การยิงได้ทั้งหมด 4 ประตู จาก 4 นัดที่ลงสนาม นอกจากจะช่วยให้ต้นสังกัดทะยานขึ้นไปรั้งอันดับที่ 7 ในตารางคะแนนได้อย่างน่าชื่นชมแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการได้รับการจับตามองจากทั้งสื่อมวลชนและทีมคู่แข่งร่วมลีก
ซึ่งจากจำนวนประตูและฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมดังกล่าว ก็ช่วยส่งให้เขากลายเป็นนักเตะไทยเพียงคนเดียวที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของตำแหน่งดาวซัลโวประจำศึกไทยลีก 2 อยู่ในขณะนี้
โดยตามหลัง ยู บยอง-ซู เพชรฆาตชาวเกาหลีใต้ของเชียงใหม่ เอฟซี อยู่เพียงแค่ 1 ประตู และนำหน้า จูดิวาน ฟลอร์ ดา ซิลวา กองหน้าดีกรีทีมชาติบราซิลของพัทยา ยูไนเต็ด อยู่ 1 ประตูเช่นกัน
ดาวซัลโวสัญชาติไทยแห่งทัพ "กระต่ายป่า" เป็นใครและมาจากไหน ? อย่ามัวเสียเวลาสงสัยกันอยู่เลย เราไปทำความรู้จักกับนักเตะคนนี้กันเถอะ
ปฏิพัทธ์ คำสัตย์ มีชื่อเล่นว่า "บ๊วย" เกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2539 พื้นเพเดิมเป็นคน จ.สุรินทร์ และมีความฝันตั้งแต่ตอนเด็กๆ ว่าอยากเป็นนักฟุตบอล โดยมีคุณพ่อเป็นครูสอนวิชาลูกหนังให้คนแรก
"เจ้าบ๊วย" เริ่มมีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น จากการเล่นฟุตบอลนักเรียนให้กับสถาบันลูกหนังชื่อดังอย่าง "โรงเรียนอัสสัมชัญ" โดยเจ้าตัวเคยได้ทั้งแชมป์จตุรมิตร และแชมป์ฟุตบอลกองทัพอากาศพร้อมกับตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมของรายการมาแล้ว ซึ่งรางวัลเหล่านั้นก็คือใบเบิกทางชั้นดีสู่ระบบฟุตบอลอาชีพ ทั้งการมีชื่อติดทีมชาติไทยในระดับเยาวชน หรือการมีหน้าที่การงานที่ดีในอนาคต
อันที่จริงต้องบอกว่าตัวของปฏิพัทธ์เอง เกือบจะได้ร่วมทีมกับราชนาวี พร้อมโอกาสในการเรียนต่อเพื่อบรรจุรับราชการทหารเรือมาแล้ว แต่สุดท้ายเขาตัดสินใจเลือกข้อเสนอของอุดรธานี เอฟซี เนื่องจากต้องการเล่นเพียงฟุตบอลอย่างเดียว จึงถือได้ว่าอุดรธานีฯ คือสโมสรแรกในการค้าแข้งของเจ้าตัว
เมื่อเข้าสู่ระบบฟุตบอลอาชีพ เขาถือเป็นนักเตะจอมพเนจรอีกคนหนึ่งของวงการลูกหนังไทยก็ว่าได้ เพราะหลังจากอยู่กับอุดรธานีแล้ว "เจ้าบ๊วย" ได้ย้ายไปเล่นให้กับอีกหลายสโมสร ทั้ง ม.นอร์ทกรุงเทพ, สุพรรณบุรี เอฟซี, ลำปาง เอฟซี, ชัยนาท ฮอร์นบิล, อุตรดิตถ์ เอฟซี, ขอนแก่น ยูไนเต็ด, เมืองเลย ยูไนเต็ด จนถึงสโมสรล่าสุดอย่าง อัศวิน เกาะขวาง ยูไนเต็ด ก่อนที่จะย้ายมาระเบิดฟอร์มกับจันทบุรี เอฟซี ในซีซั่นนี้
อย่างที่ได้กล่าวไปในตอนต้น ด้วยฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยม ที่ทำได้ 4 ประตู จาก 4 นัดที่ลงสนาม ทำให้ตอนนี้ชื่อของ ปฏิพัทธ์ คำสัตย์ กลายเป็นนักเตะที่ได้รับการจับตามองมากขึ้น และอาจรวมถึงการย้ายตัวในตลาดซื้อ-ขายนักเตะในรอบถัดไปด้วยเช่นกัน
ดีไม่ดี...เขาอาจจะได้ย้ายไปเล่นในลีกที่สูงกว่าอย่างไทยลีก 1 เลยด้วยซ้ำ หรือถ้าเซอร์ไพรส์กว่านั้น บางทีอาจจะไปไกลถึงขั้นมีธงไตรรงค์ติดอยู่ที่หน้าอกก็เป็นได้ ใครจะไปรู้
เพราะในอดีต ทีมชาติไทยก็เคยเรียกตัวผู้เล่นที่อยู่ในระดับลีกรองมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น สิโรจน์ ฉัตรทอง สมัยอยู่กับอุบล ยูเอ็มที ศราวุฒิ มาสุข เมื่อคราวที่โลดแล่นกับจามจุรี ยูไนเต็ด หรือ สุพจน์ จดจำ ในสมัยที่เป็นดาวซัลโวของกระบี่ เอฟซี
ด้วยอายุที่แตะหลัก 27 ปี ซึ่งกำลังเป็นช่วงพีคของนักฟุตบอล เชื่อเหลือเกินว่าถ้าเขายังรักษาเนื้อรักษาตัว และรักษาฟอร์มการเล่นให้อยู่ในมาตรฐานเดิมได้ อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ทั้งการย้ายไปเล่นให้ทีมที่ใหญ่กว่า หรือการติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ ทุกอย่างสามารถเป็นไปได้หมดเลยจริงๆ
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ คือเรื่องราวของ ปฏิพัทธ์ คำสัตย์ ที่เรานำมาฝากกัน ก็คอยติดตามและจำชื่อของหมอนี่เอาไว้ให้ดี...
เพราะนี่คือว่าที่ยอดดาวยิงเนื้อหอมแห่งศึกไทยลีก 2 ในฤดูกาลนี้อย่างแท้จริง !!!
