:::     :::

ผู้จัดการทีมในแบบฉบับ "ชาบี อลอนโซ่"

วันจันทร์ที่ 18 กันยายน 2566 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
827
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ก้าวมาครองตำแหน่งจ่าฝูงบุนเดสลีกา

สำหรับไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น จากผลงานชนะ 3 และเสมอ 1 พร้อมกับลูกได้เสียที่ดีกว่าบาเยิร์น มิวนิค ถือเป็นการเริ่มต้นฤดูกาล 2023-24 อย่างยอดเยี่ยม แน่นอนว่า หนึ่งคนที่ต้องได้รับเครดิตเป็นอย่างมาก นั่นก็คือกุนซืออย่าง “ชาบี อลอนโซ่” ที่เข้ามาปรับแต่งทีม “ห้างขายยา” จนเป็นหนึ่งทีมที่น่ากลัวในลีกสูงสุดของเยอรมัน 


ช่วงนี้ เราลองไปดู ผู้จัดการทีมในแบบฉบับ “ชาบี อลอนโซ่” กันหน่อยว่า เขามีเคล็ดลับการกุมบังเหียนอย่างไร และประสบการณ์ในการเป็นนักเตะ ช่วยให้เขานำมาประยุกต์ใช้ ในการคุมทีมได้อย่างไรบ้าง เชื่อเหลือเกินว่า นี่คือกุนซือที่หลายคนเอาใจช่วย ในการพิสูจน์ตัวเองในโลกลูกหนัง 

ย้อนเวลากลับไป อลอนโซ่ แขวนสตั๊ดไป ตั้งแต่ปี 2017 ปัจจุบัน เขาผันตัวเองมาเป็นผู้จัดการทีม โดยถือเป็นการเลือกคุมทีม ด้วยความละเอียด และถี่ถ้วน เขาเริ่มต้นการเป็นกุนซือ ด้วยการคุมทีมเรอัล มาดริด ชุดเยาวชน ต่อมาด้วยเรอัล โซเซียดาด เบ นี่คือการปักหมุดเส้นทางสายใหม่ของเขา


กระทั่งเดือนตุลาคม ปี 2022 อลอนโซ่ ก้าวเข้ามาสู่อีกหนึ่งความท้าทาย ด้วยการรับคุมทีมไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น สโมสรชื่อดังจากบุนเดสลีกา เยอรมัน ผลปรากฏว่า อลอนโซ่ นำทัพ “ห้างขายยา” ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการเกาะกลุ่มบนของตารางคะแนน พร้อมกับคว้าสิทธิไปเล่นเวทียุโรป ในรายการยูโรป้า ลีก 


หากดูจากสถิติ อลอนโซ่ เข้ามาปรับแต่งเลเวอร์คูเซ่น จนกลายเป็นทีมที่โดดเด่น ในเรื่องการทำประตู ชนิดที่ติดอยู่ในอันดับต้นๆของบุนเดสลีกา ส่งผลให้เขาถูกหลายฝ่ายมอบคำชื่นชม ด้วยวัย 41 ปี ทำให้เส้นทางการคุมทีมของเขา ยังเหลืออีกยาวไกล และรอวันให้พิสูจน์ตัวเอง 


ปูมหลังของอลอนโซ่ เป็นนักฟุตบอลที่เต็มไปด้วยเทคนิค และมีแววการเป็นโค้ชติดตัว ตั้งแต่ที่เขายังเป็นเพียงนักเตะดาวรุ่งแล้ว

“โรแบร์โต้ อารานซาบัล” ผู้อำนวยการกีฬาของทีมเรอัล โซเซียดาด ออกมาย้อนความทรงจำว่า ช่วงเวลานั้น เรอัล โซเซียดาด ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อการตกชั้น ในการลงไปเล่นในศึกเซกุนด้า


ดาวรุ่งอย่างอลอนโซ่ กลับไม่มีท่าทีตื่นตระหนก เขาแสดงภาวะความเป็นผู้นำออกมา และบอกนักเตะรุ่นใหญ่ด้วยว่า ควรลงมือทำอะไร เพื่อฝ่าวิกฤตินี้ไป นี่คือผู้เล่นหน้าใหม่ ที่กล้าเดินไปบอกเรื่องแท็คติกการเล่นกับบรรดาขาใหญ่ อาทิดาร์โก โควาเซวิช และนิฮัต คาห์เวซี่


อารานซาบัล ย้ำเสมอว่า อลอนโซ่ เป็นนักเตะที่ไม่ได้มีความรวดเร็วมากนัก ดังนั้น เขาจึงพัฒนาตัวเอง แนวทางที่เขามุ่งเน้นคือ “การเข้าใจเกม” เรื่องดังกล่าว ส่งผลให้อลอนโซ่ มีความเป็นกุนซือซึมซับในร่างกาย เกมของเขาขึ้นอยู่กับสติปัญญา นั่นคือการปูทางสู่การคุมทีมในอนาคต

ปฏิเสธไม่ได้ว่า อลอนโซ่ เป็นกุนซือหนุ่มไฟแรง ที่เป็นภาพสะท้อนของคนที่ฉลาดเป็นกรด และเป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง ส่วนสำคัญที่ประกอบร่างอลอนโซ่ นั่นคือการผ่านการเล่นให้กับผู้จัดการทีมระดับโลกหลายคน นี่ถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง ในเส้นทางลูกหนังของเขา เพราะหมายถึงการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และบทเรียน ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป


อลอนโซ่ เคยเป็นลูกศิษย์ของจอห์น โตแช็ค ซึ่งเป็นกุนซือที่แข็งแกร่งมาก ในเชิงแท็คติก รวมถึงราฟาเอล เบนิเตซ หนึ่งในกุนซือที่เต็มไปด้วยกลยุทธ์ รวมถึงโชเซ่ มูรินโญ่, บิเซนเต้ เดล บอสเก้, เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และคาร์โล อันเชล็อตติ สำหรับรายชื่อที่เรากล่าวมาทั้งหมด ล้วนแล้วแต่เป็นผู้จัดการทีมที่ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์ตัวเองอีกแล้ว 


ด้วยคุณลักษณะ จุดเด่น และจุดแข็งของกุนซือแต่ละคน ทำให้อลอนโซ่ ซึมซับอะไรหลายอย่าง พร้อมกับนำแท็คติกที่หลากหลาย นำมาเก็บเล็กผสมน้อย ก่อนจะถูกกลั่นกรองออกมาเป็นแนวทางการคุมทีมของตัวเอง อลอนโซ่ เป็นคนที่ออกมายืนยันเรื่องนี้ โดยบอกว่า กุนซือหลายคนที่เขาเคยร่วมงานด้วย กลายมาเป็นอิทธิพลที่สำคัญมาก


อลอนโซ่ กล่าวด้วยว่า “ผมได้รับความรู้มากมาย จากทางเป๊ป กวาร์ดิโอล่า โดยเฉพาะในเรื่องความกระตือรือร้นที่ไม่หยุดยั้ง ผมพยายามนำสิ่งเหล่านั้น นำมาผสมรวมกับความเด็ดขาด ในแบบฉบับของจอห์น โตแช็ค และวิธีการวิเคราะห์ของราฟาเอล เบนิเตซ”


นอกเหนือจากความเป็นเลิศด้านการเป็นนักฟุตบอล และการเป็นกุนซือแล้ว หนึ่งสิ่งที่อลอนโซ่ สามารถทำได้ดี นั่นคือการพูดได้หลายภาษา แน่นอนว่า การพูดได้หลายภาษา ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง เพราะมันช่วยทำลายกำแพงด้านการสื่อสารลงไปได้ และช่วยยกระดับทีมในอีกช่องทาง 


นอกจากภาษาสเปน อลอนโซ่ ยังพูดภาษาอังกฤษ และเยอรมัน ได้อย่างคล่องปากอีกด้วย ส่วนสำคัญคือ เขาผ่านการค้าแข้งในลีกสูงสุดของประเทศเหล่านี้ อย่าลืมว่า อดีตนักฟุตบอลชื่อดังหลายคน ที่ผันตัวเองมาเป็นผู้จัดการทีม กลับไปไม่รอดในเส้นทางสายนี้ เนื่องจากอุปสรรคด้านการสื่อสาร


การพูดได้หลายภาษา ช่วยให้การสื่อสาร และการถ่ายทอดปรัชญาลูกหนังไปยังบรรดาลูกทีม กลายเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น สำหรับปรัชญาการคุมทีมของอลอนโซ่ ไม่มีอะไรซับซ้อน ทุกอย่างสะท้อนออกมา เหมือนสมัยที่เล่นฟุตบอลอย่างไม่มีผิดเพี้ยน 

อลอนโซ่ กล่าวว่า “ผมเคยเล่นกองกลางมาก่อน ผมชอบการควบคุมเกม และผมอยากให้ลูกทีมของผมควบคุมเกมเช่นเดียวกัน”


“ปรัชญาของผมคือ ลูกทีมต้องเล่นฟุตบอลที่ดี และที่สำคัญ ทีมต้องกล้าหาญ, เปิดเกมบุก และไม่กลัวที่จะค้นหาแนวทางใหม่ๆ สำหรับผมแล้ว ผมพยายามสร้างทีมด้วยการเล่นฟุตบอลแบบสมัยใหม่ ผมอยากเพิ่มเติมความเข้มข้น ทั้งในเวลาที่มี และไม่มีลูกบอลอยู่กับเท้า” 


“นอกจากนี้ ลูกทีมของผม จำเป็นต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่ง และมีความกระตือรือร้นในสนามอีกด้วย โดยทุกอย่างต้องดำเนินไป ด้วยหัวใจแห่งผู้ชนะ ผมพยายามปลูกฝัง และแนะนำสิ่งเหล่านี้ เพื่อให้ลูกทีมของผมลงไปสู้ ตั้งแต่เริ่มเกม จนสิ้นเสียงนกหวีดหมดเวลา”

ตามธรรมชาติแล้ว อลอนโซ่ เป็นผู้จัดการทีมที่ชื่นชอบระบบการเล่นแบบ 4-3-3 เขาเริ่มใช้ระบบดังกล่าว ตั้งแต่คุมทีมเยาวชนของเรอัล มาดริด กระนั้น เขาเป็นกุนซือที่มีความยืดหยุ่น โดยสามารถปรับเปลี่ยนระบบมาเป็น 4-2-3-1 และระบบหลัง 3 และที่เลเวอร์คูเซ่น - อลอนโซ่ กล้าที่จะใช้เด็กดาวรุ่งเป็นแกนหลัก ส่งผลให้กลายเป็นทีมแห่ง “พลังหนุ่ม”


หากเราสังเกตกัน นักเตะตัวหลักของเลเวอร์คูเซ่น ชุดนี้ แทบไม่มีใครที่อายุเกินหลัก 30 ปีเลย เรียกได้ว่า วัยกำลังสด กำลังห้าว พร้อมบดขยี้คู่แข่ง โดยเฉพาะแกนหลักอย่าง เจเรมี่ ฟริมปง ที่อายุ 22 ปีเท่านั้น  เหนือสิ่งอื่นใด พลพรรค “ห้างขายยา” ภายใต้การคุมทีมของทางอลอนโซ่ ขึ้นชื่อในเรื่องของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน


สถิติบ่งบอกว่า ประตูส่วนมากที่พวกเขาสามารถทำได้ในศึกบุนเดสลีกา เกิดจากจังหวะแบบ “โอเพ่น เพลย์” สะท้อนถึงความเข้าใจเกมเป็นอย่างดี ทุกคนในทีมยังช่วยกันเล่น นักเตะเกือบทั้งทีม มีรายชื่อเป็นคนยิงยิงประตูในลีก สถิติยิงประตูเฉลี่ยๆกันไป ไม่กระจุกอยู่ที่คนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ


อีกหนึ่งเคล็ดลับที่อลอนโซ่ นำมาใช้กับเลเวอร์คูเซ่น นั่นคือการเก็บรักษาความลับจากการฝึกซ้อม ไม่ให้สื่อ หรือบุคคลภายนอกได้รับรู้ กฎเหล็กอย่างหนึ่งของอลอนโซ่ นั่นคือ เขามักไม่ให้สื่อ หรือสาธารณชน เข้ามาชมการฝึกซ้อมแบบเปิด ในช่วง 4 วันก่อนวันแข่งขันจริง สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นการรักษาสมาธิอีกหนึ่งทาง เพื่อให้ลูกทีมจดจ่อกับแมตช์ต่อไปที่จะต้องลงสนาม

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด