ไม่มีอะไรจะสมบูรณ์แบบไปกว่านี้แล้ว ถึงแม้จะมีถึง 3 เกมที่เสียประตูก่อน แต่ด้วยก็กลับมาได้ทุกครั้ง จนยึดตำแหน่งจ่าฝูงนำหน้า อริตอดกาล อย่าง บาร์เซโลน่า อยู่ 2 คะแนน 

อย่างไรก็ตาม อดีตที่ผ่านมา ‘โลส บลังโกส’ เคยออกสตาร์ทกำชัย 5 นัดรวดแบบนี้ และมีถึง 3 ครั้งที่จบด้วยการพลาดแชมป์ วันนี้เรามีย้อนอดีตไปสำรวจสิ่งที่เกิดขึ้นกันครับ

ฤดูกาล 1991/92 

เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของ ราโดเมียร์ อันทิช กุนซือชาวเซอร์เบีย คว้าชัย 5 เกมรวด เหนือ กาดิซ 1-0,เรอัล บายาโดลิด 1-0,แอธ.บิลเบา 4-1,เซบีย่า 3-1 และ สปอร์ติ้ง คิฆอน 4-1 แต่จากนั้นในนัดที่ 6 ก็ถูก บาร์เซโลน่า หยุดความร้อนแรงลงในศึกเอล กลาซีโก้ ที่ทั้งคู่โคจรมาเจอกันในนัดที่ 6 ของฤดูกาลที่ ซานตีอาโก้ เบร์นาเบว 

เกมนั้นลงเอยด้วยผลเสมอ 1-1 โดยที่ มาดริด นำก่อนจาก โรเบิร์ต โปรซิเนสกี้ ก่อนที่ บาร์ซ่า จะตามตีเสมอจากจุดโทษของ โรนัลด์ คูมัน ในนาทีที่ 58 

หลังจบนัดที่ 37 เรอัล มาดริด ที่เปลี่ยนมือจาก อันทิช มาเป็น ลีโอ บีนฮัคเกอร์ กุนซือดัตช์ มีแต้มนำ บาร์เซโลน่า 1 คะแนน แต่นัดสุดท้ายในการไปเยือน เตเนรีเฟ่ ที่ เอสตาดิโอ เอลิโอโดโร่ โรดริเกซ พวกเขากลับพลิกล็อคพ่ายอย่างไม่น่าเชื่อด้วยสกอร์ 2-3 ทั้งๆที่ออกนำไปก่อน 2-0 ตั้งแต่ 28 นาทีแรกจาก จอร์จี้ ฮาจี้ และเฟร์นานโด เอียร์โร่ ขณะที่ บาร์ซ่า ที่คุมโดย โยฮัน ครัฟฟ์ เอาชนะ แอธ.บิลเบา 2-0 ปาดหน้าคว้าแชมป์ไปครองด้วยแต้ม 55-54 คะแนน

ฤดูกาล 2009/10

ด้วยฟอร์มอันสุดยอดของ บาร์ซ่า ในยุคทองกุมบังเหียนโดย เป๊บ กวาร์ดิโอล่า เรอัล มาดริด ของ มานูเอล หลุยส์ เปเยกรินี่ เองใกล้เคียงที่จะสร้างปฏิหารย์คว้าแชมป์ ลา ลีกา มาครองได้เหมือนกัน เมื่อออกสตาร์ทชนะรวด 5 เกม 

โดยไล่จัดการ เดปอร์ตีโบ ลา กอรุนญ่า 3-2,เอสปันญ่อล 3-0,เคเรซ 5-0,บียาร์เรอัล 2-0 และ เตเนรีเฟ่ 3-0 ทว่าในนัดที่ 6 ทีมชุดขาวพลาดท่าพ่าย เซบีย่า 1-2 ที่ รามอน ซานเชซ ปิซฆวน ขณะที่ทัพ ‘อาซูลกราน่า’ ทำสถิติชนะรวด 6 นัด 

การต่อสู้ช่วงชิงแชมป์เป็นไปได้ดุเดือดตลอดทั้งซีซั่น ก่อนจะปิดฉากลงด้วยการที่ บาร์ซ่า คว้าแชมป์ไปครองจากการมีแต้มเหนือ เรอัล มาดริด เพียง 3 คะแนน (99-96)

ฤดูกาล 2022/23

ครั้งสุดท้ายที่ เรอัล มาดริด ชนะรวดใน 5 เกมแรกแล้วพลาดแชมป์ ลา ลีกา เกิดขึ้นในฤดูกาลที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งเอาจริงๆแล้ว พวกเขาชนะ 6 นัดรวดเสียด้วยซ้ำ 

ทีมของ อันเชล็อตติ เปิดหัวด้วยการบุกชนะ อัลเมเรีย 2-1 ที่ พาวเวอร์ฮอร์ส สเตเดี้ยม จากนั้นไล่อัด เซลต้า บีโก้ 4-1,ชนะ เอสปันญ๋อล 3-1,ชนะ เรอัล เบติส 2-1, ชนะ เรอัล มายอร์ก้า 4-1 และบุกชนะ แอต.มาดริด ใน เดร์บี้ มาดริเลนโญ่ 2-1 ก่อนจะสะดุดเสมอ โอซาซูน่า 1-1 ที่ เบร์นาเบว ในนัดที่ 7 ของฤดูกาล 

เอาจริงๆ ฤดูกาลที่ผ่านมา เป็นฤดูกาลที่ มาดริด ออกสตาร์ทได้สุดยอดมากๆ เพราะกว่าที่พวกเขาจะพบกับความปราชัยก็ต้องรอถึงนัดที่ 13 ในเกมแพ้ ราโย บาเยกาโน่ ที่ บาเยกาส 2-3 

แต่อย่างที่รู้กัน บาร์ซ่า มีความสม่ำเสมอมากกว่า สามารถมุ่งสมาธิไปที่ ลา ลีกา ได้มากกว่า ขณะที่ มาดิรด พะวงกับการเล่นเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกที่ไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศ 

สุดท้าย มาดริด โดน บาร์เซโลน่า ที่สม่ำเสมอกว่าค่อยๆทำแต้มฉีกหนีไปเรื่อยๆจนกระทั่งจบนัดที่ 38 แต้มขาดลอยถึง 88-78 คะแนน 

แล้วฤดูกาลนี้ล่ะจะเป็นอย่างไร ?

หลังพลิกชนะ เรอัล โซเซียดาด 2-1 จนทำสถิติชนะรวด 5 นัดได้อีกครั้ง เรอัล มาดริด มีคิวทำศึกเดร์บี้ มาดริเลนโญ่กับ แอตเลติโก ที่ เมโตรโปลีตาโน่ ในวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายนนี้ 

จากนั้นรับการมาเยือนของ ลาส ปัลมาส ในนัดที่ 7 วันที่ 27 กันยายน , วันเสาร์ที่ 30 กันยายน นัดที่ 8 ไปเยือน จีโรน่า ที่ มอนติลิบิ และส่งท้ายก่อนเข้าสู่โปรแกรมทีมชาติ ในนัดที่ 9 ด้วยการเล่นในรังเจอ โอซาซูน่า วันที่ 8 ตุลาคม 

โปรแกรม 4 นัดข้างหน้า ที่หนักจริงๆ เห็นจะมีการเยือน แอต.มาดริด ส่วนที่ต้องลุ้นหน่อยก็คือการเยือน จีโรน่า ซึ่งก็น่าจับตาว่า มาดริด จะยืดสถิติชนะรวดไปได้ไกลแค่ไหน

ผลงานของพวกเขานับจากนี้ จะเป็นตัวบ่งชี้ให้เราเห็นภาพชัดขึ้นมาอีกนิดว่า มาดริด มีสิทธิ์เจออาถรรพ์ชนะรวด 5 นัดเล่นงานเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต 3 ครั้ง หรือจะก้าวข้ามได้สำเร็จด้วยการคว้าแชมป์มาครอบครอง

เจมส์ ลา ลีกา