:::     :::

ฝากฟากฟ้า แด่ตำนาน Sir Bobby Charlton (1937-2023)

วันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
817
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ร่วมรำลึกครั้งสุดท้ายถึงความยิ่งใหญ่ของชายผู้เป็นสัญลักษณ์และคุณค่าที่แท้จริงของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด "เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน"

เป็นช่วงเวลาที่หนักหน่วงที่สุดของการที่ต้องประกาศข่าวการมรณกรรมของเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ในวัย 86 ปี หนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ

เซอร์บ็อบบี้เป็นวีรบุรุษของทั้งเด็กๆและผู้ใหญ่ ข่าวการจากไปของเขาจะมีการไว้อาลัยไปทั่วโลก ไม่เพียงแต่ในขอบเขตของมหานครแมนเชสเตอร์ แต่เป็นทั่วสหราชอาณาจักร และทุกๆที่ฟุตบอลไปถึง

เป็นเวลาหลายทศวรรษที่คำสองคำนี้ "Bobby Charlton" เป็นชื่อที่สามารถสื่อให้เห็นถึงชื่อเสียงและความสำเร็จของเขาที่เหนือยิ่งขึ้นไปกว่าเรื่องของเกมฟุตบอล

และไม่มีใครอีกแล้วที่จะเป็นตัวแทนแห่งคุณค่าของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้ดีไปกว่าเซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน

หลังจากที่รอดจากโศกนาฏกรรมที่มิวนิคมาได้ในวัยเพียงแค่ 20 ปี เขาฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บและก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของทั้งสโมสรและกับทีมชาติ เริ่มต้นลงสนามให้ปีศาจแดงตั้งแต่อายุ 17 ปี ลงสนามไปทั้งสิ้น 758 เกม และยิงประตูไปทั้งหมด 249 ประตูซึ่งเป็นสถิติที่อยู่ยงคงกระพันมาอย่างยาวนานมาก จนกระทั่งสถิติการลงสนามได้มี Ryan Giggs ทำลายสถิติการลงเล่นในปี 2008 ขณะที่สถิติการทำประตูก็มี Wayne Rooney ยิงแซงได้ในปี 2017

จากการได้รับความสนใจจากสโมสรทั่วประเทศ ชาร์ลตันเป็นหลานของ Jackie Milburn สุดยอดกองหน้าของนิวคาสเซิลยูไนเต็ด ชาร์ลตันมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดของ Matt Busby ในฐานะเด็กนักเรียนในปี 1953 และเทิร์นโปรเป็นนักเตะอาชีพของสโมสรในเดือนตุลาคม ปี 1954

ชาร์ลตันก้าวขึ้นมาเป็นบัสบี้เบ๊บส์ในช่วงกลางทศวรรษ 50s

ชาร์ลตันคว้าแชมป์ FA Youth Cup ได้สำเร็จถึงสามปีติดต่อกัน ตั้งแต่ 1954, 1955 และ 1956 และได้ประเดิมสนามเดบิวต์กับทีมชุดใหญ่เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 1956 ชาร์ลตันได้ลงสนามเจอกับ "ชาร์ลตัน แอธเลติก" ที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ซึ่งการเดบิวต์ของเด็กหนุ่มคนนี้สร้าง impact ให้กับทีมได้ทันทีด้วยการยิงเบิ้ลสองลูกพาปีศาจแดงคว้าชัยชนะ 4-2 ได้สำเร็จแม้จะมีอาการบาดเจ็บอยู่ 

"มิสเตอร์บัสบี้ถามว่าผมไหวไหม จริงๆผมข้อเท้าแพลง แต่ผมไม่บอกออกไป ผมไขว้นิ้ว(อุ๊บอิ๊บ) แล้วตอบไปว่า ไหว" 

เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ย้อนเหตุการณ์ให้ฟังในวันที่เขาเดบิวต์ให้สโมสร

ถึงแม้จะโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ชาร์ลตันก็ยังไม่ได้ตำแหน่งตัวจริงของทีมจนกระทั่งช่วงท้ายฤดูกาล 1956/57 เขาทำไป 10 ประตูในฐานะบัสบี้เบ๊บส์พาทีมคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ ซึ่งเป็นแชมป์ลีกสมัยที่ห้าของสโมสร

การแย่งตำแหน่งกันในทีมค่อนข้างดุเดือดมากๆ แต่การระเบิดแฮตทริกในเกมเจอโบลตัน วันเดอเรอร์ส ที่เขาทำได้ในซีซั่นถัดมานั้นก็เป็นใบเบิกทางอีกใบที่ทำให้เขายึดตำแหน่งตัวจริงได้ และทำให้แม็ตต์ บัสบี้ไม่สามารถที่จะถอด Forwardหนุ่มตัวเก่งรายนี้ออกจากทีมได้เลย

ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1958 ชาร์ลตันยิงอีกสองประตูให้ยูไนเต็ดเสมอกับ Red Star Belgrade ด้วยสกอร์ 3-3 ทำให้ปีศาจทะลุเข้ารอบไปสู่รอบรองชนะเลิศยูโรเปียนคัพในปีนั้นได้สำเร็จ แต่ระหว่างทางกลับบ้านเกิดเหตุร้ายกับพวกเขา เมื่อเครื่องบินที่จะพาทีมกลับบ้านนั้นเกิดอุบัติเหตุที่มิวนิคหลังจากเติมเชื้อเพลิง มี 23 คนที่เสียชีวิต 8 คนในนั้นคือนักเตะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีมของชาร์ลตันได้เสียชีวิตลง และชาร์ลตันก็เป็นหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นั้น

แต่โชคดีที่เขาบาดเจ็บไม่มาก และสามารถกลับมาลงสนามได้ภายในเดือนนั้นทันที และพาปีศาจแดงเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ FA Cup ได้สำเร็จ ก่อนที่จะไปแพ้ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ด้วยสกอร์ 2-0 ที่สนามเวมบลีย์

แต่ชาร์ลตันและเพื่อนร่วมทีมได้หวนกลับมายังสนามแห่งนี้อีกครั้งในปี 1963 และคว้าแชมป์ได้สำเร็จด้วยการเอาชนะเลสเตอร์ไปได้ในรอบชิงเอฟเอคัพปีนั้น

ดาวเตะทีมชาติอังกฤษผู้นี้พิสูจน์แล้วว่าเขาเป็นส่วนสำคัญของการฟื้นฟูแมนยูไนเต็ดกลับมาอีกครั้งหลังจากเกิดโศกนาฏกรรมที่มิวนิค ทีมค่อยๆถูกสร้างขึ้นมารอบตัวเขาอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงการเข้ามาของ Denis Law และ George Best ซึ่งแนวรุกทั้งสามเป็นที่รับรู้กันในภายหลังว่านี่คือ the United Trinity นั่นเอง ซึ่งการปรับตำแหน่งถาวรมาเล่นในบทบาท "หน้าต่ำ" ของบ็อบบี้ ชาร์ลตัน (Deep-lying Forward) ทำให้สามารถดึงเอาศักยภาพที่ดีที่สุดของเขาออกมาได้ และเขาคือส่วนสำคัญในทีมของแม็ตต์ บัสบี้ ที่คว้าแชมป์ลีกในปี 1965 และ 1967

เพียงไม่นานก่อนที่จะมีการเตะฟุตบอลโลกปี 1966 ชาร์ลตันได้รับรางวัลจากสมาคมนักข่าวฟุตบอลให้เป็น ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี และนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป สองรางวัลติดต่อกันอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เป็นผู้เล่นคนสำคัญที่พาทีมของ Alf Ramsey คว้าแชมป์ในทัวร์นาเมนต์นั้นได้สำเร็จด้วยการยิงสองประตูในรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกที่ทีมชาติอังกฤษเอาชนะโปรตุเกสไปได้

ทั้งหมดในเกมทีมชาติชาร์ลตันติดธงไปทั้งสิ้น 106 นัด, สามเกมในฐานะกัปตันทีม และ 49 ประตูซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของอังกฤษในตอนนั้นจนกระทั่งถึงเดือนกันยายนปี 2015 ที่ Wayne Rooney ทำลายสถิติด้วยการยิงประตูที่ 50 ในทีมชาติอังกฤษได้สำเร็จ 

ถึงแม้การได้แชมป์ฟุตบอลโลกจะถูกมองว่ามันคือความสำเร็จระดับสูงสุดของอาชีพนักฟุตบอล แต่ชั่วโมงเกียรติยศของชาร์ลตันในระดับสโมสรมาถึงในเดือนพฤษภาคม ปี1968 เขาคือกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพได้สำเร็จที่สนามเวมบลีย์

ชาร์ลตันยิงสองประตูในเกมรอบชิงที่พาทีมเอาชนะเบนฟิก้า ไปด้วยสกอร์ 4-1 ซึ่งตัวเขาไม่ได้ไปร่วมงานฉลองหลังเกมการแข่งขันนี้ เพื่อรำลึกถึงเพื่อนฝูงที่เขาสูญเสียไปในโศกนาฏกรรมที่มิวนิคเมื่อ 10 ปีก่อนหน้านี้   

เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ยังคงลงเล่นสร้างความสุขให้แฟนบอลยูไนเต็ดต่อไปในฐานะ United Trinity จนกระทั่งเจ้าตัวออกจากสโมสรในปี 1973 ใช้เวลาสองปีที่สโมสร Preston North End ในฐานะผู้เล่นควบผู้จัดการทีมในเวลาเดียวกันก่อนที่จะออกจากตำแหน่งในปี 1975 (ลงเล่นไป 38 เกม)

ก่อนที่จะไปลงสนามไม่กี่นัดให้ Waterford สโมสรในสาธารณรัฐไอร์แลนด์ในปี 1976 ก่อนที่จะไปรับตำแหน่งบริหารที่สโมสรวีแกน แอธเลติก และรับตำแหน่งรักษาการผู้จัดการทีมในระหว่างฤดูกาล 1982/83 การรับตำแหน่งในฐานะผู้จัดการทีมของชาร์ลตันจึงเกิดกับสองสโมสรคือ เปรสตัน และ วีแกน นั่นเอง 

เดือนมิถุนายนปี 1984 บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เข้ามาเป็นผู้อำนวยการสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในที่สุด ซึ่งสิบปีต่อมาเขาได้รับพระราชทานยศอัศวิน โดยก่อนหน้านี้เขาได้เครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งจักรวรรดิอังกฤษอันมีค่ายิ่ง ขั้น OBE และ CBE มาก่อน

เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ได้กลายเป็นทูตของสโมสร ของฟุตบอลอังกฤษ และฟุตบอลทั่วโลก เขาเป็นบุคคลสำคัญที่ได้รับการนับถือ และมีสายสัมพันธ์กับสโมสรตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน จนถึงอนาคต ซึ่งงานการกุศลก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญในชีวิตของเขาเช่นกัน โดยองค์กรการกุศล Find A Better Way ของเขาที่อุทิศให้กับการดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากระเบิดในประเทศที่เสียหายจากสงคราม ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นมูลนิธิเซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ในที่สุด

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาแทบไม่เคยพลาดการมาชมทีมที่เขารักที่โอลด์แทรฟฟอร์ดเลย โดยมากับภรรยาของเขาอย่าง Lady Norma และยังคงเป็นที่รักและนับถือจากแฟนบอลไม่ต่างจากสมัยที่ยังค้าแข้งและเป็นกองหน้าที่มีลูกยิงทรงพลังและสวยงามมากมายในอดีต แต่ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2020 ได้มีการเปิดเผยออกมาว่า เซอร์บ็อบบี้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมองเสื่อม โดยมีแถลงการณ์จากสโมสรว่า

"ทุกๆคนที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นที่เสียใจมากว่าโรคร้ายนี้ได้ส่งผลกระทบต่อเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และเราจะยังคงมอบความรักและแรงสนับสนุนให้เซอร์บ็อบบี้และครอบครัวเสมอไป"

มรดกสู่อนาคตของเซอร์บ็อบบี้ยังคงสถิตอยู่ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด เราจะได้เห็นเขาอยู่เสมอจากรูปปั้น United Trinity ที่เป็นอนุสรณ์ร่วมกันของทีมในตำนานที่มีเพื่อนอีกสองคนอย่าง Denis Law และ George Best อยู่เคียงข้าง รวมถึงเรายังมี Sir Bobby Charlton Stand อยู่ในสนามซึ่งเป็นอัฒจันทร์ฝั่งทิศใต้ที่ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติยศให้เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เมื่อเดือนเมษายนปี2016

สโมสรขอแสดงความเสียใจอย่างมากต่อ Lady Norma, สมาชิกและเพื่อนทุกคนของครอบครัวชาร์ลตันในช่วงเวลาที่เศร้าโศกเช่นนี้

ตราบใดที่ฟุตบอลยังคงอยู่ เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน จะไม่มีวันถูกลืม

Rest In Peace

-ศาลาผี-

Reference

https://www.manutd.com/en/news/detail/obituary-of-manchester-united-and-england-football-legend-sir-bobby-charlton

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด