสมัยก่อนที่มีแค่หน้าเป้า มีหน้ำต่ำ แต่ปัจจุบันผู้เล่นมิดฟิลด์ที่เติมเกมเก่งๆก็สามารถเป็น Second Striker กันเยอะขึ้น
นักเตะสมัยนี้จะต้องทำอะไรได้หลากหลายมากกว่าแค่ตำแหน่งตัวเอง บางคนเป็นมิดฟิลด์ก็สามารถดันขึ้นไปเป็นกองหน้าได้ บางคนเป็นมิดฟิลด์ที่ถอยต่ำลงไปเล่นเซ็นเตอร์แบ็คได้ เช่นพวก เดแคลน ไรซ์, ปาร์เตย์, โรดรี้, คาเซมิโร่ เป็นต้น
แม็คโทมิเนย์ไม่ได้เป็นมิดฟิลด์ที่เก่งในเรื่องคุมจังหวะเกม ไม่ใช่ตัวคอนโทรลบอลกลางสนาม แต่เขาคือมิดฟิลด์ที่เติมเกมรุกขึ้นสุดลงสุดอย่างอิสระในแบบ Box-to-Box แล้วเหมาะสมกับความสามารถมากที่สุด ถ้ามีโอกาสและพื้นที่การเล่นอย่างถูกต้อง จะสามารถใช้งานให้เป็นประโยชน์ได้เหมือนอย่างที่ไปเฉิดฉายในเกมทีมชาตินั่นเอง
ด้วยศักยภาพที่แท้จริงเช่นนี้ อาจเป็นอีกเหตุผลที่เราคงจะเลหลังขายออกไปแบบถูกๆไม่ได้ เพราะนั่นไม่ใช่มูลค่าที่แท้จริงของนักเตะเลย ถ้าใช้งานดีๆ แม็คโทมิเนย์จะเป็นผู้เล่นคนสำคัญได้ในหลายๆทีมบนโลกใบนี้
"Triple S" Second Striker Scott .. ยังอยากให้น้องโชว์ฟอร์มเก่งกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้อยู่นะ ขอให้น้องนำฟอร์มเก่งกลับมาช่วยทีมเราให้ได้แบบนี้จริงๆ เอริคเองก็พยายามใช้แม็คโทมิเนย์เล่น AM ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวบนอยู่หลายๆครั้ง ก็ได้แต่หวังว่าน้องจะช่วยเราได้ ในยามที่ฟอร์มกำลังแย่แบบนี้
ถ้าลองปรับทีมใช้งานให้ถูก น้องจะยังมีประโยชน์กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแน่นอน
#BELIEVE
-ศาลาผี-
References
