:::     :::

"การผสมพันธุ์หมู่ในสโมสรที่ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง"

วันเสาร์ที่ 04 พฤศจิกายน 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
1,447
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ที่แฟนบอลหลายๆคนสงสัยว่า แมนยูโดนคำสาปอะไรรึเปล่า ปัญหาถึงได้เยอะแบบนี้ไม่จบไม่สิ้น ซึ่งถ้าเราเปรียบเปรยปัญหากับมารร้ายละก็ ที่แห่งนี้ก็ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงอยู่ และไม่ได้มาตนเดียวด้วย แต่พวกมันกำลังมาผสมพันธุ์หมู่กันอยู่!

มีคำถามสำคัญที่แฟนบอลแมนยูคงอยากจะได้คำตอบกันมากๆว่า สรุปแล้วปัญหาของทีมเราตอนนี้มันอยู่ตรงไหนกันแน่ที่ทำให้ผลการแข่งขันและคุณภาพการเล่นย่ำแย่ในช่วงนี้

ผู้จัดการทีม? นักเตะ? เจ้าของสโมสร?

เราไม่สามารถสรุปปัญหานี้ได้ด้วยการระบุสิ่งใดสิ่งหนึ่งแค่อย่างเดียว เพราะมันมาจากหลายๆเหตุผลรวมกัน เหมือนการผสมพันธุ์หมู่ของมารร้ายหลายๆตนที่มารวมตัวกันปู้ยี่ปู้ยำแมนยูไนเต็ด ผลปรากฏจึงไม่ต่างกับการที่ประตูนรกแตกออกมา และปลดปล่อยสิ่งชั่วร้ายออกมาใส่เรามากมาย แฟนผีจึงต้องเผชิญกับสภาวะดำดิ่งของการพ่ายแพ้แบบปวดตับติดต่อกันแบบนี้ไม่หยุดหย่อน

เรากำลังเจอกับจอมมารหลายตนที่หลุดออกมาจากขุมนรกพร้อมๆกัน มันเลยหนักหน่วงแบบนี้

ถ้าจะให้พูดเป็นรูปธรรม ต้องบอกว่าแมนยูไนเต็ดย่ำแย่เพราะที่มาจากหลายๆเหตุผลมาก ถ้าเปรียบปัญหาแต่ละส่วนให้เป็นมารร้าย เรากำลังเจอกับฝูงจอมมารตัวเขื่องอยู่หลายตัวทีเดียวดังนี้

เปรียบเปรยปัญหา = มาร ที่ผจญเราอยู่ในตอนนี้ ไปดูกันว่ามีมารกี่ตัว มารแต่ละตัวมีลูกกี่ตนกันบ้าง เพื่อให้เห็นภาพ ไปดูกัน

มารร้ายตัวที่ 1. "ปัญหาจากตัวนักเตะ"

1.1 ฟอร์ม

ปัญหาเรื่องฟอร์ม กล่าวคือ นักเตะเราหลายๆคนเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานเยอะมาก ไม่ใช่ความสามารถที่แท้จริงของพวกเขาเลย ข้อนี้มีคำตอบที่พิสูจน์ได้อยู่ว่าเป็นจริง นั่นก็คือ "ฟอร์มในเกมทีมชาติ" พวกเขาเหล่านี้โชว์ผลงานได้ดีเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวหลักคนสำคัญอย่างบรูโน่ แรชฟอร์ด พวกนี้ไปเล่นทีมชาติมักจะโชว์ฟอร์มได้ดี

1.2 สภาพจิตใจ

ในปัญหาของนักเตะก็ยังมีซ่อนเรื่องของสภาวะทางจิตใจของทีมที่ย่ำแย่ ขาดความมั่นใจ ขาดกำลังใจ ขาดความฮึกเหิม ใจฝ่อใจไม่สู้(ให้มากพอ) ซึ่งในด้าน "mentality" ถือเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับฟุตบอล ในฐานะเป็นเกมกีฬาที่ต้องสู้กันด้วยความมั่นใจ ความใจสู้เป็นหลัก

ทีมที่หัวจิตหัวใจไม่แข็งแกร่ง มีโอกาสแพ้คู่ต่อสู้สูงมาก และตอนนี้สภาพเรากำลังเป็นแบบนั้นอยู่

1.3 คุณภาพ มาตรฐาน และความคงเส้นคงวาในการเล่น

ปัญหานี้หนักมากพอสมควรอีกหนึ่งเรื่อง สภาพทีมที่เป็นอยู่ตอนนี้เพราะคุณภาพการเล่นบางคนยังไม่ได้มาตรฐานที่ดีเลย / นักเตะบางคนก่อความผิดพลาดสำคัญๆบ่อยครั้ง จนส่งผลให้ทีมลำบากอยู่บ่อยๆ ข้อนี้ก็ไปดูและตัดสินกันเอาเองว่ามีใครบ้างที่เข้าข่ายนี้ มันก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทีมมีผลการแข่งขันไม่ดี หรือตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากตอนหน้างานเสมอ

มารร้ายตัวที่ 2. ปัญหาจาก "สถานการณ์" จากผลกระทบเรื่องนักเตะตัวหลักหายไปหลายๆคน

2.1 สถานการณ์เรื่องตัวหลักเจ็บ นักเตะเจ็บเยอะ

ข้อนี้หลายคนอาจจะตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเพราะระบบทีมแพทย์รึเปล่า? เป็นเพราะการประเมินอาการผิดพลาดของพวก Physio ที่ดูแลตรงนี้หรือไม่ ข้อนี้ก็ต้องตอบว่า มันก็อาจจะมีส่วนเป็นไปได้

บางทีเราก็ไม่รู้ว่าการประเมินของทีมแพทย์ลงความเห็นอย่างไรบ้างต่อเคสของ ลุค ชอว์ หรือ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ที่เจ็บยาวไปจากอาการเก่า ข้อนี้ก็น่าสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

แต่อีกส่วนหนึ่ง ปีนี้ทีมก็ดวงแตกจริงๆ เพราะหลายๆจังหวะมันเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในสนาม และนักเตะเราได้รับความเสียหายจริง ยกตัวอย่างเช่นเคสของ อามัด เดียโล่ ที่ต้นซีซั่นได้รับโอกาสค่อนข้างเยอะ แต่โชคร้ายบาดเจ็บเข่า จากวันนั้นมาก็ยาวเลยจนถึงตอนนี้ / วานบิสซาก้าที่ปกติไม่ค่อยเจ็บยาว รอบนี้ก็มาหายไปอีกคน / ค็อบบี้ ไมนู ที่ควรจะได้รับโอกาสในการเล่นเป็นตัวคุมเกมแดนกลางให้ทีมเราคู่กับคาเซมิโร่ แต่เริ่มเกมพรีซีซั่นมาก็เจ็บยาวออกไปเลย เป็นต้น หลายจังหวะมันเป็นความโชคร้ายจริงๆ

หลายๆครั้งนักเตะก็ไปบาดเจ็บมาจากเกมทีมชาติเยอะอยู่ ดังนั้นเรื่องนี้มันเป็นเรื่องโชคร้ายมากกว่า แต่ทีมแพทย์ก็สำคัญที่จะต้องพิจารณาดูกันให้ดีว่าพวกเขาประเมินสภาพร่างกายนักเตะกันถูกต้องมากน้อยเพียงใด

2.2 รูปแบบการเล่นที่เปลี่ยนไปเพราะนักเตะไม่อยู่

นักเตะที่เจ็บไปหลายๆคนนั้น เป็นตัวเล่นที่เคยยืนเป็นหลักในปีก่อนเราฟอร์มดีก็หายหมด เช่น มาร์ติเนซ หรือ ชอว์ ที่หายไป รวมถึงสภาพร่างกายที่ดรอปลงไปของตัวหลักอย่าง คาเซมิโร่ หรือ คริสเตียน เอริคเซ่น รูปแบบการเล่นที่เคยแข็งแกร่งก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแทคติกและเกมแพลนให้เข้ากับผู้เล่นที่ "เหลืออยู่" ด้วย เสถียรภาพในการเล่นที่เคยมีก็ต้องปรับเปลี่ยนไปเพื่อแก้สถานการณ์ในแต่ละนัด ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ค่อยดี

คิดง่ายๆว่า การเซ็ตบอลจากหลังบ้าน ตัวที่เหลืออยู่ไม่ใช่ตัวเล่นที่มีจุดเด่นเรื่องนี้เลย เทน ฮากก็ไม่รู้จะทำยังไง เมื่อสองตัวสำคัญที่เป็นจุดเริ่มต้นของการครองบอลเพื่อbuild-up อย่างชอว์ กับ มาร์ติเนซ หายไปแล้ว กองหลังที่เหลืออยู่ไม่พร้อมจะเล่นเกมดังกล่าวเพื่อแก้เพรสหรือเซ็ตเกมครองบอลให้ได้นานๆ สิ่งที่เทน ฮาก ต้องทำก็คือ "จำใจ" ที่จะต้องยอมให้หลายๆครั้งเวลาเจอคู่แข่งเพรส ก็ต้องขว้างบอลยาว เล่นไดเร็คต์ไปเลยทีเดียว ทั้งที่ไม่ใช่เบสหลักของปรัชญาเขาซะด้วยซ้ำ

ตัวเล่นที่หายไป ส่งผลกระทบกับรูปแบบการเล่นของทีมเยอะมาก ซึ่งอยากให้แฟนบอลเข้าใจในจุดนี้ ก็อย่างที่เทน ฮาก บอกว่าเขาต้องจัดทีมตามรูปแบบเท่าที่ทรัพยากรจะเอื้ออำนวย เมื่อนักเตะที่เล่นในอีกวิธีการหนึ่งไม่อยู่ในทีม ตัวที่เหลืออยู่เหมาะกับการเล่นบนสไตล์อีกรูปแบบ ก็ต้องมีการปรับให้เหมาะสมกับนักเตะเหล่านั้นที่เหลืออยู่

มารร้ายตัวที่ 3. ข้อบกพร่อง"บางอย่าง"ในการจัดการทีมของ เอริค เทน ฮาก เอง

เขียนมาถึงข้อนี้ต้องรีบเบรคคนอ่านก่อนว่า ผู้เขียนไม่ได้มาไล่เทน ฮาก นะครับ ผู้อ่านหลายๆคนที่อ่านกันอยู่ตลอดคงเข้าใจดี ส่วนตัวคนเขียนยังเห็นข้อดี และเข้าใจเรื่องมิติการทำงานของเขาในด้านแทคติกต่างๆ ยังพร้อมจะให้เวลาเทน ฮาก ต่อไปอีกยาวๆ เพื่อดูการทำทีมในระยะยาวแบบ "long-term" จริงๆ ที่ไม่ใช่แค่การที่ฟอร์มตกเล่นแย่ แล้วจะต้องรีบไล่เพราะไม่พอใจ หรืออดทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้

ผมยังซัพพอร์ตเขาเต็มตัวไม่มีเปลี่ยนแปลง ไม่มีเศษเสี้ยวที่คิดจะไล่เลยแม้แต่นิดเดียวในสมอง

มุมมองตรงนี้มั่นคงอยู่แล้ว การสร้างทีมระยะยาวมันต้องดูกันที่ทิศทางการดำเนินไปของการสร้างทีมเป็นหลัก ถ้าทิศทางมันถูกต้อง แปลว่าทุกอย่างเป็นไปแบบที่ควรจะเป็นแล้ว เราก็ต้องเชื่อมั่นในprocessนี้ แล้วปล่อยให้มันเดินหน้าต่อไป

แต่

แฟนบอลก็สมควรที่จะสามารถวิพากษ์วิจารณ์รายละเอียดในการทำทีมบางอย่างของเขาได้เช่นกัน ถ้าพูดคุยและตั้งคำถามด้วยเหตุผล ไม่ใช่การด่ากันด้วยคำหยาบรุนแรงแบบtoxic เป็นสิ่งที่แฟนบอลควรต้องทำด้วยซ้ำ เพราะบางทีเราก็แค่อยากจะได้เหตุผลบ้างว่า ทำไมต้องทำแบบนั้น ทั้งในเรื่องการจัดทีม / การวางแทคติก ใส่ระบบการเล่นและวิธีการให้ทีม ในหลายๆอย่างเราก็ไม่ได้เออออห่อหมกว่าเขาทำถูกต้องแล้วทุกอย่าง บางจุดก็ยังเป็นข้อสงสัยของเราเหมือนกัน

3.1 เรื่องของการใช้นักเตะไม่ตรงตำแหน่งถนัด

เช่นการใช้นักเตะบางคนไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ได้ดีที่สุดของเขา เช่นเรื่องทั่วๆไปที่แฟนผีเห็นก็คือ บรูโน่ไปยืน RW เป็นต้น

จริงๆในทีมชาติ บรูโน่ก็ยืนเยื้องขวาอยู่แล้ว ทั้งในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกขวา หรือ ปีกหน้าขวาแกก็วิ่งเติมขึ้นหน้ามายิงได้ เอาจริงๆแล้ว บรูโน่เล่นปีกขวาได้แน่นอนในลักษณะของ Wide Playmaker ข้อนี้คนที่ติดตามรายละเอียดในเชิงแทคติกจะรู้ๆกันอยู่แล้ว ไม่ต้องอธิบายเยอะ

แต่บางทีเราก็อยากจะให้เขาได้อยู่ในตำแหน่งที่ถนัดที่สุดในพื้นที่กลางรุกเหมือนกัน แบ็คทูเบสิคแบบนี้ อาจจะเรียกฟอร์มเก่าๆของบรูโน่กลับก็เป็นได้

นี่ก็เป็นการตั้งคำถามต่อ EtH ในแง่เหตุผลมากกว่าว่า ทำไมต้องทำแบบนั้น ด้วยเหตุผลอย่างไร เราแค่อยากรู้ในจุดนี้ แต่ไม่ได้มีปัญหาหรือจะไปยกตนข่มผู้จัดการทีมว่าเราเจ๋งเราแน่เราฉลาดกว่า ไม่ทำตามที่เราคิดแปลว่าคุณ(ผู้จัดการทีม)โง่ ไม่ใช่แบบนั้น

3.2 การเปลี่ยนระบบการเล่นจาก 4-2-3-1 สู่บอลไดเร็คต์เน้นโอเวอร์โหลดด้วย 4-3-3 กลางคู่บน2ตัว (8s)

ข้อนี้เป็นอีกเรื่องที่เป็นปัญหาซึ่งมาจากผู้จัดการทีมจริงๆ และเราเขียนบ่อยมาก

จากปีก่อนที่เราเห็นชัดว่า ทีมเน้น double pivot ชัดเจนด้วยการผสมผสานกลางคู่ คาเซมิโร่ เอริคเซ่น คนนึงเล่น 6 คุมตำแหน่งปักหลัก อีกคนเล่น 6กึ่ง8 เชื่อมเกมตั้งเกมขึ้นหน้า แล้วปล่อยบรูโน่ แฟร์นันด์ส เล่นเบอร์ 10 คนเดียวตัวบนเป็นหลัก ซึ่งทีมก็ทำผลงานกันได้ดี

แต่ปีนี้ทีมเริ่มมีการปรับระบบการเล่นที่ใช้ DM ยืนเดี่ยวๆแบบชัดเจนในทรง formation ที่เปลี่ยนแปลงฟังก์ชั่นไปเป็น 4-3-3 อย่างที่เห็น แล้วใช้วิธีการโหลดนักเตะขึ้นแดนบนแบบโอเวอร์โหลด เน้นบอลไดเร็คต์มากขึ้นกว่าเดิม ผลปรากฏคือบอลทีมเราไม่มีประสิทธิภาพเท่าปีที่แล้ว ที่เวลาเจอทีมเล็กกว่าก็ยังครองบอลกดได้ แต่ตอนนี้แม้แต่ทีมเล็กทีมรอง ก็กลายเป็นเกมยากทุกเกมไปแล้ว

ปัญหาที่เห็นคือ ทีมครองบอลแย่กว่าเดิม โอเคว่ามันมาจากการขาดนักเตะตัวหลักไปด้วยก็จริงอย่างที่บอก แต่ในเมื่อเป็นแบบนั้น EtH ก็ควรปรับระบบทีมให้มันเหมาะกับทรัพยากรปัจจุบันที่ขาดตัวตั้งเกมจากแผงหลัง แล้วเลือกที่จะทำฐานของทีมให้แน่นก่อนจะดีกว่าหรือไม่?

กองหลังเซ็ตบอลกันไม่ได้ เราถอยมิดฟิลด์ลงมาช่วยตั้งเกมเพิ่มขึ้นอีกสักคนแบบเต็มตัวดีไหม เพราะถ้ายังยืนยันจะใช้ DM เล่นเป็น 6เดี่ยวคนเดียว บอลก็จะลำเลียงขึ้นมายากมากในเวลาที่โดนเพรสขึ้นมาปิดทางรับบอลออกบอลของกลางต่ำ เมื่อกลางต่ำไม่ได้บอล มิดฟิลด์สองคนที่ขึ้นสูงไปก็แทบจะหมดความหมายเลยถ้าทีมเก็บบอลไม่ได้

เพราะฉะนั้นจุดนี้ในเรื่องแทคติก เป็นความรับผิดชอบ"โดยตรง"ของคนคุมแผนและแทคติกอย่างเทน ฮาก ที่จะต้องปรับสมดุลตรงนี้ให้เร็ว และหาแผนการเล่นที่เหมาะกับเซ็ตนักเตะในปีนี้ของเราให้ได้เร็วที่สุดก่อนจะสายเกินไป

3.3 ระบบลูกรัก?

ส่วนประเด็นหนึ่งที่หลายคนสงสัยว่ามันก็มีส่วนด้วย นั่นก็คือเรื่องของลูกรัก กรณีนี้มีแค่ข้อสงสัยเดียวคือเรื่องของอันโทนี่ (ในฐานะที่เอาใจช่วยเจ้าหมอนี่มาตลอด) เราก็อยากจะให้เอริค ลองให้โอกาสปีกสายทะลุทะลวงที่ทำเกมได้จริงๆแบบฟาคุนโด้ เปลลิสตรี ดูบ้าง ในยามที่อันโทนี่ฟอร์มไม่ค่อยดีในช่วงนี้ ก็อยากให้ลองเปลี่ยนในตำแหน่งนี้ดูบ้าง ผู้เขียนมีปัญหาแค่ตำแหน่งนี้ตำแหน่งเดียว

แต่ในส่วนอื่นๆไม่มีปัญหาอะไรกับการเลือกทีมของเอริค ตามที่พิจารณาดูก็เหมาะสมแล้ว แม้บางคนจะไม่ชอบบรูโน่ แต่เขาก็เป็นตัวหลักที่ยังสร้าง impact ได้ตลอดเวลา ถ้าเขาไม่ลงทีมจะขาดอาวุธไปอีกเยอะ / ส่วนแรชฟอร์ด สภาพร่างกายเขา ประสบการณ์ ยังไงก็ต้องเป็นตัวจริงอยู่แล้ว ในยามที่การ์นาโช่เองพูดกันตรงๆเวลาลงตัวจริงก็ใช่ว่าจะทำได้ดีแตกต่างกันมาก มันแล้วแต่เกม

แต่ยังไงนักเตะเหล่านี้ รวมถึงพวก โอนาน่า เมาท์ ฯลฯ ใครก็ตามที่มีแฟนบอลตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้ หลายๆคนมันก็มีปัจจัยที่ต้องส่งลงสนามอยู่แล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไร

3.4 Pep Talk และการกระตุ้นนักเตะ

หัวข้อเอริค โดนเยอะหน่อย แต่เรากล้าเขียน เพราะเราซัพพอร์ต เข้าใจ และให้เวลาอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงตำหนิได้เพราะเป็นการเขียนด้วยเหตุผลล้วนๆ ไม่ใช่ความเกลียดชัง ดูหมิ่น หรืออยากให้เขาออกจากตำแหน่ง

อีกส่วนสำคัญอย่างหนึ่งที่เป็นปัญหาตอนนี้ เรามองว่า เป็นหน้าที่รับผิดชอบของเทน ฮาก เช่นกันที่จะต้องกระตุ้นทีมให้กลับมาให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม จะปรับแผน จะเปลี่ยนนักเตะ จะพูดคุย กระตุ้น ฯลฯ นั่นเป็นงานของเขา

ถ้าเรียกพลังใจให้เด็กไม่ได้ เรียกลูกฮึดให้ทีมใจสู้ไม่ได้ คนที่จะต้องรับความผิดชอบตรงนี้ไป ก็คือเอริค เทน ฮาก อีกนั่นแหละ ดังนั้นเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของ "ทีม" เพราะเราเขียนไปแล้วในข้อนักเตะ และมาจนถึงตรงนี้คือฝ่ายของ ผจก ดังนั้นก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันว่า ทำยังไงทีมถึงจะฮึด และเล่นกันด้วยความมั่นใจ ไม่ใช่แหยพร้อมจะแพ้เขาตลอดเวลา ทั้งๆที่ถ้าเล่นเต็มศักยภาพจริงๆ เราเหนือกว่าหลายๆทีมที่แข่งด้วยในปีนี้เยอะมาก

เป็นงานที่เอริค จะต้องทำให้ได้ คุณจะไปนำวิ่งสิบยี่สิบกิโลอะไรก็แล้วแต่ ไปกระตุ้นกันมาให้ได้ก็พอ

จิตวิทยาสำคัญมากในเรื่องนี้

มารร้ายตัวที่ 4. ต้นตอปัญหาจากเจ้าของสโมสรที่เลวร้ายที่สุด พวก "Glazers"

ข้อนี้เกี่ยวแน่ และเกี่ยวโดยตรง ทุกๆอย่างที่ย่ำแย่อยู่ในตอนนี้ หลายๆครั้งเมื่อสืบสาวราวเรื่องมาจนเจอถึงต้นตอแล้ว มันมักจะเป็นเพราะเจ้าของทีมในหลายๆเหตุผล

เรื่องของ "นโยบาย" และ "การบริหารสโมสร" คือสิ่งสำคัญที่จะเป็นตัววัดว่า ยูไนเต็ดจะสามารถประสบความสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน จากการกลัดกระดุมเม็ดแรกที่เป็นพื้นฐานของทุกสิ่งทุกอย่าง

-โครงสร้างพื้นฐานของสนามซ้อม ระบบการฝึกซ้อม เทคโนโลยีวิเคราะห์ ฯลฯ มีพร้อมหรือยัง

-การใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า ถูกต้อง ถูกจุด ต่อการเสริมทีมด้วยตัวผู้เล่นที่ผู้จัดการต้องการจริงๆ

-นโยบายการตัดสินใจในเรื่องต่างๆที่สำคัญ ทั้งในเชิงคุณค่า และในเชิงคุณภาพทางด้านฟุตบอล แนวทางที่เป็นอยู่มันดีมากน้อยแค่ไหน บุคคลผู้รับผิดชอบในสายงาน มีวิสัยทัศน์ และการตัดสินใจที่ดีมากน้อยเพียงใดในฝ่ายบริหารเบื้องบนหลายๆส่วน

พอจุดเริ่มต้นของการดำเนินงานของสโมสรมันไม่ดีมากพอ ผ่านการไม่แยแสของเจ้าของทีมที่หวังแต่ผลประโยชน์จากที่นี่ แต่ไม่เคยคิดจะทำเพื่อสโมสรแห่งนี้อย่างแท้จริง ทุกอย่างเลยพังพินาศ

สิ่งเดียวที่ตระกูลปลิงต้องการคือเงินและประโยชน์ของพวกมันเท่านั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เรายังคงต้องไล่พวกมันต่อไป จนกว่ามันจะออกไปจากสโมสรที่พวกเรารัก

Conclusion

สรุป ทั้งหมดทั้งมวลของบทความนี้ อ่านจบแล้วจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเรากำลังเผชิญปัญหาที่มาจากแนวรบ "ทุกด้าน" เหมือนปีศาจที่มารวมตัวผสมพันธุ์กันออกมาเป็นความเลวร้ายที่แฟนแมนยูและสโมสรกำลังได้รับอยู่ ณ ขณะนี้

นับข้อย่อยทั้งหมดแล้ว เหตุผลอย่างต่ำๆตรงนี้ มีเป็นสิบข้อที่เป็นเหตุให้ปีศาจแดงมีปัญหาอยู่ในปัจจุบัน

อ่านมาจะรู้เลยว่า ปัญหาของเรามันอยู่ในทุกที่ มีในทุกเรื่อง ทั้งนักเตะเอง ทั้งผู้จัดการเอง ทั้งสถานการณ์เอง ทั้งเจ้าของทีม ฯลฯ ในแต่ละข้อก็มีข้อย่อยที่ต้องเคลียร์ลึกลงไปอีก ไม่ใช่แค่ปัญหามิติเดียว มันเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและค่อนข้างลึกพอสมควร

ดังนั้นเมื่อต้นตอมันเยอะขนาดนี้ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะเคลียร์ทุกอย่างได้หมดเพียงแค่การปลดผู้จัดการทีมเหมือนที่แฟนบอลบางคนต้องการแบบนั้นโดยที่ไม่ยอมพิจารณาบริบทที่แท้จริงว่า การปลดผู้จัดการทีมไม่ได้ช่วยอะไรเลย ถ้าเรายังเคลียร์ต้นตอของปัญหาไม่ได้

ปลดไป มีตัวแทนดีๆหรือยัง?

ปลดเพื่อเริ่มใหม่ บางคนอาจจะยอมเริ่มใหม่อีกครั้ง ยอมเสียเวลากันอีกครั้งเผื่อจะดีขึ้น อันนั้นก็อาจจะใช่ แต่.. ถ้าเริ่มใหม่ แล้วมันก็พังอีกครั้งล่ะ? ก็เริ่มใหม่ไปเรื่อยๆเหมือนที่มันเคยเป็นมางั้นหรือ นั่นไม่น่าใช่วิธีการที่ถูกต้อง เพราะมันเป็นลูปแบบนี้มาหลายปีแล้ว และก็ยังอยู่ในวังวนเก่าเหมือนเดิมเป๊ะๆ คิดว่านั่นคือคำตอบที่ถูกต้องจริงๆ?

หรือว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้เราเรียนรู้กันเลย

แมนยูตอนนี้ไม่ใช่ทีมที่คุณภาพอยู่ในระดับท็อปคลาส เราเป็นทีมมีปัญหาที่กำลังสร้างทีมใหม่อยู่ ดังนั้นต้องพยายามทำใจว่า การสะดุด ความผิดพลาด เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่ยังเพ้อฝันอยู่ว่าแมนยูต้องเป็นทีมใหญ่ขยี้คู่แข่งทีมเล็กได้ตลอดเวลา มันผ่านยุคพวกนั้นมาแล้ว ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่เราต้องดิ้นรนอย่างมากเพื่อจะกลับไปให้ได้

ถามว่า แล้ววิธีแก้เบื้องต้นในตอนนี้ เราควรจะทำยังไง? ผู้เขียนมองว่ามันต้องแก้ทุกเรื่อง แต่จุดสำคัญดูเหมือนจะอยู่ที่ข้อ 1.2 ในเรื่องแรงกดดัน สภาพจิตใจ ความมั่นใจที่หายไปของนักเตะ เรื่อง Mentality ของทีมเราตอนนี้หนักสุดเลยจริงๆ กับอีกเรื่องคือ ข้อ 3.2 เรื่องของระบบหลักของเอริค เทน ฮาก ที่ตอนนี้มันขาดสมดุลอย่างมากในสนาม ควรต้องปรับให้ทีมทำยังไงก็ได้ให้เล่นกันดีกว่านี้ ซึ่งถ้าทรงบอลเก่าของปีก่อนมันดูดีกว่าและเก็บผลได้ เรากลับไปเซ็ตแบบนั้นกันก่อนไหม แล้วค่อยปรับแก้เพิ่มเติมกันทีหลัง

แก้ไขสองข้อสำคัญนี้ได้ เรื่องอื่นๆอาจจะเบาลง แล้วเราค่อยมาว่ากันอีกที ขอแค่ผ่านสถานการณ์เลวร้ายตรงนี้ไปให้ได้ก่อน

ก็เหมือนที่เซอร์อเล็กซ์ผ่านช่วงที่เกือบโดนปลดมา แล้วได้ปู่ชาร์ลตันเป็นหลักประกันที่่ช่วยป๋าให้ได้อยู่จนสร้างตำนานได้ บางครั้งการรอคอยเป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้กับโพรเซสการสร้างทีมที่ต้องใช้เวลา

เวลาเท่านั้นที่จะเป็นหนทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ในเมื่อมารร้ายเหล่านี้กำลังผสมพันธุ์กันอยู่ในสโมสรอันเป็นที่รักของเรา วิธีแก้ก็คือค่อยๆจัดการไปทีละเรื่อง แก้ไขไปทีละอย่างทีละนิด ถ้ามารร้ายค่อยๆหายไปทีละนิด ทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้น ยิ่งถ้าทิศทางมันถูกต้อง สักวันมันจะต้องถึงจุดที่ทุกอย่างคลี่คลายแน่นอน

แล้วสักวัน สโมสรที่ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงแห่งนี้ก็คงจะได้เห็นวันใหม่กับเขาบ้าง

#BELIEVE

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด