:::     :::

เจาะ 4 ข้อหลัก หลอมรวมหัวใจ "สวาทแคท"

วันพุธที่ 11 ตุลาคม 2566 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
381
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ผลงานของ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ผ่านมาของแรกถือว่าทำได้เกินคาดทีเดียว โดยเฉพาะการเกาะอยู่ในกลุ่มลุ้นเลื่อนชั้นแบบอัตโนมัติ ซึ่งทำได้ยอดเยี่ยมกับ 8 นัด ที่เก็บไปได้ถึง 17 คะแนน ด้วยผลงาน ชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 1

สถานการณ์ตอนนี้แม้ว่าพวกเขาจะเป็นรองจ่าฝูง แต่มีแต้มเท่ากับ เชียงใหม่ เอฟซี ซึ่งสัปดาห์ล่าสุดสะดุดเกมแรกของฤดูกาลไปแล้ว ด้วยการเปิดบ้านปราชัยให้กับ นครศรี ยูไนเต็ด ไป 2-3 ทำให้ช่องว่างตั้งแต่อันดับ 1 มาถึงกลางตาราง ห่างกันไม่มากเท่าไรนัก

อย่างไรก็ตามมีประเด็นน่าสนใจกับผลงานของ “สวาทแคท” ที่ทำออกมาได้ดีขนาดนี้ หากลองวิเคราะห์สาเหตุ น่าจะได้ประมาณ 4 ข้อใหญ่ๆ วันนี้จะพาไปหาคำตอบกับสิ่งที่หลอมให้สโมสรแห่งนี้ มีลุ้นในการกลับมาสู่ลีกสูงสุดเมืองไทย 


3 หัวเรือใหญ่กลับมา 

ปัจจัยหลักๆที่ทำให้ทีมเดินหน้ามาถึงขนาดนี้ได้ คุณเทวัญ ลิปตพัลลภ กลับมานั่งแท่นรองที่ปรึกษาของสโมสรอีกครั้ง เหมือนเป็นการชุบชีวิตใหม่ให้กับทีมแห่งนี้อย่างแท้จริง ผนวกกับการได้ “บิ๊กโต” วัชรพล โตมรศักดิ์ คัมแบ็คในตำแหน่งประธานสโมสร กับประธานฝ่ายเทคนิค

ซึ่ง "บิ๊กโต" คือคนที่ปลุกปั้นทีมในฐานะอดีตผู้จัดการทีมชุดแชมป์ดิวิชั่น 1 โดยเป็นคนที่รวมสปิริตของทีมเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ตลอดจนการได้ “โค้ชโจ” ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น กลับมาคุมทีมอีกครั้งตั้งแต่ฤดูกาลก่อน แม้ว่าจะตกชั้นแต่เขาก็ตั้งเป้าหมายเอาไว้อย่างชัดเจน

ที่จะต้องพา นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เลื่อนชั้นกลับมาลุยในลีกสูงสุดให้ได้ เพราะมีความผูกพัน เกือบ 3 ปีที่ทำงานกับโคราช แถมเคยมีประสบการณ์ในการพาทีมคว้าตั๋วไปลุยไทยลีก 1 มาแล้ว สมัยที่คุม พีทีที ระยอง ถึงขั้นได้แชมป์ลีกรองในฤดูกาล 2018 อีกด้วย


ได้แนวรุกที่ “โค้ชโจ” ต้องการ

"สวาทแคท"ในฤดูกาลนี้เหลือแข้งชุดเก่าแค่ 3 คนมี กัปตันทีม ณัฐพงษ์ สายริยา, ธนชัย หนูราช ผู้รักษาประตูและ วราดร อุ่นอาจ แนวรับที่กลับจากยืมตัว จากนั้นก็มีการเปิดคัดตัว จนกระทั่งได้คนไทยที่ต้องการทั้งหมด ตามพื้นฐานของเงินเดือนที่อาจจะไม่ได้สูงมากเหมือนตอนเล่นลีกสูงสุด

ก่อนที่เขาจะได้ 3 เกมรุกต่างชาติเข้ามาสู่ทีม เริ่มจาก เดย์วิสัน แฟร์นานเดซ ริมเส้นแซมบ้าวัย 31 ปี ที่มีประสบการณ์ในเมืองไทยกับ สงขลา เอฟซี, คัสตอม ยูไนเต็ด, หนองบัว พิชญ เอฟซี, ลำปาง เอฟซี และ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ก่อนจะได้ เกร็ก ฮูล่า ปีกขวาความเร็วสูงมาเพิ่มประสิทธิภาพแนวรุก

ตลอดจนได้ เมลวิน ลอเรนเซน ที่มีดีกรีเคยเล่นในบุนเดสลีกา กับ แวร์เดอร์ เบรเมน มาเล่นเป็นหัวหอกตัวเป้า ทำให้มีประสิทธิภาพในการทำสกอร์ใส่คู่แข่งที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิม ตอบโจทย์ความน่ากลัวในแนวรุกให้กับ "โค้ชโจ" กุนซือใหญ่ของทีมได้ดีทีเดียว


ทีมสปิริตคือสิ่งสำคัญ

อย่างที่เกริ่นไปช่วงต้นแล้วว่า นครราชสีมา ในฤดูกาลนี้ โครงสร้างของทีมอาจจะมีการปรับเรื่องฐานเงินเดือนที่ลดลงมามากกว่าตอนที่พวกเขาอยู่ในลีกสูงสุด ทำให้งานหลักของ "โค้ชโจ" คือ การสร้างสปิริตทีมขึ้นมาเป็นอย่างแรก

เขาค่อยๆ ปรับจูนระหว่างนักเตะที่เคยผ่านการเล่นไทยลีก 1-2 รวมทั้งดาวรุ่งที่เพิ่งขึ้นมา ตลอดจนนักเตะต่างชาติและเอเชียเข้าหากัน จนตอนนี้กลายเป็นทีมที่สู้ด้วยกันอย่างมี “ทีมเวิร์ค” สูงมากๆ ประกอบกับแพชชั่นในอารมณ์ของ “โค้ชโจ” ที่มีให้กับทีมอยู่ในทุกๆเกม

ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ใดใด สิ่งที่เทรนเนอร์ของ “สวาทแคท” ทำ คือการปลุกเร้าให้ทีมเดินหน้าลุยลูกเดียว ยิ่งเวลาทีมชนะหรือทำสกอร์ได้ เขาก็จะเป็นคนแรกที่กระโดดแล้ววิ่งเข้าไปหานักเตะทุกคนเพื่อร่วมฉลอง ซึ่งถือเป็นการสร้างสปิริตทีมที่ยอดเยี่ยมมากๆ


แฟนบอลหนุนหลัง

ย้อนกลับไปในไทยลีก2015 เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ในเกมที่ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เปิดบ้านรับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด  พวกเขาสร้างสถิติใหม่เกิดขึ้นในการเป็น "ดาร์บี้แมตช์อีสานใต้" โดยวันนั้นมีแฟนบอลแน่นเต็มสนามเป็นจำนวนถึง 34,649 คน ในสนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.นครราชสีมา

ด้วยสถิติดังกล่าวที่อยู่ยงคงกระพันมายาวนาน ทำให้เชื่อได้เลยว่าศรัทธาของแฟนบอลชาวโคราช ยังไม่จางหายไปไหนอย่างแน่นอน และในหลายๆ เกมที่ผ่านมา ยอดผู้ชมอาจจะยังน้อยอยู่ แต่มั่นใจเถอะว่าสาวกของทีมจะสนับสนุนสโมสรให้เดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง

ด้วยโปรเจกต์ของทีมที่วางเอาไว้ก่อนเปิดฤดูกาล นั่นก็คือ “START UP" กลับมาสู้ ก้าวสู่ไทยลีก เชื่อว่าแฟนบอลของ นครราชสีมา ไม่มีทางทิ้งทีมแน่นอน แม้ว่าจะลงมาผจญภัยในลีกพระรอง แต่จะจับมือกับสโมสร ในการคัมแบ็คไปเล่นลีกสูงสุดให้ได้อีกครั้ง


มั่นใจได้ว่าด้วยการบริหารอย่างมืออาชีพของ คุณเทวัญ ลิปตพัลลภ รองที่ปรึกษาของสโมสรกับ “บิ๊กโต” วัชรพล โตมรศักดิ์ ประธานสโมสร, ประธานฝ่ายเทคนิค ช่วยให้ยกระดับทีมได้แน่ รวมทั้งประสบการณ์ “โค้ชโจ” ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น ในการทำทีมลีกรองมาก่อนหน้านี้ จะต่อกรกับทุกทีมได้ จนมีโอกาสที่จะเลื่อนชั้นกลับมาไทยลีก 1 อีกหนได้ไม่ยาก


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})