ความหวังบุฟฟ่อน
เรอัล มาดริด เป็นเจ้าของแชมป์ยุโรป 2 ปีหลังสุดและเป็นเจ้าของแชมป์รายการนี้สูงสุด 12 สมัย
แต่ไม่มีทีมใดอยู่ยงคงกระพัน นั่นคือคำพูดของ จานลุยจิ บุฟฟ่อน นายทวารทีมชาติอิตาลีกัปตันทีมยูเวนตุสที่กล่าวถึงคู่แข่งสำคัญ
ยูเวนตุส กำลังจะลงดวลกับ เรอัล มาดริด บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 8 ทีม นัดแรกบนสังเวียน'อัลลีอันซ์ สเตเดี้ยม'คืนวันอังคารนี้
มันเป็นการรีแมตช์นัดชิงชนะเลิศปีก่อน ซึ่งทีมชุดขาวขย่มทัพม้าลายขาดลอย 4-1 คว้าแชมป์สมัยที่ 3 ในช่วง 4 ปีหลังสุด
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากผลงานในการเล่นรอบน็อคเอาท์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาระหว่างสองทีมนี้ ยูเวนตุส จะมีสถิติข่ม เรอัล มาดริด ชัดเจน
ทั้งสองสโมสรดวลกันบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 8 ทีม ฤดูกาล 1995-1996 ยูเวนตุส พลิกกลับมาเป็นฝ่ายกำชัยด้วยสกอร์รวม 2-1
เกมแรกบนสังเวียน'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว'จบลงด้วยชัยชนะของทีมชุดขาวจากการทำประตูโทนตั้งแต่นาที 20 ของ ราอูล กอนซาเลซ แต่เมื่อกลับมาเล่นกันที่ตูริน ยูเวนตุส แก้มือเอาชนะทีมเยือนด้วยสกอร์ 2-0 จากการทำประตูของ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ กับ มิเคเล่ ปาโดวาโน่
ถัดมาเป็นการพบกันในรอบรองชนะเลิศฤดูกาล 2002-2003 เรอัล มาดริด เปิดบ้านทุบทีมเยือน 2-1 จากการทำสองประตูของ โรนัลโด้ กับ โรแบร์โต้ การ์ลอส แต่ทีมม้าลายตีไข่แตกได้จาก ดาวิด เทรเซเก้ต์ ก่อนที่ ยูเวนตุส จะเปิดสังเวียน'เดลเล่ อัลปิ'เอาคืน 3-1 จากการทำประตูของ ดาวิด เทรเซเก้ต์, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ กับ พาเวล เนดเวด ทีมเยือนได้ประตูตีไข่แตกในช่วงท้ายเกมจาก ซีเนดีน ซีดาน ก่อนทีมชุดขาวตกรอบด้วยสกอร์รวม 3-4
ทั้งสองทีมโคจรมาเผชิญหน้ากันอีกครั้งในรอบ 16 ทีมของฤดูกาล 2004-2005 ยูเวนตุส ยังย้ำแค้นด้วยสกอร์รวม 2-1
เรอัล มาดริด เบียดคว้าชัยจากเกมแรกที่'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว'จากการทำประตูโทนของ อีบัน เอลเกร่า แต่ ยูเวนตุส ยิงคืนสองลูกรวดที่'เดลเล่ อัลปิ'จาก ดาวิด เทรเซเก้ต์ ก่อน มาร์เซโล่ ซาลาเยต้า จะทำประตูสำคัญในช่วงต่อเวลาพิเศษนำทีมดังอิตาเลียนพลิกแย่งคว้าตั๋วเข้าสู่รอบต่อไป
ล่าสุดเกิดขึ้นในรอบรองชนะเลิศฤดูกาล 2014-2015 ครั้งนี้ ยูเวนตุส ลงเล่นในรังก่อนเบียดคว้าชัย 2-1 อัลบาโร่ โมราต้า กระทุ้งประตูให้ทีมม้าลายขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกม แม้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะทำประตูตีเสมอในช่วงกลางครึ่งแรก แต่ การ์ลอส เตเวซ สังหารจุดโทษในช่วงต้นครึ่งหลังให้ยูเว่กำชัยชนะ
เรอัล มาดริด เกือบจะคว้าตั๋วเข้ารอบชิงชนะเลิศด้วยกฎประตูทีมเยือนหลัง โรนัลโด้ ยิงจุดโทษให้ทีมชุดขาวขึ้นนำช่วงนาที 23 แต่เด็กเก่าอย่าง โมราต้า ดับฝันสาวกมาดริดิสต้าจากการทำประตูตีเสมอในช่วงต้นครึ่งหลังช่วยทีมเยือนทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 3-2
นั่นคือผลงานเชิดหน้าชูตาที่ทำให้ ยูเวนตุส มีความหวังที่จะล้มทีมเขี้ยวลากดินอย่าง เรอัล มาดริด เพื่อคว้าตั๋วเข้าสู่รอบตัดเชือกของศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก
จานลุยจิ บุฟฟ่อน นายทวารกัปตันทีมม้าลายประสบความสำเร็จมาอย่างยิ่งใหญ่ในอาชีพค้าแข้ง คว้ามาแล้วเกือบทุกรายการยกเว้นแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก หลังเคยนำต้นสังกัดเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ 3 ครั้ง (2003, 2015 กับ 2017) แต่อกหักรับบทพระรองทั้งหมด
นายทวารวัย 40 ปีมองว่า ยูเวนตุส เป็นหนึ่งในยอดทีมและมีโอกาสดีที่จะฝ่าด่านชุดขาวเพื่อย่างเท้าก้าวเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเช่นเดียวกัน
'ไม่มีทีมไหนที่อยู่ยงคงกระพัน'บุฟฟ่อนกล่าวถึงมาร์ก้า 'พวกเขาเป็นทีมที่ยากมากต่อการเอาชนะ เรอัล มาดริด อาจดูเหนือกว่า แต่บอลรอบน็อคเอาท์มัน 50-50 พวกเรามีความทะเยอทะยาน นี่เป็นทั้งประวัติศาสตร์และปัจจุบัน แต่ ยูเว่ เป็นทีมที่ยอดเยี่ยมซึ่งรู้วิธีที่จะคว้าแชมป์'
บุฟฟ่อน จะต้องเผชิญหน้ากับคู่ปรับตัวเอ้อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งเคยกระทุ้ง 2 ประตูในนัดชิงชนะเลิศปีก่อนและซุปตาร์ชาวโปรตุกีสยังซัดทีมม้าลายรวมกันถึง 7 ประตูใน 5 เกมหลังด้วย ซึ่งนายทวารชาวอิตาเลียนยอมรับว่าโรนัลโด้เป็นนักฆ่าหน้าปากประตูอย่างแท้จริงจากผลงานที่พิสูจน์ให้เห็นตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา
'ผมมีความชื่นชมอย่างสูงต่อโรนัลโด้ เขาเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองเสมอ ผมชื่นชมเขาซึ่งเป็นคนที่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่และในช่วงหลายปีหลัง เขาได้แสดงให้เห็นถึงความฉลาดของเขา เขาเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นและใช้พลังงานน้อยลงกว่าเดิม หน้ากรอบประตูเขาจึงเป็นนักฆ่าอย่างแท้จริง มีกองหน้าเพียงคนเดียวก่อนหน้านี้ที่มีจังหวะจบสกอร์แน่นอนคือ เทรเซเก้ต์'
ยูเวนตุส จะเปิด'อัลลีอันซ์ สเตเดี้ยม'รับมือ เรอัล มาดริด คืนวันอังคารนี้ แต่ช่วงเวลา 90 นาทีที่ตูรินยังไม่สามารถตัดสินว่าฝ่ายใดจะผ่านเข้ารอบ มันยังเหลือเกมชี้ขาดบนสังเวียน'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว'ในวันพุธที่ 11 เมษายนนี้
'ผมคิดว่ามันเป็นความท้าทายหลายอย่าง, หลายเกม บางอย่างอาจจะดีสำหรับเรา แม้ว่าเราจะไม่ได้ถูกมองว่าเหนือกว่าก็ตาม'
'แน่นอน มันมีบางเรื่องที่ไม่เป็นใจกับเราเหมือนแมตช์ชิงชนะเลิศที่คาร์ดิฟฟ์ เราทราบดีว่ามาดริดเป็นทีมดีที่สุดในโลก คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก 2 ปีหลังสุด ซึ่งไม่มีทีมใดทำได้ แต่ความหวังของพวกเรายังดำเนินต่อไปจนกว่าจะถึงนาทีสุดท้ายในเกมที่สอง'
'เมื่อ 300 วันก่อนหน้านี้ผมอายุ 39 และตอนนี้ผมอายุ 40 แล้ว ดังนั้นความรู้สึกทางจิตใจ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่'บุฟฟ่อนเปิดอก
'พวกเราไปคาร์ดิฟฟ์ด้วยความมั่นใจ บางทีมันอาจจะมั่นใจมากเกินไปและนั่นอาจจะเป็นความผิดพลาดเรื่องแรกและมันเป็นความผิดพลาดที่สำคัญที่สุดที่เราทำในนัดชิงชนะเลิศครั้งนั้น'
'แต่ผมไม่เคยตำหนิตัวเอง ทีมที่แข็งแกร่งกว่าในสนามสมควรเป็นผู้ชนะ ผมหวังว่ายูเวนตุสจะค้นหาอาวุธเพื่อสร้างความสมดุลได้มากขึ้นในการดวลกันรอบนี้'บุฟฟ่อนกล่าว
แต่ความหวังของนายทวารวัย 40 กะรัตจะกลายเป็นความจริงหรือไม่ขึ้นอยู่กับผลงานในสนามทั้งสองเกมที่ตูรินและมาดริด