ตลอด 75 นาทีแรก อาร์เซน่อล แทบไม่มีสร้างกดดันให้กับ เชลซี ได้เลย และไม่มีโอกาสยิงเข้ากรอบแม้แต่ครั้งเดียว ความพ่ายแพ้ในลีกนัดแรกกำลังเกิดขึ้น 

แต่แล้วเมื่อโอกาสมาถึง เดแคลน ไรซ์ ก็จุดประกายให้ทีมได้สำเร็จก่อนที่ เลอันโดร ทรอสซาร์ จะทำประตูตีเสมอแบ่งแต้มกลับออกไปหวุดหวิด

ในการกลับมาลงเล่นหลังพ้นโปรแกรมทีมชาติ มิเกล อาร์เตต้า มีข่าวดีได้ บูคาโย่ ซาก้า ที่พลาดเกมชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะบาดเจ็บ ฟิตกลับมาลงตัวจริงอีกครั้ง เช่นเดียวกับ วิลเลี่ยม ซาลีบา ที่ถอนตัวจากทีมชาติฝรั่งเศส

อาร์เซน่อล มีสถิติดีมากในการบุกเยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์ ในช่วงหลังที่ควักชัยชนะกลับออกมาได้ 3 ฤดูกาลติด และลุ้นเป็นทีมแรกทำได้ 4 ฤดูกาลติด

อาร์เตต้า มีทีมที่สมบูรณ์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์หากไม่นับตัวเจ็บยาวอย่าง ยูร์เรียน ทิมเบอร์ แต่การเล่นกลับไม่ได้เหนือกว่า เชลซี ของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ 

เชลซี วางแผนการเล่นมาค่อนข้างดี พอชใช้แท็กติกรับแน่นปล่อยให้ อาร์เซน่อล ครองบอล ก่อนรอจังหวะตัดเกมและโต้กลับทันที 

ทัพสิงห์บูลส์เล่นให้น้อยจังหวะในการเปลี่ยนจากรับเป็นรุก และพยายามจบให้ได้เมื่อถึงพื้นที่สุดท้าย

สิ่งที่ เชลซี ต้องการคือประตูนำเร็วเพื่อให้สถานการณ์เข้าทางตัวเองมากยิ่งขึ้น และก็ทำได้ตั้งแต่ 15 นาทีแรกจากจุดโทษ

ราย่า เสียท่า มูดริค

แม้ วิลเลี่ยม ซาลีบา ไม่ได้จงใจทำแฮนด์บอล แต่ก็รอดตัวจากการเสียจุดโทษได้ยากกับลักษณะมือกางออกซึ่งไปขวางทิศทางลูกโหม่งของ มิไคโล มูดริค  

พอได้ประตูนำเร็ว การเล่นของ เชลซี ยิ่งเพิ่มความรัดกุม แบ็กสองข้างทั้ง มาโล กุสโต้ ที่พ้นโทษแบนกลับมา และ มาร์ค กูกูเรย่า ที่ได้กลับมาเล่นแบ็กซ้ายอีกครั้ง สามารถรับมือกับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และ บูคาโย่ ซาก้า ได้ดีทีเดียว

หากเกมริมเส้นของ อาร์เซน่อล เล่นไม่ได้ เกมรุกก็ลดความอันตรายลงไปเยอะเพราะเป็นอาวุธหลักในการโจมตีคู่แข่งมาโดยตลอด 

ส่วนการเจาะตรงกลางแทบหายไปเลยเนื่องจาก มาร์ติน โอเดการ์ด เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน มอยเซส ไกเซโด้ และ คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ สลับกันคอยรบกวนการเล่นโดยตลอดทำให้กัปตันปืนโตปั้นเกมลำบาก

อาร์เตต้า เลือกยึดแดนกลางชุดเดิมจากเกมโค่นเรือใบที่มี จอร์จินโญ่ กลับมาเยือนถิ่นเก่าเพื่อช่วย เดแคลน ไรซ์ เก็บบอลตรงกลาง 

แดนกลางปืนใหญ่ครองบอลได้ แต่สร้างโอกาสลุ้นประตูไม่มากนักเพราะทัพสิงห์บูลส์ยืนตำแหน่งกันแน่น และเล่นกันอย่างอดทน

โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ขยับเข้ามาเล่นอินเวิร์ทอีกราย แต่การออกทะลุช่องที่เป็นทีเด็ดก็ทำได้เพียงไม่กี่ครั้ง แถมได้ใบเหลืองตั้งแต่ 11 นาทีแรกยิ่งทำให้เล่นลำบาก 

 ไรซ์ เก็บตกความผิดพลาดของ  ซานเชซ

ช่วงก่อนเบรกทีมชาติ เชลซี เริ่มทำได้ดีขึ้นด้วยชัยชนะ 3 นัดติดจากทุกรายการ และตัวหลักหลายคนทยอยหายเจ็บกลับมาซึ่งหนึ่งในนั้นคือ รีซ เจมส์ กัปตันทีมที่มีชื่อเป็นสำรองอีกครั้ง 

เชลซี ประคองตัวจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นำและมีโอกาสลุ้นยิง 7 ครั้ง ทั้งที่ครองบอลเพียง 38 เปอร์เซ็นต์ ส่วน อาร์เซน่อล ได้ยิงเพียง 2 ครั้ง

ในครึ่งหลังที่ได้พักเบรกคือช่วงเวลาที่ อาร์เซน่อล ได้แก้เกม แต่แล้วเมื่อรีสตาร์ทกลับมาแค่ 3 นาทีก็เป็น เชลซี บวกลูกสองได้กับประตูโชคช่วยของ มูดริค ที่เหมือนเปิดเข้ากลางมากกว่ายิง แต่กลายเป็นบอลลอยข้ามหัว ดาบิด ราย่า ก่อนมุดใต้คานเข้าประตู

มูดริค ตั้งใจหรือไม่ไม่สำคัญเท่ากับว่าการยืนตำแหน่งของ ราย่า ไม่ดีเลย พื้นที่ด้านหลังเหลือมากเกินไป และสุดท้ายก็เสียท่าอย่างที่ไม่ควรเกิดขึ้น

จังหวะพลาดจนเสียประตูลูกนี้ รวมถึงอีก 2-3 จังหวะที่ออกบอลไม่ดีจนหวุดหวิดเสียเพิ่มทำให้ตำแหน่งมือหนึ่งของ อาร์เซน่อล มีเครื่องหมายคำถามดังๆ เกิดขึ้น 

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ อารอน แรมส์เดล จะกลับมาทวงตำแหน่งของตัวเองอีกครั้ง 

2 ประตูที่เสียจากความผิดพลาดของตัวเองทั้งจุดโทษและการยืนตำแหน่งไม่ดีของผู้รักษาประตู รวมถึงฟอร์มการเล่นที่ต่ำกว่ามาตรฐานอย่างมาก ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่วันของ อาร์เซน่อล จริงๆ

ทรอสซาร์ เป็นซูเปอร์ซับอีกครั้ง

ทว่าอยู่ดีๆ โอกาสคัมแบ็กของ อาร์เซน่อล ก็เหวี่ยงเข้ามาแบบไม่คาดคิดเมื่อ โรเบิร์ต ซานเชซ เปิดบอลไม่ละเอียด เดแคลน ไรซ์ จึงได้วิ่งเข้าหาก่อน คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ แล้วตัดสินใจยิงทันทีซึ่งยิงได้ดีมากๆ กับลูกปั่นโค้งที่สมบูรณ์แบบทั้งน้ำหนักและทิศทางในระยะทางที่วัดได้ 36.6 หลา

นี่คือครั้งแรกที่ อาร์เซน่อล ได้ยิงตรงกรอบแล้วเป็นประตูเลยซึ่งเกิดขึ้นก่อนจบเกม 13 นาที 

ก่อนหน้าได้ประตูนี้ การเล่นของ อาร์เซน่อล เริ่มดีขึ้นบ้างเล็กน้อยหลังเปลี่ยนตัวสำรองหลายคนลงมาพลิกสถานการณ์โดยเฉพาะ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ และ ไค ฮาแวร์ตซ์ หรือแม้แต่ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ที่วิ่งไล่บอลจนกดดัน ซานเชซ ให้ต้องรีบเปิด

และในที่สุด อาร์เซน่อล ก็ตามตีเสมอจนได้ ซาก้า ที่ตลอดทั้งเกมแทบหาโอกาสเปิดเน้นๆ ไม่ได้เลย แต่ครั้งนี้ตักโด่งเลยไปเสาไกลถึง เลอันโดร ทรอสซาร์ อีกหนึ่งตัวสำรองชาร์จจ่อๆ ไม่มีพลาด

มาโล กุสโต้ จัดการกับ มาร์ติเนลลี่ ได้ตลอดทั้งเกมจนปีกบราซิเลียนถูกเปลี่ยนออกให้ ทรอสซาร์ ลงแทน แต่จังหวะเสียประตูตีเสมอ กุสโต้ วิ่งตามไม่สุดปล่อยให้ ทรอสซาร์ พุ่งเข้าหาบอลคนเดียว

อาร์เซน่อล จึงกลับมาได้อย่างไม่น่าเชื่อจากสถานการณ์ที่เป็นรอง 2 ประตู และรูปเกมอันน่าผิดหวัง

ผลเสมอไม่ใช่สิ่งที่ดีสุด แต่ในเกมแบบนี้ที่เล่นเพียงแค่นี้แต่ยังสามารถแบ่งแต้มกลับออกไปได้คือสิ่งที่ มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมต้องพอใจอย่างมาก 

อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นถึงลูกฮึด ความใจสู้ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ จนกระทั่งได้ผลตอบแทนในที่สุดมาจากความผิดพลาดที่คู่แข่งหยิบยื่นให้ก็ตาม

ในฤดูกาลที่แข่งขันยาวนาน 8-9 เดือน เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะเล่นได้ดีทุกนัด หรือเก็บชัยชนะได้สวยงามดั่งใจฝัน การเอาตัวรอดในวันที่หลายสิ่งหลายอย่างไม่เป็นใจคือสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน และทุกทีมก็มีวันแบบนี้

อาร์เซน่อล ได้เพิ่มแต้มเดียว แต่รักษาสถิติยังไม่แพ้ใครในลีกเอาไว้ได้ และหนึ่งแต้มนอกบ้านเกมนี้ถือว่าเป็นหนึ่งแต้มใหญ่ที่อาจล้ำค่ากว่าที่คาดเอาไว้ก็เป็นได้