:::     :::

5 ประเด็นเชิงแทคติก เกมแพ้โคเปนเฮเก้น

วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
6,173
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ท่ามกลางกระแสการด่าเอริค เทน ฮาก มากมาย นี่อาจจะเป็นอีกมุมมองหนึ่งที่แตกต่างออกไป และพิจารณาโดยละเอียดในเชิงแทคติก ในสถานการณ์ Real time จริงๆบนหน้างานว่า เอริค เทน ฮาก ทำถูกหรือผิดยังไงบ้าง ลองอ่านกันดูครับ

มาพูดกันถึงกรณีประเด็นการแก้เกมของ เอริค เทน ฮาก เมื่อวานในนัดที่แมนยูไนเต็ดบุกไปแพ้โคเปนเฮเกน 4-3 อย่างที่หลายๆคนติดตามชมและทราบผลการแข่งขันกันแล้ว หากถามว่าเมื่อวานมีปัญหาอะไรจากการดำเนินงานของเทน ฮาก หรือไม่ และจุดไหน ส่วนตัวผู้เขียน ในเกมเมื่อวานไม่ได้รู้สึกว่ามันมีจุดไหนที่เป็นปัญหาร้ายแรงในด้านการแก้เกมของเอริค เทน ฮาก ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างที่หน้างานและ "สถานการณ์จริง" มันควรจะเป็น

เหตุผลหลักๆที่เกมพลิกมาแพ้ทั้งๆที่เล่นได้อย่างเหนือกว่า มันคือการเสียเปรียบตัวผู้เล่นเป็นเหตุผลหลักเท่านั้นจริงๆ

ที่เน้นย้ำคำว่า "สถานการณ์จริง" ในที่นี้คือ การแก้ไขเกมในจังหวะ Real time ที่เกิดขึ้นในสนาม คือจุดหลักในการพิจารณาว่า เทน ฮาก แก้ไขเกมหรือวางรูปแบบการเล่นเอาไว้เหมาะสมมากน้อยยังไงบ้าง ไม่ใช่ว่าเกิดผลการแข่งขันออกมาแล้ว หรือเกิดจังหวะผิดพลาดของนักเตะคนใดคนหนึ่งแล้วค่อยมาวิจารณ์ทีหลังว่าทำไมเทน ฮาก ไม่ทำอย่างนู้นอย่างนี้ (เพราะผู้จัดการทีมก็ไม่ได้ล่วงรู้อนาคตมาก่อนเหมือนกัน)

การตัดสินใจดำเนินการในแต่ละจุดของเกม ทุกจุดเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นอยู่แล้ว ไม่ได้มีอะไรรู้สึกติดขัดหรือไม่เห็นด้วย

(ถ้ามีอะไรที่ไม่เห็นด้วยกับเอริคผู้เขียนก็จะเขียนวิจารณ์หรือตำหนิเลยอยู่แล้ว แต่อะไรที่เห็นด้วยก็ต้องบอกว่าเห็นด้วยเช่นกัน)


หลายๆครั้งการวิจารณ์มักจะเกิดขึ้น "หลังเกมการแข่งขันจบ" ซึ่งพอเหตุการณ์มันเกิดขึ้นมาแล้วคนดูอยากจะพูดอะไรก็พูดได้ทั้งนั้น(รวมถึงคนเขียนเช่นกัน) ว่าจะต้องเป็นแบบนี้ จะต้องเป็นแบบนั้น คนนี้จะต้องได้ลง คนนั้นควรออก ฯลฯ เพราะเกมมันจบแล้ว มันเกิดเรื่องแล้ว ใครก็สามารถพูดได้ ผมก็พูดได้เหมือนกันในลักษณะของการเก่งหลังเกม

แต่ของจริงที่เอริค เทน ฮากต้องเจอ มันคือหน้างานที่ต้องแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าจริงๆโดยที่เขาไม่ได้รู้ผลมาก่อนว่า คู่แข่งจะทำแบบนี้ นักเตะของเขาจะพลาดแบบนี้ ผู้เล่นของเขาจะถูกใบแดง จะโดนจุดโทษ ฯลฯ เอริคไม่รู้

เพราะงั้นการวิจารณ์ เราจะมาดูการตัดสินใจของเทน ฮาก ด้วยบริบทของช่วงเวลาในเกม ณ ขณะนั้นจริงๆ ว่าเขาทำอะไรผิดถูกมากน้อยแค่ไหน ซึ่งสิ่งที่ผู้เขียนมองเห็นประเด็นหลักๆในการปรับแทคติกแก้สถานการณ์เมื่อวาน มีอยู่ประมาณ 3-4 จุดที่พิจารณาแล้วก็ตรงกันกับสิ่งที่เอริค เทน ฮาก ทำในสนามเป๊ะๆ จึงคิดว่าเกมเมื่อวานปัญหาไม่ได้อยู่ที่ผู้จัดการทีม หรือ นักเตะเป็นหลัก แพ้แค่เพราะเสียเปรียบหนักจากใบแดงเท่านั้นเอง

ในด้านแทคติกมีจุดที่น่าสนใจดังนี้


1. ประเด็นแรก หลังจากที่เริ่มโดนใบแดง และนำอยู่ 0-2 หลายๆคนคิดว่าจะต้องรีบปรับเกมเพื่อแพ็คป้องกันทันทีถึงจะถูก(เพราะนำอยู่) เทน ฮาก ไม่ยอมอุด ปล่อยให้ทีมเปิดเกมเหมือนเดิม จึงทำให้โดนไล่ตามมาทีละลูกจนพลาดเสมอ 2-2

: ข้อนี้ผมไม่ได้คิดว่าเอริค ทำผิดอะไรในด้านการปรับเกม ทีมเราเหลือ10คนก็จริง แต่ตัวที่ออกไปคือนักเตะตัวรุก (RW : แรชฟอร์ด) ดังนั้นก็เหมือนทีมมีตัวรุกลดลงไปอยู่แล้ว ขณะที่กองกลางกองหลังยังอยู่กันเท่าเดิม การโยกบรูโน่ไปขวาที่หลายคนร้องยี้ มันไม่ได้เป็นอะไรที่คอขาดบาดตายขนาดนั้น

บรูโน่คือตัวรุกที่ยังมีสกิลเซ็ตและคุณสมบัติของมิดฟิลด์อยู่ การมีเขาก็เหมือนมีพลังงานของมิดฟิลด์ติดเอาไว้ด้านบนอยู่แล้วหนึ่งตัว เราใช้งานในจุดนี้ได้

ขณะที่การถอด การ์นาโช่ หรือ ฮอยลุนด์ ออกทันทีตามแนวคิดของบางคอมเม้นในsocial ข้อนี้ผมเขียนเอาไว้ชัดเจนตั้งแต่ก่อนพักครึ่ง และเอริคก็ทำแบบนั้นเช่นกัน นั่นก็คือ นักเตะตัวรุกสองคนนี้ทีมจะต้องทิ้งเอาไว้เพื่อเล่นเกมรุกเร็วในจังหวะtransitionของทีมให้ได้ประโยชน์จริงๆ

การเหลือตัวสปีดแค่ตัวเดียวไว้ในสนามไม่มีประโยชน์ จะเล่นให้เกิดประโยชน์ในจังหวะสวนกลับควรมีตัววิ่งอย่างน้อยๆ 2 คนในสนาม มันจะยังสามารถเล่นร่วมกันและช่วยเหลือกันจนสามารถนำไปสู่การยิงประตูได้

ดังนั้น การ์นาโช่ ฮอยลุนด์ ถูกเก็บไว้ในสนามหลังจากแรชฟอร์ดโดนไล่ออก ข้อนี้ในด้านของวิธีคิดทางการเล่นฟุตบอลในสนาม(จริงๆ ที่ไม่ใช่เกม) มันถูกต้องแล้วเพื่อที่จะ "คงเกมรุก" เอาไว้


2. ถามว่า แล้วถ้าถอดตัวรุกออกคนใดคนหนึ่ง (การ์นาโช่, ฮอยลุนด์) ผิดหรือไม่? เพื่อจะรักษาสกอร์ที่ห่างอยู่ ก็ต้องตอบว่ามันก็ไม่ผิดเช่นกัน ไม่มีอะไรผิด เพราะถ้าถอดออก เราอาจจะรักษาสกอร์ได้ อุดยันจบเกมไหว มันก็เป็นไปได้อีกในด้านเหตุผล ถ้าเราจะพูดถึงในแง่มุมนี้

: แต่อีกด้านหนึ่งมันก็อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกที่สุดเหมือนกัน เพราะมันต้องแลกกับเรื่องที่ว่า มันคือการถอดตัวรุกออกอีกหนึ่งตัว มันก็เหมือนกับการ "ปลดอาวุธ" ตัวเองทิ้งไปด้วย

จากที่ยังเหลือดาบเล่มสุดท้ายเอาไว้ฟาดกับคู่แข่ง คุณจะเหลือแต่โล่ป้องกันทันที จะไม่มีโอกาสไปบุกเขาอีกต่อไป

ตรงนี้มันคือความไม่สมดุลของฟุตบอล และจะกลายเป็นบอลรอโดนอย่างเดียว ดังนั้นถ้าให้เลือก ผมก็เลือกซื้อไอเดียเทน ฮาก ในแง่ที่ว่า หลังจากเหลือสิบคนเขาไม่เปลี่ยนตัว แค่ปรับ shape การยืนให้บรูโน่จากเดิมเล่น AM ตรงกลาง ไปยืนขวาแทนแรชฟอร์ด เพื่อสมดุลของการใช้พื้นที่ในสนามให้มีตัวเล่นทั้งตรงกลาง ฝั่งซ้าย และฝั่งขวา

เพราะแม้จะเอาบรูโน่ออกมาขวา ตรงกลางมันยังมี "ฮอยลุนด์" อีกหนึ่งตัวที่ถอยต่ำลงมายืนแทนบรูโน่ได้ แต่เราไม่สามารถปล่อยให้ปีกขวาโล่งโบ๋ได้ เพราะคู่แข่งจะเติมแบ็คขึ้นมากดใส่ริมเส้นได้ทันที ซึ่งนั่นอันตรายมาก

ดังนั้น เคสแรกที่นำ 0-2 แล้วต้องเหลือ 10คน เอริคปรับบรูโน่ไปขวา กรณีนี้ผู้เขียนคิดว่าไม่ได้เป็นจุดที่มีปัญหาอะไร กับการที่หลายๆคนไม่โอเคกับการนำบรูโน่ไปขวา ครั้งนี้ถือเป็นความจำเป็นที่ยอมรับได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร


3. ในกรณีของแทคติกครึ่งหลัง การใช้อัมราบัตลงมาช่วยแพ็คเกมเพื่อเสริมเกมรับทดแทนเอริคเซ่น และเน้นการครองบอลเป็นอาวุธหลักในการสู้กับโคเปนเฮเก้นยามที่ทีมเหลือกันแค่ 10 คน ทำได้ดีมากแล้วจนยิงแซงได้

: ช่วงครึ่งหลังที่ลงมา เราเห็นแทคติกที่ปรับเปลี่ยนมาชัดเจนจากเทนฮากว่า ทีมพยายามจะ "เน้นการครองบอล" เป็นหลัก เก็บบอลไว้กับตัวเองให้ได้อย่างที่เห็น ถ้าขึ้นเกมไม่ได้ หาโอกาสไม่ได้ ก็จะเซฟด้วยการไม่เสียบอล ให้กองหลังสองตัว และกลางต่ำอย่างอัมราบัต ค่อยๆถ่ายบอลไปเรื่อยๆ เน้นเก็บบอลให้นานที่สุดถ้าไม่ชัวร์ก็ไม่ขึ้นจริงๆ

แทคติกนี้ได้ผลตรงที่เราไม่โดนโคเปนเฮเก้นบุกกดต่อ เนื่องจากบอลยังอยู่ในการครอบครองของทีมเรา ดังนั้นเขาก็ต้องอดทนรอจังหวะแย่งบอลมาสวนเท่านั้นเช่นกัน

ถ้าเราไม่พลาด โคเปนฯก็หมดโอกาสบุกเหมือนกันเพราะบอลยังอยู่กับเท้าเรา

แต่มันจะไม่สมบูรณ์ ถ้าครองบอลได้อย่างเดียว เราต้องพยายามดันเกมขึ้นหน้าเพื่อไปบุกหรือกดดันพื้นที่สุดท้ายพวกเขาด้วย ดังนั้นจังหวะที่ทีมดันเกมขึ้นได้ ต้องหาทางทำยังไงก็ได้เพื่อสร้างจังหวะยิง หรือส่งบอลเข้าไปให้ใกล้โกลมากที่สุดเพื่อจะ "สร้างโอกาส" แบบที่โคเปนเฮเก้นกดดันใส่เราจนได้จุดโทษ

อย่างน้อยเราพาบอลขึ้นหน้าให้ได้ก็พอ เดี๋ยวโอกาสมันตามมาเอง

และก็มาจริงๆจากจุดโทษที่เราเรียกคืนมาได้ในจังหวะที่โดนแขนเขาเหมือนกัน (กรรมการเองก็คงไม่กล้าขัดขืนอะไรเพราะเป่าให้โคเปนฯไปแล้ว ลองไม่เป่าให้เราดูก็เตรียมตัวจมตีนเหมือนกัน)

จุดที่เราครองบอลได้ = เขาก็มาบุกเพิ่มไม่ได้
ต่อบอลขึ้นหน้า พยายามโจมตีเข้าไป = เป็นการสร้างโอกาสให้เกิดขึ้น และสำเร็จจากการได้จุดโทษและยิงเข้าไป

ในด้านของวิธีการในสนาม ทีมทำได้ "สำเร็จ" อย่างที่เทน ฮาก ต้องการ และทีมขึ้นนำ 2-3 ได้ทั้งๆที่ตัวเล่นน้อยกว่าจากการเป่าใบแดงแบบที่ทีมเราไม่สมควรจะได้รับ แค่ขึ้นนำได้ขนาดนี้ ส่วนตัวผมก็ถือว่าทีมสู้กันจนสุดชีวิต ทั้งพลังใจ และแผนที่ปรับลงมาจนมันทำสำเร็จ แค่นี้ก็น่ายกย่องแล้ว

ด้วยวิธีคิดมันถูกต้องตรงเป๊ะ

ก่อนที่เราจะพูดกันถึงการครองบอลและไปบุกเพื่อยิงแซงได้ มันจะต้องมาจากเกมหลังบ้านที่แข็งแกร่งก่อน ผู้เขียนโพสต์เรื่องนี้ไว้ในช่วงพักครึ่งถึงการระบุตัวเล่นที่ต้องเปลี่ยนลงมา ก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ นั่นคือการใช้ อัมราบัต แทน เอริคเซ่น

แปลว่าวิธีคิดตรงนี้มันถูกต้องตามหลักเหตุผลแล้ว เพราะถ้าพิจารณาจากการที่เราเหลือตัวน้อยกว่าและต้องเน้นเกมรับ เน้นการแพ็คเกมไว้ก่อนเป็นหลัก มันก็ต้องแก้กันที่จุดบริเวณแผงมิดฟิลด์นี้แหละ

มันก็จริงที่อัมราบัตอาจจะไม่ได้มีฟอร์มที่โดดเด่นอะไร แต่การมีเขายืนห้อยต่ำอยู่เพื่อช่วยสองเซ็นเตอร์ของเราให้มีตัวรับบอลบ้าง มันก็ทำให้ "ระบบ" และแผนในครึ่งหลังมันรันต่อไปได้ เรื่องความผิดพลาดของอัมราบัตเป็นจุดที่เอริค เทน ฮาก ไม่ได้อยากจะให้เกิดขึ้นว่าเขาพลาดและทีมจะโดนบุก มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม

นักเตะก็ไม่ได้อยากให้เกิดขึ้นเหมือนกัน

เพราะงั้นถ้าเราพิจารณากันแต่เรื่องวิธีคิดของเทน ฮาก ในการแก้เกม เขียนมาจนถึงตรงนี้ผมก็ยังมองเห็นอยู่ว่าเทน ฮาก ก็ปรับทีมตามสถานการณ์ในสนามได้เหมาะสมแล้วจนมันสร้างผลลัพธ์ได้ นั่นคือคำตอบแล้วว่าเอริค คิดถูก ซึ่งมันก็ตรงกันกับที่ผมคิดและเขียนไว้ในพักครึ่ง เพราะนั่นคือมุมมองการปรับทีมที่พิจารณาตามสถานการณ์จริงหน้างาน ไม่ได้เขียนเพราะหยั่งรู้อะไรมาก่อนว่านักเตะคนไหนมันจะพลาด แล้วต้องรีบถอดคนนี้ออก

คุณรู้ล่วงหน้ารึเปล่าว่าคนนั้นคนนี้จะพลาดเลยต้องถอดออก? ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า ถ้าไม่ใช่เอเรน เยเกอร์ ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่านักเตะของเราในสนาม ใครจะเล่นผิดพลาด

สมมติว่าวันนี้คนพลาดท้ายเกมคือโอนาน่า จะทำยังไง เทน ฮากต้องเปลี่ยนโกลก่อนเขาพลาดใช่หรือไม่ เทน ฮากถึงจะทำถูก


4.ในกรณีช่วงท้ายเกม ฮอยลุนด์วิ่งไล่บอล บี้กับคู่แข่งจนขาหมดพลังแล้ว ยังไม่รวมถึงกรณีที่เราต้องถนอมสภาพร่างกายของเขาเอาไว้ ดังนั้นการถอดฮอยลุนด์ออกช่วงท้ายจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และการจะเอาเมสัน เมาท์ ลงมาเล่น False Nine เพื่อใช้ความสดไล่บอลอยู่ด้านหน้าแผงมิดฟิลด์ เป็นไอเดียที่เหมาะสมอยู่แล้วเช่นกัน

และถ้าสังเกตจริงๆ EtH จะเอาเมาท์ลงมาตั้งแต่ก่อนโดนตีเสมอ 3-3 แล้วซะด้วยซ้ำ ข้อนี้ผมไม่สามารถว่ากล่าวเขาได้เลยว่าขยับตัวช้าไป

หลายคนอาจสงสัยว่าเอาเมาท์ลงมาทำไม เอาฮอยลุนด์ออกทำไมทั้งที่เก็บบอลได้ เมาท์เก็บบอลไม่ได้ จริงๆเหตุผลมันก็ชัดอยู่แล้ว ในยามที่ทีมเสียเปรียบเรื่องตัวผู้เล่น การจะ "เก็บบอล" เป็นสิ่งที่ยากมาก ถ้าแลกกันระหว่าง ตัวเก็บบอล(ทั้งที่ทีมไม่ได้บอลอยู่แล้ว) กับตัว "ไล่บอล" อย่างเมสัน เมาท์

เราจำเป็นต้องใช้เมาท์ มากกว่าฮอยลุนด์แล้วในวินาทีนั้น เนื่องจากเค้าต้องครองบอลและโจมตีมาจากแนวหลังแน่ๆ พลังงานของเมสัน เมาท์ สำคัญมากๆในช่วงท้ายเกม

การส่งเมาท์ลงมา ผมจึงยังไม่เห็นเลยว่ามีจุดไหนบกพร่อง หรือเป็นวิธีคิดที่ผิดในเรื่องนี้

5. ในเคสดาโลต์ที่หลายๆคนเรียกร้องเรกีลอน อย่างที่อธิบายมาแล้ว ข้อนี้เป็นกรณีที่ค่อนข้างขัดแย้งกันอยู่ (controversial) ในมุมมองแฟนบอลหลายๆฝ่าย บางคนอาจจะพิจารณาว่า ดาโลต์ก่อความผิดพลาดส่วนตัวในลักษณะนี้บ่อย ไม่น่าได้ลงสนาม ถึงแม้จะไม่ได้พลาดวันนี้ เอริค เทน ฮาก น่าจะส่งเรกีลอนลงสนาม เพราะนั่นคือแบ็คซ้ายธรรมชาติ

: ในกรณีนี้ ผมก็รู้สึกว่าความเห็นของแฟนบอลในพาร์ทนี้ถ้าจะดูด้วยเหตุผลนี้มันก็ไม่ผิด เราก็สามารถพูดได้ตามนี้อยู่เหมือนกันว่า ใช่ ดาโลต์ไม่ใช่แบ็คซ้ายธรรมชาติ / ใช่ ดาโลต์สร้างความผิดพลาดบ่อย

ถ้าจะบอกว่าเรกีลอนควรได้ลงเพราะคุณสมบัติพื้นฐานของดาโลต์ อันนี้ผมก็มองว่ามันเข้าใจได้

แต่ในอีกด้านหนึ่ง หน้างานเอริค เทน ฮาก เลือกดาโลต์เล่นแบ็คซ้ายเป็นตัวยืนหลักของเราในวันนี้และหลายเกมที่ผ่านมา ส่วนตัวผมไม่มีปัญหาอะไรในจุดนี้ เพราะมองว่า ทั้งดาโลต์ เรกีลอน มีคุณค่าในตัวเองอยู่ และต่างมีจุดอ่อนในตัวเช่นกัน

EtH จะส่งใครลงก็ได้ผมไม่มีปัญหา เพราะผมเชื่อว่าเขาจะต้องมีเหตุผลอยู่แล้วในการเลือก ซึ่งไม่ว่ามันคืออะไร ผมเคารพในสิ่งนั้น ถ้าจะให้เขียนเหตุผลจริงๆ เราก็เดาไม่ถูกว่าเทน ฮาก มองยังไงบ้างที่เลือกดาโลต์ลงก่อนเรกีลอน แต่ถ้าให้มองหาเหตุผลอาจจะตอบได้ดังนี้

5.1 ดาโลต์เล่นแบ็คซ้ายได้ ใช่ว่ามันจะเล่นไม่ได้

5.2 เขาได้ลงสนามมาต่อเนื่อง เทน ฮากคงต้องการใน "ความต่อเนื่อง" ตรงนี้ของดาโลต์ ที่มีเรื่องของฟอร์มและความมั่นใจอยู่ จากการลงเป็นตัวจริงหลักมาอย่างต่อเนื่อง อย่างที่เขาให้สัมภาษณ์เรื่องการสร้าง "routine" เป็นสำคัญครับ การที่หลายๆตัวได้ลงสนามซ้ำๆคือวิธีการทำให้ฟอร์มการเล่นของทีมนิ่งได้ ข้อ 5.2 นี้ * **ไว้ได้เลย

5.3 อาจจะเรื่องเกมรับลูกกลางอากาศ ถึงจะบอกว่าลูกโด่งดาโลต์มีปัญหา แต่เรกีลอนก็มีจุดด้อยเรื่องลูกโด่งเหมือนกัน แย่กว่าดาโลต์อีกเพราะน้องตัวเล็ก เทน ฮากอาจจะมองจุดนี้ครับ

แต่เราก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้เช่นกันครับว่า ดาโลต์ของเราพลาดลูกในลักษณะที่ถูกสอดมาข้างหลังแบบนี้บ่อยมากๆ ถ้าหลายๆคนอยากให้เรกีลอนลงก่อนเพราะทำเกมบุกซ้ายได้ดี และไม่ได้พลาดแบบดาโลต์คล้ายๆอย่างนี้ก็อาจจะพูดได้เหมือนกัน ข้อนี้เอริคเองก็ไม่รู้หรอกครับ เพราะถ้าดาโลต์ไม่พลาดลูก 3-3 ก็จะไม่มีใครสนใจประเด็นนี้เหมือนกัน

ย้อนกลับมาในหน้างาน บางคอมเม้นบอกควรเปลี่ยนดาโลต์ออก แต่ในยามที่ทีมสู้มาจนถึงช่วงสิบนาทีสุดท้ายแล้ว และมันไม่ได้เกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆเราจะเปลี่ยนนักเตะซึ่งกำลังมุ่งมั่นตั้งใจเล่นอยู่ในสนามออกหรือไม่ โดยที่นักเตะไม่ได้ถึงขนาดล้าวิ่งไม่ไหว หรือมีอาการบาดเจ็บอะไร

อย่างที่บอกไปแล้ว เอริค เทน ฮาก ไม่มีทางรู้ว่าอยู่ดีๆคู่แข่งจะเอาชนะดาโลต์ได้ในจังหวะนั้นและมายิงเข้าไปเป็นประตู 3-3 ซึ่งเป็นจุดสำคัญของวันนี้

สรุปแบบง่ายๆคือ ก่อนหน้าที่จะเสียลูกนั้น มันไม่ได้มีเหตุอะไรให้ต้องเปลี่ยนดาโลต์ออก เพราะร่างกายก็ยังไหวอยู่ เพราะงั้นเราก็คิดว่าการที่เขายังอยู่ในสนาม และการไม่ได้เปลี่ยนตัวเพิ่มนอกจากที่ส่งเมาท์ลงไป มันไม่ได้มีอะไรผิดพลาดในเชิงแทคติกเลย

ทีมครองบอลจนนำคู่แข่งได้ และพยายามรักษาสถานการณ์ให้ได้เปรียบต่อไปด้วยทรงบอลและ "mentality" ในสนามที่นักเตะในสนามโคตรสู้ มันคือเรื่องจิตวิทยาเหมือนกันเพราะบางทีนักเตะจากม้านั่งสำรองอาจจะไม่ได้ดุดันหรือมุ่งมั่นเท่าตัวที่กำลังอยู่ในสนามอยู่แล้วและสารเคมีในสมองมันหลั่งออกมาเพื่อที่จะต่อสู้

เพราะงั้นในเรื่องแทคติกในสนาม ไม่ได้มีปัญหาใดๆ หรือไม่มีความจำเป็นอะไรอื่นที่ต้องปรับทีมแล้ว แม้กระทั่งเรื่องที่โดนครอสบอล จะให้ทีมป้องกันยังไงได้มากกว่านี้เมื่อเราเหลือกันแค่ 10 คนในสนามแล้ว อย่างที่บรูโน่ แฟร์นันด์ส ให้สัมภาษณ์หลังเกม(ที่เพิ่งเขียนโพสต์เมื่อกี๊ไป) ว่าพวกเขาต้องเจอกับการวิ่งคัฟเวอร์พื้นที่ไล่ตามบอลตลอดเวลาซึ่งมันยากมากที่สิบคนจะป้องกันตรงนี้ได้หมด

ดังนั้นหลักๆมันจึงไม่ได้แพ้เพราะปัญหาในเชิงแทคติก แต่เกิดจากความเสียเปรียบเพราะเราเหลือสิบคนจากโดนใบแดงเป็นเหตุผลสำคัญ

เรื่องมีแค่นั้นเองจริงๆ

#BELIEVE

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด