:::     :::

ทีมห้างยาพร้อมท้าทายบัลลังก์แชมป์ลีกเมืองเบียร์

วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2566 คอลัมน์ เล่าเก่าก้าวใหม่ โดย Latino
531
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เลเวอร์คูเซ่น ภายใต้การดูแลของ ชาเบียร์ อลอนโซ่ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าทาย บาเยิร์น มิวนิค แบบเต็มตัวในฤดูกาลนี้

เลเวอร์คูเซ่น ของ ชาเบียร์ อลอนโซ่ กำลังก้าวขึ้นมาท้าทายแชมป์บุนเดสลีกาของ บาเยิร์น มิวนิค อย่างเต็มตัวในฤดูกาลนี้ จนหลายคนมองว่าทีมห้างยามีดีพอที่จะโค่นทีมเสือใต้ตกบัลลังก์แชมป์ได้เช่นกัน ซึ่งมี 5 เหตุผลที่สนับสนุนแนวคิดดังกล่าว

1.การสอบผ่านบททดสอบใหญ่ช่วงต้นซีซั่น

หลังจากฤดูกาลที่แล้วภายใต้การดูแลของ อลอนโซ่ ที่ปั่นทีมห้างยาจากรองบ๊วยขึ้นมาจบอันดับ 6 ของบุนเดสลีกา มีการมองโลกแง่ดีอยู่แล้วรอบๆ ไบอารีน่า ก่อนเทรนเนอร์ชาวสเปนจะคุมทีมลงเล่นเต็มฤดูกาลปีแรก แม้จะมีความกังวลเกิดขึ้นบ้างหลังบุนเดสลีกาคลอดโปรแกรมแข่งขันซีซั่นใหม่ 

แต่ เลเวอร์คูเซ่น ประเดิมฤดูกาลด้วยการสยบ แอร์เบ ไลป์ซิก แชมป์ เดเอฟเบ โพคาล ด้วยสกอร์ 3-2 จากนั้นก็ไปเยือนคู่ปรับสำคัญอย่าง มึนเช่นกลัดบัค ต่อด้วยเกมรับมือน้องใหม่ ดาร์มสตัดท์ ซึ่งเด็กๆของเทรนเนอร์ชาวสเปนไม่ปล่อยชัยชนะหลุดมือทั้งสองเกม


อลอนโซ่ พบบททดสอบสำคัญหลังผ่านพ้นช่วงเบรคทีมชาติรอบเดือนตุลาคมด้วยโปรแกรมเยือนแชมป์เก่า บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งทีมห้างยาบุกควักหนึ่งแต้มออกมาจากมิวนิคสำเร็จจากการสังหารจุดโทษช่วงนาที 90+4 ของ เอเซเกล ปาลาซีออส นั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาต้องต่อสู้เพื่อคะแนนกับการตามหลังแทนที่จะปกป้องหลังการทำประตูขึ้นนำคู่แข่ง

'ผมคิดว่าวันนี้เราแสดงให้เห็นแคแร็กเตอร์ที่ยิ่งใหญ่แล้วด้วยการตามหลัง 2 ครั้ง 0-1 และ 1-2 การกลับมาแสดงให้เห็นแคแร็กเตอร์ที่ยิ่งใหญ่ของทีม' กรานิต ชาคา มิดฟิลด์ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ของทีมห้างยากล่าวหลังเกมเสมอทีมเสือใต้ 2-2

จากนั้น เลเวอร์คูเซ่น เดินหน้าคว้าชัยชนะ 7 เกมติดต่อกันก่อนเข้าช่วงเบรคทีมชาติรอบเดือนพฤศจิกายน โดยนำเป็นจ่าฝูงบุนเดสลีกาด้วยสถิติชนะ 10 เสมอ 1 เก็บ 31 คะแนนเทียบเท่าสถิติสูงสุดของลีกเมืองเบียร์ หลัง บาเยิร์น มิวนิค ยุค เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เคยทำสถิติดังกล่าวในซีซั่น 2015-2016

2.การสร้างทีมในอุดมคติ

บาเยิร์น มิวนิค เป็นทีมขโมยซีนในตลาดซัมเมอร์ด้วยการเซ็นสัญญากับ แฮร์รี่ เคน กองหน้าทีมชาติอังกฤษที่ย้ายมาจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ด้วยค่าตัวเกือล 100 ล้านยูโร แม้ว่าการทำงานของ เลเวอร์คูเซ่น ในตลาดช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมาจะน่าจับตามองก็ตาม แม้ว่าทีมห้างยาจะสูญเสียแนวรุกสำคัญอย่าง มุสซ่า ดิยาบี้ คนทำประตูสูงสุดของทีมในฤดูกาลที่แล้วจะย้ายค้าแข้งกับ แอสตัน วิลล่า ก็ตาม

แต่การปล่อย ดิยาบี้ ด้วยค่าตัว 55 ล้านยูโรทำให้ เลเวอร์คูเซ่น มีงบประมาณเพียงพอสำหรับการเซ็นสัญญากับ 4 แข้งใหม่ตามความต้องการของ อลอนโซ่ ทั้ง ชาคา จาก อาร์เซน่อล, โยนาส โฮฟมันน์ จาก มึนเช่นกลัดบัค, วิคเตอร์ โบนีเฟซ จาก แซงต์ ชิลลัวส์ และ อาเลฆานโดร กรีมาลโด้ จาก เบนฟิก้า

ชาคา นำประสบการณ์มากมายมาสู่ทีมห้างยาของ อลอนโซ่ หลังการค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล ในช่วงปี 2016-2023 และยังเคยเล่นกับ มึนเช่นกลัดบัค ในช่วงปี 2013-2016 จึงไม่ต้องเสียเวลาในการปรับตัวเข้ากับบุนเดสลีกา


ขณะที่ โฮฟมันน์ พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการเล่นเกมรุกตลอดช่วง 8 ปีที่ค้าแข้งกับทีมสิงห์หนุ่มก่อนหน้านี้ ด้าน กรีมาลโด้ ที่ย้ายจากทีมเหยี่ยวลิสบอนแบบไม่มีค่าตัวเข้ามาช่วยเติมเต็มตำแหน่งแบ็กซ้ายที่เคยเป็นปัญหาของทีมก่อนหน้านี้ ส่วน โบนีเฟซ มีดีกรีเป็นถึงดาวซัลโวสูงสุดของเวทียูโรปาลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้งหมดต่างสร้างผลกระทบต่อทีมห้างยาทันที

อลอนโซ่ เลือกใช้นักเตะเพียง 12 คนจาก 11 ตัวจริงของเขา โดยมี 7 คนลงเล่นทีมเดียวกันถึง 8 จาก 11 เกม และมีการเปลี่ยนผู้เล่นสำรองเพียง 7 คน ซึ่งน้อยกว่าครึ่งของทีมอื่นๆ แต่เขามีตัวเลือกครอบคลุมทุกตำแหน่งหากจำเป็น โดยรอเพียงการกลับมาของ พาทริค ชิค เพื่อเพิ่มคุณภาพการแข่งขันสูงสุดในแนวรุกเท่านั้น หลังอาจมีนักเตะถึง 5 คนที่จะพลาดเกมหลังช่วงปีใหญ่จากการเดินไปทำศึก แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ 

'เรามีนักเตะใหม่ดีๆ 2-3 คนอย่าง กรานิต, โยนาส, กรีมาลโด้ ซึ่งนำความเป็นมืออาชีพและคุณภาพมากมายมาสู่ทีม' ลูคาช ฮราเดชกี้ นายทวารชาวเช็กกล่าว

3.ปัจจัย X

ชาเบียร์ อลอนโซ่ เข้ามาสร้างผลกระทบต่อ เลเวอร์คูเซ่น นับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งเทรนเนอร์ในเดือนตุลาคมปี 2022 เขานำทีมห้างยาประเดิมสนามด้วยการเก็บชัยชนะเหนือ ชาลเก้ 4-0 ซึ่งเก็บการกำชัยมากสุดในการคุมทีมลงเล่นนัดแรกของโค้ช เลเวอร์คูเซ่น 

แม้หลังจากนั้น เลเวอร์คูเซ่น จะไม่ชนะใครจากการลงเล่น 6 นัดติดต่อกันก็ตาม เนื่องจาก อลอนโซ่ ยังต้องใช้เวลาในการสร้างผลงงานให้กับทีมที่สูญเสียความมั่นใจ ก่อนทีมห้างยาจะเริ่มเดินเครื่องตามแนวทางของเทรนเนอร์ชาวสเปนโดยทำสถิติไม่แพ้ใครนาน 2 เดือนระหว่างมีนาคมและเมษายนเพื่อผลักดันพวกเขาสู่เวทียุโรป

ผ่านมา 12 เดือนในฐานะนายใหญ่ เลเวอร์คูเซ่น ทีมของเขามีความโดดเด่นมากขึ้น คนที่คุ้นเคยกับชัยชนะในฐานะนักเตะได้ปลูกฝังสิ่งนั้นให้กับทีมของเขาในฐานะเทรนเนอร์ 


'ผมคิดว่าวันนี้เราเล่นในระดับเดียวกัน' อลอนโซ่ กล่าวถึงเกมเสมอ บาเยิร์น มิวนิค 'เราได้แสดงให้เห็นถึงบุคลิกภาพ เราได้แสดงให้เห็นถึงคุณภาพ เราได้แสดงให้เห็นถึงสภาพจิตใจแล้ว และนั่นคือสิ่งสำคัญที่เราต้องการต่อยอด และจะมีช่วงเวลาที่แย่กว่านั้นมาถึง และนั่นคือเวลาที่เราต้องอยู่ร่วมกัน นั่นเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลและเป็นส่วนหนึ่งของฤดูกาล แต่จนถึงตอนนี้ เรามีความรู้สึกที่ดี'

ความรู้สึกที่ดีนั้นจะเป็นสิ่งที่ อลอนโซ่ และทีมของเขาจะต้องดำเนินการตลอดฤดูกาลอันยาวนาน ซึ่งรวมถึงรายการ เดเอฟเบ โพคาล และ ยูโรปาลีก ด้วยเช่นกัน ก่อนหน้านี้มีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้นมากมายที่ ไบอารีน่า ตั้งแต่ยุคของ ปีเตอร์ บอสช์ หลังการเผชิญหน้ากับ บาเยิร์น มิวนิค ก่อนที่ฟอร์มของพวกเขาจะตกจากหน้าผา

แน่นอนว่ามีการพูดถึงเรื่องราวในอดีตเกี่ยวกับ เลเวอร์คูเซ่น ในฐานะรองทริเปิ้ลแชมป์เมื่อปี 2002 ทั้ง บุนเดสลีกา, เดเอฟเบ โพคาล และ แชมเปี้ยนส์ลีก รวมถึงการปล่อยแชมป์ลีกเมืองเบียร์หลุดมือในเกมสุดท้ายเมื่อ 2 ปีก่อนหน้านั้นจนได้รับฉายาว่า 'Neverkusen' แต่ อลอนโซ่ และลูกทีมคาดหวังถึงการลบภาพฝันร้ายเหล่านั้นในฤดูกาลนี้ 

4.ประสิทธิภาพ 

การเอาชนะความท้าทายทางจิตใจตลอดทั้งฤดูกาลเป็นการทำงานที่ไม่ได้เห็นผลทันตา แต่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่า อลอนโซ่ สามารถสร้างผลกระทบในสนามจากการสร้าง เลเวอร์คูเซ่น ทำผลงานในการเล่นเกมรุกที่โดดเด่นในฤดูกาลนี้ หลังการกระทุ้ง 34 ประตูจากการลงเล่น 11 เกม กลายเป็นสถิติใหม่ของสโมสร ผ่านมาจนถึงตอนนี้ทีมห้างยาของเทรนเนอร์ชาวสเปนยังทำอย่างน้อย 2 ประตูในแต่ละเกม และเกือบทุกนัดจากการลงเล่นทุกรายการ 17 เกม ยกเว้นนัดบุกชนะ การาบัก 1-0 บนเวทียูโรปาลีกเท่านั้น

เลเวอร์คูเซ่น ไม่เพียงแค่เล่นฟุตบอลสวยงามอย่างที่เราเคยเห็นในอดีตเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ พวกเขาตามหลัง บาเยิร์น มิวนิค เพียงทีมเดียวสำหรับการยิงตรงกรอบ 182 ต่อ 215 ครั้ง 


ขณะที่ทีมดังแคว้นบาวาเรียทำประตูมากสุดของลีกจำนวน 42 ประตูมากกว่า เลเวอร์คูเซ่น ที่ทำ 34 ประตู แต่นั่นมาจากเกมที่ทีมเสือใต้ยิงสลุต โบคุ่ม (7-0) กับ ดาร์มสตัดท์ (8-0) 

ระบบ 3-4-3 ของ อลอนโซ่ ยังเอื้อประโยชน์ต่อการเล่นเกมสวนกลับเร็ว หลังการทำประตูจากการโต้กลับถึง 23 ครั้ง และมาจากช่วงก่อนจบครึ่งแรกุถึง 7 ครั้ง ขณะเดียวกัน โบนีเฟซ กองหน้าวัย 22 ปียังมีโอกาสสับไกทำประตูถึง 62 ครั้ง มากกว่า แฮร์รี่ เคน สับไกยิงเพียง 47 ครั้ง ปัจจุบัน โบนีเฟซ ทำ 7 ประตูกับ 5 แอสซิสต์ 

5.ความแข็งแกร่ง

นักเตะของ อลอนโซ่ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นทีมที่ครอบครองเกม โดยมีกองกลางที่ทำหน้าที่บงการเกมและเชื่อมโยงระหว่างเกมรุกและรับ เขาทราบดีถึงการมีคุณภาพในจังหวะสุดท้ายและมีการเชื่อมต่อคงเส้นคงวา เมื่อนั้นประตูก็จะมาถึง นั่นเป็นความพยายามส่วนใหญ่ที่เขาป้อนสู่ทีมห้างยานับตั้งแต่มาถึง ไบอารีน่า

แน่นอนว่ามันต้องใข้เวลาพอสมควรในการค้นหาทั้งระบบและบุคลากรที่เหมาะสมกับแนวทางของเขา และตอนนี้ อลอนโซ่ มีความสมดุลทึ่เขาต้องการจากระบบ 3-4-3 ซึ่งจะเห็นผู้เล่นเกมป้องกัน 5 คนและผู้เล่นเกมรุก 5 คน

เลเวอร์คูเซ่น มีเปอร์เซ็นต์การครองบอล 58 เปอร์เซ็นต์ สูงสุดอันดับ 2 ของบุนเดสลีกา เพิ่มขึ้นเล็กน้อยทั้งสัดส่วนและอันดับ (อันดับ 5 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว) ส่วนความแตกต่างที่แท้จริงคือสิ่งที่พวกเขาทำกับลูกบอล หลังทีมห้างยาเป็นผู้นำในการจ่ายบอลในแดนคู่แข่งจำนวน 3,904 ครั้ง มากกว่า บาเยิร์น มิวนิค ที่จ่ายบอล 3,330 ครั้ง โดยจ่ายบอลสำเร็จ 90.2 เปอร์เซ็นต์ แซงหน้าทีมเสือใต้ที่จ่ายบอลสำเร็จ 89.7 เปอร์เซ็นต์


ผลกระทบที่ อลอนโซ่ มีต่อทีมทั้งสไตล์การเล่นและความมั่นใจ ยกกรณีตัวอย่างจาก โจนาธาน ทาห์ ที่ตอนนี้กลายเป็นตัวหลักในแนวรับ 3 คนของ เลเวอร์คูเซ่น เขาทำผลงานยอดเยี่ยมในการเผชิญหน้ากับ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยการจ่ายบอลสำเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์จากการผ่านบอล 56 ครั้ง

การทำงานหนักยังเป็นหัวใจสำคัญของทุกอย่างที่ อลอนโซ่ พยายามปลูกฝังแก่ลูกทีม ผ่านมาจนถึงตอนนี้ เลเวอร์คูเซ่น วิ่งรวมกันแซงหน้า บาเยิร์น มิวนิค ประมาณ 4 กิโลเมตรในการเล่นที่ ไบอารีน่า หลังอยู่อันดับ 6 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด