:::     :::

"ปัญหาใหญ่ คือ Mindset" Marcus Rashford

วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
2,319
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ยังเชื่อว่าสักวันมาร์คัส แรชฟอร์ด จะกลับมาโชว์ฟอร์มที่ดีได้อยู่ ด้วยศักยภาพพื้นฐานที่มีอยู่แล้วในการเป็นตัวจบสกอร์ที่ดี แต่เขาจะดียิ่งขึ้นกว่านี้ถ้าปรับชุด "Mindset" ในการเล่นฟุตบอลให้ดีขึ้น โดยเน้นการเล่นให้เป็นทีมเวิร์คมากกว่าจะไปด้วยตัวเอง และนี่คือคำตอบ

"Mindset" คือชุดของกระบวนการความคิด วิธีการใช้ความคิด รวมถึงทัศนคติและมุมมอง ซึ่งส่งผลออกมาถึงการกระทำ การแสดงออก และการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ การกระทำของมนุษย์ล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับ mindset ที่บุคคลผู้นั้นมีอยู่ในตัว ว่าจะแสดงออกมา ผ่านการตัดสินใจบนชุดความคิดแบบไหน

Mindset ส่งผลต่อกับตัวของคนๆนั้นเอง, ส่งผลต่อคนรอบข้าง ต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการกระทำที่ถูกเลือกออกมา

Mindset ถูกสร้างขึ้นมาจากการผ่านประสบการณ์ของคนผู้นั้น ผ่านระยะเวลา ผ่านอุปนิสัย สิ่งแวดล้อมรอบตัว รวมถึงการศึกษา วัฒนธรรม และสิ่งรอบตัวตั้งแต่เด็กขึ้นมาจนโต หลอมรวมเป็นชุดความคิดที่เกิดขึ้น บนความเชื่อและความเข้าใจที่มี

และที่สำคัญ Mindset เป็นสิ่งที่หล่อหลอมบุคคลนั้นมาเป็นเวลานาน มันจึงเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ค่อนข้างยาก แต่ถ้าใช้เวลาสักหน่อย mindset ก็อาจจะเปลี่ยนได้เหมือนกัน (ข้อนี้เป็นเรื่องจริง มนุษย์เราทุกคนแค่อายุเยอะขึ้น มุมมองก็เปลี่ยน mindset ก็เปลี่ยนไปด้วยได้เหมือนกัน)

เราเกริ่นเรื่องของ Mindset ขึ้นมา เพื่อที่จะพูดถึงปัญหาของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่แฟนบอลกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้ ในมุมของผู้เขียนคิดว่า ปัญหาของแรชชี่ อยู่ที่เรื่อง "Mindset" ของเขา เป็นชุดความคิดในการเล่นฟุตบอลในสนามที่เกิดขึ้นอย่างผิดที่ผิดทาง และกำลังพาให้เขาออกห่างจากการเป็นยอดนักเตะอยู่

ทั้งๆที่ศักยภาพในตัวก็มี แต่หางเสือเรือมันนำทางไปผิดทิศมากไปนิดนึงเท่านั้นเอง

สิ่งที่เราเห็นได้จากการเล่นของมาร์คัส แรชฟอร์ด ก็คือการเล่นฟุตบอลชายเดี่ยวแบบวันแมนโชว์ สามารถพูดได้ว่ามันคือการเล่นแบบ Self-centered ที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางก็ได้ จะบอกว่าเห็นแก่ตัว(Selfish)ก็ได้ หรือจะเป็น Egotism ที่มองความสำคัญของตนเองสูงเกินจริงก็อาจจะได้เช่นกัน

"บอลชายเดี่ยว" ของแรชฟอร์ดที่ว่าคือ เราเห็นชุดความคิดของเขาในตอนเล่นได้เลยว่า "เมื่อได้บอลเมื่อไหร่ กูจะต้องลุยไปด้วยตัวเอง กูจะเอาชนะคู่แข่งด้วยตัวเอง" 

ชุดความคิดของแรชฟอร์ดเป็นแบบนี้ คิดโดยมีตัวตั้งว่า "ด้วยตัวกูเอง" ก่อนเป็นอันดับแรก ดังนั้นวิธีการเล่นของแรชฟอร์ดจึงถูกสะท้อนออกมาด้วยการ "คิดจะลุยเดี่ยวไปด้วยตัวเอง" เสมอ ในทุกๆครั้งที่ได้บอล ยกเว้นว่าได้บอลในแดนต่ำหรือห่างออกมาจากพื้นที่สุดท้ายจริงๆ แบบนั้นถึงจะค่อยมองหาเพื่อนมาก่อน 

แต่ถ้าแกได้บอลในพื้นที่สุดท้าย เขาไปเองทุกที บางครั้งจะเห็นชัดว่ามันเป็นการ "ฝืน" แรชฟอร์ดก็ยังจะไปเองเหมือนเดิม สุดท้ายภาพก็วนเวียนมาอยู่ที่การเสียบอลของเขา หรือลองยิงเองอย่างเดียวล้วนๆ ไม่มีรูปแบบอื่นๆ ถ้ามีก็น้อยมากๆหากไม่ใช่นักเตะที่คุ้นเคยกันดีอย่างมาร์กซิยาล หรือ บรูโน่ แรชฟอร์ดแทบจะไม่เล่นคอมโบร่วมกันกับใครเลย

จุดนี้แหละคือประเด็นหลักของสิ่งที่แฟนบอลไม่ชอบเวลาเขาทำในสิ่งนั้น (กลับกันเกมล่าสุดที่เจอกับบาเยิร์น แรชฟอร์ดดูปล่อยบอลออกง่ายขึ้น ให้บอลมากกว่าเดิม แฟนบอลมองเห็นก็สัมผัสได้ ทำให้เจ้าตัวทำแอสซิสต์ให้ฮอยลุนด์สำเร็จด้วย)

สาเหตุที่ฟอร์มของเขาเป็นแบบนี้ มันเป็นเพราะว่าเขาไม่มีความสามารถใช่หรือไม่? ตอบได้เลยว่า ไม่ใช่

แรชฟอร์ดเป็นนักฟุตบอลที่มีสภาพร่างกายดีมาก มีความแข็งแกร่ง หน่วยก้านดี มีสปีดต้นและความคล่องตัวอยู่ในระดับที่โอเค บางทีเราคิดว่าเขาน่าจะผ่านไปไม่ได้หรอก แต่ก็มักจะหาทางเลี้ยงหลุดเข้าไปได้อยู่บ่อยครั้งเหมือนกันด้วยเทคนิคในระดับสูง อย่างที่แฟนๆเองก็ตกตะลึงอยู่บ่อยๆ

ปัญหาของแรชฟอร์ด ไม่ใช่เรื่องของความสามารถ ไม่ใช่เรื่องเทคนิค ไม่ใช่เรื่องร่างกาย สิ่งเหล่านี้เจ้าตัวมีเพียบพร้อมอยู่ในตนเองครบถ้วน

แต่มันขาดแค่เรื่องของ "วิธีคิดในการเล่นของเขา" ซึ่งก็มาจาก Mindset และทัศนคติ(Attitude)นี่แหละว่า เขาจะไปเองด้วยตัวเองมากเกินไป จนทำให้ความสามารถที่มีอยู่ ไม่ได้ถูกใช้งานอย่างเหมาะสม

แล้วจะทำยังไงให้เหมาะสม เราจะแก้ปัญหาให้แรชฟอร์ดยังไงบ้าง?

อย่างแรกก่อนเลยก็คือ ผู้เขียนคิดว่าต้องปรับที่ Mindset ชุดนี้ของแรชฟอร์ดก่อนเลยว่า เวลาได้บอลให้คิดและตัดสินใจในมุมมองที่กว้าง ดูภาพรวมการเล่นของทีมก่อนเป็นอันดับแรก เพราะยังไงก็ตาม แรชฟอร์ดก็ยังคงเล่นใน role บทบาทของการเป็น Forward ที่ไม่ได้เป็นตัวค้ำในพื้นที่สุดท้ายอย่างเดียว

เขาได้รับบทบาทเป็น Inside Forward ที่ต้องทำเกมเข้าไปจากพื้นที่รอบๆหน้าเขตโทษ ดังนั้นในเมื่อคุณไม่ได้เป็นตัวจบสกอร์เพียงแค่อย่างเดียว คุณจะต้องมีชุดความคิดที่ต้องเน้นการทำเกมเพื่อทีมด้วย

"ความเห็นแก่ตัวในการเล่น" ไม่ใช่สิ่งที่ผิด บางครั้งกองหน้าต้องมีสิ่งนี้อยู่ในตัวเยอะๆ มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหากอยากจะเป็นจอมถล่มประตูที่ดีเพื่อทีม บางทีต้องเห็นแก่ตัวถึงจะยิงได้ แต่หากคุณยังเป็นตัวเล่นที่ต้อง "ทำเกม" ให้ทีม เหมือนที่แรชฟอร์ดยังได้เล่นเป็น Left Winger อย่างทุกวันนี้ในการเป็น Inside Forward คุณก็ควรต้องทำเกมเพื่อทีมด้วย จะเล่นแบบเห็นแก่ตัวข้าไปคนเดียวอย่างนี้ไม่ได้

ความเห็นแก่ตัวถ้าใช้ให้ถูกจุดมันจะ "มีประโยชน์" ในแง่ของความเฉียบคมและดุดันในการจบสกอร์ แต่ถ้าใช้ไม่ถูก มันจะกลายเป็นสิ่งที่กัดกินตัวตนและคุณภาพในการเล่นของนักเตะคนนั้นๆเสียเอง เหมือนที่แรชฟอร์ดน่ากลัวว่าจะกำลังเป็นอยู่ในตอนนี้

ส่วนหนึ่งของบทความนี้ ถึงแม้ว่าผมจะเขียนเพื่อชี้ให้เห็นว่าแรชฟอร์ดมีปัญหาจุดไหน แต่ก็ต้องเขียนตามความเป็นจริงอย่างเหมาะสม ที่ไม่ได้เป็นการ "จ้องจับผิด" แรชฟอร์ด เหมือนอย่างที่ตอนนี้มันเป็นอยู่ในโลกโซเชียล

ผมต้องขอพูดในนามของแฟนบอลส่วนน้อยคนหนึ่ง ที่ไม่ได้โทษว่าทุกอย่างของความพ่ายแพ้ในเกมที่ผ่านมา มันเกิดจากแรชฟอร์ดทั้งหมด เพราะคุณภาพการเล่นของทีม ทั้งในภาคเกมรุกก็ย่ำแย่มาก ซึ่งหลายส่วนมาจากปัญหาของแรชฟอร์ดที่เรากำลังพูดถึงนี้ / เกมรับที่รั่วเพราะขาดสมาธิ ขาดความเข้มข้นในการป้องกันพื้นที่ และสกรีนงานจากแดนกลาง ต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้งทีมที่ปล่อยให้คู่แข่งได้ยิงเน้นๆทุกจังหวะแบบที่ไม่มีตัวป้องกันเลยในนัดแพ้ไบรท์ตัน / เกมการครองบอล build-up ที่ไร้คุณภาพขนาดจ่ายบอลกันเองยังพลาด ถ้าเทียบกับคู่ต่อสู้จะเห็นชัดเลย

ที่เราแพ้ไบรท์ตัน มันเป็นปัญหาการเล่นของทั้งทีมในภาพรวม ไม่ใช่เป็นเพราะ "แรชฟอร์ด" คนเดียวอย่างที่ตอนนี้เขาตกเป็นแพะอยู่

สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือการถูกตั้งธงที่จับจ้องการเล่น บน Bias ของคนดูไปแล้วว่า "ถ้าแรชฟอร์ดเล่นเอง = เห็นแก่ตัว" ไปหมดทุกจังหวะ แต่จริงๆบางจังหวะแฟนบอลก็ไม่สามารถตำหนิเขาได้ถ้าเขาเล่นเอง ถ้าจังหวะมันเปิดมากพอจะให้ยิง จะลองยิงบ้างก็ไม่แปลก บางจังหวะมันเปิดไม่ได้จริงๆเพราะมุมแคบ ฯลฯ

มันไม่ใช่ทุกจังหวะที่แรชฟอร์ดจะเล่นแบบเห็นแก่ตัว บางจังหวะก็ควรให้ความเป็นธรรมกับเขาด้วย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแรชชี่จะทำอะไรก็ผิดในสายตาแฟนบอลไปแล้ว อันนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วงมาก เพราะถ้าเข้าใจการเล่นฟุตบอลในสนามจริงๆจะรู้ว่า บางจังหวะมันต้องตัดสินใจแบบนั้นแหละถูกแล้ว และบางจังหวะแรชฟอร์ดก็ควรจะมองเพื่อนก่อน ควรจะพยายามเล่นเพื่อทีมเวิร์คบ้าง ไม่ใช่กูจะก้มหน้าก้มตาเลี้ยงไถไปแบบง่ายๆอย่างนั้นจนทีมเสียจังหวะ

เพื่อนวิ่งเติมกันแทบตายไม่มองเลย กูจะเล่นคนเดียวให้ได้ แบบนั้นก็ไม่เอา ฟุตบอลไม่มีถ้วยชายเดี่ยว เขามีแต่ "ทีม" เท่านั้น

ทางเดียวที่มาร์คัส แรชฟอร์ด จะแก้ไขเรื่องมุมมองของแฟนบอลที่ตอนนี้รอจับผิดเขาอย่างเดียวแล้ว มีหนทางที่จะแก้ได้คือ คุณต้อง "พิสูจน์ตัวเองในสนาม" ให้แฟนบอลได้เห็นว่า คุณเล่นเพื่อทีมจริงๆ คุณมีทัศนคติในการเล่นที่ดี ในการสร้างทีมเวิร์คร่วมกับเพื่อน ออกบอลเยอะๆ ไปไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ อย่ามั่นใจตัวเองมากเกินไป เพราะสุดท้ายผลที่ออกมามันไม่ดีเอาเสียเลย

ได้บอลปุ๊บ มองในภาพรวม อย่าเอาแต่ก้มหน้าก้มตา "เล่นคนเดียว" เหมือนข้ามาคนเดียวอย่างนั้น นั่นคือปัญหาที่มีมานานมากแล้วและยังแก้ไม่ได้หมดจดสักทีตั้งแต่ยุคมูรินโญ่ลากยาวมาจนถึงตอนนี้ ทั้งในรายของนักเตะเราหลายๆคนที่จะเล่นแต่บอลชายเดี่ยว ไม่ใช่แรชฟอร์ดคนเดียว

ทีมเวิร์คเป็นสิ่งสำคัญมากๆ

ขออ้างอิงไปถึงการ์ตูนในตำนานอย่างสแลมดังค์อีกสักครั้ง หากใครเคยอ่านน่าจะยังจำประเด็นปัญหานี้ได้ ในเคสของ "รุคาว่า" vs ซาวาคิตะ ที่แม้ว่ารุคาว่าจะเก่งในเรื่องการดวลเดี่ยวกับคู่ต่อสู้ แต่มันก็ยังก้าวไปไม่ถึงระดับท็อปสักทีถ้ายังยึดติดแค่นั้น กลับกัน หากคุณเป็นนักกีฬาที่เล่นเป็นทีม มากกว่าจะเน้นลุยเดี่ยวด้วยตัวเอง มันจะทำให้คู่แข่งป้องกันยากขึ้น เพราะคุณมีทางเลือกที่จะสามารถ "จ่ายบอล" โจมตีโดยใช้เพื่อนมาช่วยเล่นได้

คู่แข่งจะต้องหยุดคิดว่า "คุณจะไปเอง" หรือ "คุณจะจ่าย" ซึ่งถ้าคุณไปเองไม่ได้ ก็ยังมีทางเลือกในการจ่ายบอลให้เพื่อนทะลุไปแทนได้ นั่นคือความน่ากลัวของการเล่นทีมเวิร์ค ที่สำคัญมากๆในทุกๆวงการที่เล่นเป็นทีม แม้กระทั่งพวกเกมมัลติเพลเยอร์อย่างพวก MOBA ต่างๆเช่นกัน ทีมเวิร์คสำคัญกว่าสกิลเพลย์เสมอ

เพราะฉะนั้น ทุกอย่างจึงวกกลับมาที่จุดเดิมว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด สามารถเป็นนักเตะที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ได้อีกเยอะ ขอเพียงแค่คุณปรับ Mindset ที่ใช้ในการเล่นเท่านั้นเอง ได้บอลแล้วอย่าก้มหน้าลุยด้วยตัวคนเดียว มองภาพรวมให้ดีๆแล้วตัดสินใจให้ชัดเจนบนความคิดที่มองภาพรวมของทีมเป็นหลัก ไม่งั้นมันก็จะมีแค่มิติเดียวในการเล่นคือ ได้บอลแล้วไปเองอย่างเดียว สภาพมันก็จะเป็นอย่างที่ทุกคนเห็นกัน สุดท้ายแฟนบอลก็จะต้องผิดหวัง เพราะคุณเล่นแบบนี้ไปเรื่อยๆแล้วทีมไม่สามารถสร้างเกมรุกที่ดีได้

ถ้าไปเทียบกับทีมอื่นๆที่เขาก็มีปีกความสามารถสูงเหมือนกัน แต่ปีกเหล่านั้นมีทีมเวิร์คในการทำเกมที่ดี ไม่ใช่จะเอาแต่ยิงเองลุยเองคนเดียว แม้กระทั่งนักเตะที่หลายคนนำมาเทียบกับเคสนี้อย่างบังโม โมซาลาห์กับลิเวอร์พูลในช่วงก่อนหน้านี้ รายนั้นก็ลุยเองเหมือนกันแต่พี่แกทำสกอร์ได้ด้วย 

เราตำหนิตรงนี้เพราะอยากจะให้คนได้เห็นว่า แรชฟอร์ดมีปัญหาที่จุดไหน มันไม่ใช่แค่เรื่องของฟอร์มอย่างเดียว แต่มันคือรากฐานของ "ชุดความคิดในการเล่นฟุตบอล" ของเขา ซึ่งมันคือ Mindset นั่นเอง ถ้าปรับจุดนี้ได้ แรชฟอร์ดจะเก่งกว่าเดิมมากๆ และทีมก็จะได้ประโยชน์ตามไปด้วย เราเชื่อว่าศักยภาพสูงสุดของแรชยังไปได้ไกลกว่านี้อีก ท่ามกลางใครหลายคนที่คิดว่าแรชชี่พัฒนามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว (เพราะผ่านมาหลายปี)

แต่ผมยังเชื่อว่าแกยังไปได้อีก ถ้าปรับ Mindset ที่ติดขัดตรงนี้ให้มันถูกที่ถูกทางมากกว่าเดิม เล่นเพื่อทีมให้เยอะขึ้น ที่สำคัญคือตอนนี้แรชฟอร์ดมีปัญหาในเรื่อง Mentality อีกอย่าง นั่นก็คือการ "กดดันตัวเอง" มากเกินไป

ยิ่งเล่นพลาด เขายิ่งพยายามเอาบอลไปบุกเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อพยายามพิสูจน์ตัวเอง เพื่อพยายามจะทำให้สำเร็จ นั่นมาจากแรงกดดันตัวเองที่เขาพยายามมากเกินไป จนมันกลายเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ดี

แรชฟอร์ดไม่ควรเอาทุกอย่างไปแบกไว้คนเดียวแบบนี้ ไม่ต้องกดดันตัวเอง ทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้ คุณจะไม่ได้เป็นตัวยิงเอง แต่จ่ายบอลให้เพื่อนยิงบ้างมันก็ไม่เสียหายอะไร ขอแค่ทีมชนะก็พอแล้ว เดี๋ยว performance ในภาพรวมมันก็จะยกระดับไปด้วยกันโดยอัตโนมัติเอง ทั้งทีมและรายบุคคล

การกดดันตัวเองตรงนี้ ความพยายามตรงนี้ ก็ถูกรวมอยู่ใน Mindset ที่ต้องปรับแก้ของแรชฟอร์ดเหมือนกัน ไม่อยากให้คิดเยอะ หรือเอาทุกอย่างมากดดันตัวเองมากเกินไปเหมือนที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้

สรุปทั้งหมดทั้งมวลแล้ว บทความนี้แค่อยากจะชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่แท้จริงว่ามันอยู่ตรงจุดไหน และยืนยันว่าเราอยากจะดีเฟนส์ปกป้องให้เขาด้วยในประเด็นสำคัญที่แฟนบอลจำนวนมากตั้งแง่ไปแล้วว่า "ทุกจังหวะที่แรชฟอร์ดเล่นเอง=เห็นแก่ตัว" ซึ่งมันเป็นการอคติและไม่แฟร์กับน้องมากเกินไป

ในความจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้นไปซะทุกจังหวะ เพราะต้องดูด้วยว่าโอกาสนั้น การเล่นฟุตบอลในสนามจริงๆมันจ่ายได้ง่ายๆเหมือนที่แฟนบอลคิดหรือไม่? จังหวะนั้นถ้าโอกาสเปิดขึ้นมาแล้วเขาจะเลือกตัดสินใจเล่นเอง ยิงเอง ก็ถือว่าทำถูกแล้ว

ไม่ว่ายังไงก็ตาม แฟนบอลก็จะต้องอยู่กับกองหน้าเด็กปั้นของเราตอนนี้ต่อไปอีกยาวๆ ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม การที่จะถูกดรอปก็เป็นเรื่องยากสำหรับนักเตะที่มีประสิทธิภาพจะสร้างสกอร์ให้ทีม หลายๆครั้งเขาฟอร์มดรอปมากอย่างเกมเจอไบรท์ตัน แต่ผู้จัดการทีมก็ไม่สามารถถอดออกได้ มันเป็นเพราะเรื่องของ "ความสามารถในการสร้างประตู" ที่ยังไงก็ต้องเก็บเขาไว้ในสนาม ถ้าทีมอยากจะยิงให้ได้ แรชฟอร์ดยังคงสำคัญอยู่ดี

แต่ตอนนี้ทีมเรามีหน้าเป้าที่ฝากฝังได้อย่างราสมุส ฮอยลุนด์ เข้ามาแล้ว มันคือตัวช่วยแบ่งเบาภาระแรชฟอร์ดอย่างแท้จริง เพราะงั้นก็อยากให้เขาลองปรับเปลี่ยนวิธีคิดในการเล่นดู เชื่อว่าอะไรหลายๆอย่างมันจะดีขึ้นกว่านี้แน่นอน

ยังเป็นกำลังใจให้ Marcus Rashford กลับมามีฟอร์มการเล่นที่ดีอยู่ครับ เพราะยังไงนี่ก็คือนักเตะ Manchester United อยู่ดี ถ้าทำได้ ประโยชน์ก็จะตกกับทีมเราแบบเต็มๆ

ใครไม่ให้โอกาสไม่รู้ แต่ส่วนตัวผู้เขียนยังให้โอกาส และ "ภาวนา" ให้เขาแก้ไขชุดความคิดในการเล่นให้ได้ อย่างที่เกริ่นเอาไว้ตอนต้นบทความแล้วว่า Mindset เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยากมากๆ แต่ก็ยังพอจะเปลี่ยนแปลงได้ แค่ต้องใช้เวลาสักหน่อย เพราะแรชฟอร์ดมันเล่นแบบนี้มาตลอดชีวิต

อยากให้น้องมันเปลี่ยนให้ได้ เพราะถ้าเปลี่ยนไม่ได้ แรชฟอร์ดจะไปไม่ได้ไกลกว่าจุดนี้อีกแล้ว ซึ่งเราไม่อยากให้มันเกิดขึ้น มองย้อนไปที่เรื่องของรุคาว่าอีกครั้ง ที่ตลอดทั้งเรื่องดำเนินมาให้เห็นว่าเขาเป็นผู้เล่นสายISOที่มาคนเดียว แบกคนเดียว แต่เมื่อเจอกำแพงที่ยิ่งใหญ่กว่า และเกมสุดท้ายที่ดวลกับเบอร์หนึ่งมอปลายตัวจริงอย่างซาวาคิตะแล้วไม่ชนะ เขาก็เปิดใจ ลดอีโก้ตัวเองลง ทำลายสิ่งที่เรียกว่า "Rukawa Syndrome" ทิ้ง และเลือกที่จะออกบอลให้มากขึ้น มันทำให้รุคาว่าขึ้นไปไกลยิ่งกว่าเดิมจากในตอนนั้นที่คิดว่าเก่งแล้วซะอีก

แรชฟอร์ดก็ไม่ต่างอะไรกับรุคาว่า แก้ Mindset ให้ได้ แล้วทุกอย่างจะดีเอง

#BELIEVE 

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด