ผู้ปลุกพลัง "พยัคฆ์ล้านนา"
ถ้ามองในภาพรวม หลายคนอาจยกนิ้วโป้งให้กับฟอร์มการเล่นของบรรดานักเตะซูเปอร์สตาร์ ทั้ง ชาริล ชัปปุยส์ กองกลางขวัญใจสาวๆ ที่กลับมาสนุกกับการเล่นฟุตบอลอีกครั้งและช่วยยกระดับทีมได้เยอะ หรือจะเป็น ยู บยอง-ซู ดาวซัลโวประจำทีมที่ส่งบอลเข้าไปกระทบตาข่ายได้แทบทุกนัด
เอาจริงๆ มันก็อาจจะมีเหตุผลอยู่บ้างในเรื่องนี้ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้าพูดกันตามตรงแล้ว เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนที่เข้ามาปลุกพลัง "พยัคฆ์ล้านนา" ตัวจริง น่าจะเป็นชายที่มีชื่อว่า ยศเมธา จันทรวิโรจน์ หรือ "ประธานแซน" มากกว่า
เพราะเหตุใด หลานชายแท้ๆ ของ "พ่อเลี้ยงอี๊ด" คนนี้ ถึงควรได้รับเครดิตดังกล่าว เรามาลองไล่เรียงดูเหตุผลหรือสิ่งที่เขาทำให้กับสโมสรกัน
สืบทอดเจตนารมณ์ของ "พ่อเลี้ยงอี๊ด" ผู้ล่วงลับ
อย่างที่ได้เกริ่นไปนั่นแหละ ยศเมธา จันทรวิโรจน์ คือหลานแท้ๆ ของ "พ่อเลี้ยงอี๊ด" อุดรพันธ์ จันทรวิโรจน์ อดีตประธานสโมสรเชียงใหม่ เอฟซี ผู้ล่วงลับ แน่นอนว่าในวัยเด็ก เขาก็เคยมีช่วงเวลาที่ได้ติดสอยห้อยตามคุณตาไปดู "พยัคฆ์ล้านนา" ลงแข่งในทุกแมทช์การแข่งขันทั้งเกมเหย้าและเยือน จึงไม่ต้องบอกว่าเจ้าตัวจะมีความรักและผูกพันกับทีมนี้แค่ไหน และนี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมเขาจึงเอาใจใส่สโมสรแห่งนี้มากเหลือเกิน
ลบภาพลักษณ์เก่าๆ ออก
"ประธานแซน" เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรเมื่อช่วงฤดูกาล 2022-2023 ที่ผ่านมา เรื่องแรกที่เขาเริ่มทำเป็นอันดับต้นๆ คือตัวผู้เล่นของสโมสร ซึ่งในส่วนนี้ ยศเมธามีส่วนร่วมในการตัดสินใจทั้งหมด เราจึงได้เห็นการส่งนักเตะส่วนใหญ่กลับไปต้นสังกัดที่แท้จริงอย่างบีจี ปทุม ยูไนเต็ด และเลือกเก็บเฉพาะผู้เล่นที่ใช้งานได้จริงๆ เอาไว้เท่านั้น และนี่ก็ถือเป็นการลบภาพลักษณ์เก่าๆ ของเชียงใหม่ เอฟซี ที่เคยถูกแฟนบอลมองว่าเป็นทีมที่เอาไว้ให้บรรดาแข้งดาวรุ่งของบีจีฯ มาชุบตัวออกไปได้อย่างหมดจดทีเดียว
มีกำลังที่พร้อมจะทุ่ม
นอกจากจะเทคโอเวอร์สโมสรแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือการอัดฉีดเม็ดเงินมหาศาลให้กับทีม คุณคิดว่ายู พยอง-ซู มีค่าเหนื่อยต่อเดือนเท่าไหร่ แล้วถ้าเป็นชาริล ชัปปุยส์ หรือสเตนิโอ้ จูเนียร์ ล่ะ ? ทั้งหมดที่ว่ามา เราเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเงินเดือนของแต่ละคนอยู่ที่กี่บาทต่อเดือน แต่ที่แน่ๆ มันคงไม่ถูกอย่างแน่นอน เพราะทั้ง 3 คน ยังสามารถเล่นลีกสูงสุดได้แบบสบายๆ แต่ "ประธานแซน" ก็ไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด เพราะนอกจากจะสามารถเซ็นสัญญามาร่วมทีมได้ทั้งหมดแล้ว ทุกคนยังเป็นการเซ็นขาดถาวรมาจากทีมเก่าอีกด้วย เข้าตำราที่ว่า "เงินไม่ใช่ปัญหา ถ้าดีจริงก็พร้อมทุ่มไม่อั้น" ซึ่งนอกจากนักเตะทั้ง 3 รายนี้ ก็ยังมีผู้เล่นชื่อดังอย่างเสกสิทธิ์ ศรีใส และจักรพันธ์ พรใส เข้ามาร่วมทีมด้วยเช่นกัน
แพชชั่นและเป้าหมายที่ชัดเจน
ช่วงหนึ่งของบทสัมภาษณ์ในการเข้ามารับตำแหน่งประธานสโมสร เขาบอกถึงเป้าหมายที่ชัดเจนว่าในฤดูกาลนี้ (2023-24) ขอจบอันดับที่โซนเพลย์ออฟเป็นอย่างน้อย แต่ระยะยาวนั้น ทีมจะต้องเลื่อนชั้นกลับลีกสูงสุดให้ได้ภายใน 3 ปีเท่านั้น ในส่วนของเรื่องสนามเหย้า ก็มีความคิดที่จะสร้างสนามเป็นของตัวเองเพื่อให้แฟนบอลได้มามีความสุขด้วยกัน แน่นอนว่าเพียงเท่านี้ ก็น่าจะทำให้แฟนบอล เชียงใหม่ เอฟซี ใจชื้นกันเป็นแถบ
นี่เป็นบางส่วนเท่านั้น ที่เราหยิบยกมาเล่าให้ฟัง ยังไม่นับรวมเรื่องของการเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ เช่น การมอบเค้กวันเกิดให้กับนักฟุตบอลในทีมทุกคน ที่เขานั้นจะเป็นผู้นำมามอบให้เองที่สนามซ้อม ซึ่งพอเห็นแบบนี้แล้วก็น่าจะคลายสงสัยได้บ้าง ว่าทำไม "ประธานแซน" จึงควรได้รับเครดิตไปเต็มๆ
แม้จะเป็นช่วงเริ่มต้น และยังเหลือการแข่งขันอีกหลายเกม แต่ก็อย่างที่บอกว่าในปัจจุบัน เชียงใหม่ เอฟซี กำลังอยู่ในฟอร์มการเล่นที่ดีมากๆ และว่ามีโอกาสลุ้นเลื่อนชั้นแบบอัตโนมัติเต็มๆ
ซึ่งถ้าสุดท้ายแล้ว พวกเขาสามารถทำได้สำเร็จ นอกจากจะเป็นการกลับคืนสู่ลีกสูงสุดในรอบ 4 ฤดูกาลแล้ว ก็เชื่อว่าชื่อของ ยศเมธา จันทรวิโรจน์ ก็น่าจะได้รับการจดจำเพิ่มมากขึ้นอีกเช่นกันในอีกหนึ่งบทบาทนอกเหนือจากตำแหน่งประธานสโมสร...
ผู้ปลุกพลัง "พยัคฆ์ล้านนา" นั่นคือคำนิยามถึงเขาจริงๆ