:::     :::

โนโบรุ ชิมูระ แบตเตอรีแดนกลาง การท่าเรือ

วันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,242
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
14 นัด คือสถิติที่ระบุว่า การท่าเรือ เอฟซี ไม่สามารถเอาชนะ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้เลย

ครั้งสุดท้ายที่ การท่าเรือ บดเอาชนะอาคันตุกะจากดินแดนอีสานใต้ ต้องบิดเข็มนาฬิกากลับไปเมื่อปี 2014 หรือเมื่อ 9 ปีที่แล้ว 

โดยระยะเวลาดังกล่าวคือยุคที่ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ เข้ามาเป็นประธานสโมสรดังจากย่านคลองเตย 

ดังนั้นการเจอกันระหว่าง การท่าเรือ กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทุกครั้งจึงไม่ต่างจาก งูเหลือม เจอเชือกกล้วย เพราะ “สิงห์เจ้าท่า” มักเป็นเหยื่ออันโอชะให้อดีตแชมป์ไทยลีก 9 สมัยเคี้ยวง่ายๆ เสมอ 


ทุกคนอยู่ได้ด้วยความหวัง แฟนบอล “สิงห์เจ้าท่า” คงไม่ต่างกัน สักวันต้องเป็นวันของเรา สุดท้ายสถิติดังกล่าวถูกปลดล็อกเรียบร้อยแล้ว เมื่อ การท่าเรือ เปิดบ้านแพท สเตเดี้ยม เอาชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในศึกรีโว่ไทยลีก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 ธ.ค.ผ่านมา 

นอกจากจะเป็นการยัดเยียดความปราชัยให้ “ปราสาทสายฟ้า” เป็นเกมแรกของฤดูกาลแล้ว สกอร์ที่ขาดลอยถึง 4-1 ยังทำให้แฟนบอลสะใจเป็นทวีคูณ เพราะเป็นสกอร์ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดนคู่แข่งเอาชนะและยิงประตูได้ 4 ตุง นับตั้งแต่แพ้ สิงห์ เชียงราย 4-0 เมื่อปี 2019 

ที่เจ็บปวดสำหรับแฟนบอล Gu12 มากไปกว่านั้นคือกุนซือที่พา การท่าเรือ คว้าชัยได้เป็นอดีตนักเตะในตำนานและเป็นอดีตนักเตะขวัญใจของทีมอย่าง “โค้ชอ้น” รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค  


การเก็บ 3 แต้มติดต่อกันในลีก 2 นัด น่าจะทำให้ “โค้ชอ้น” ลดความกดดันลงไปไม่น้อย แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือบรรดานักเตะในทีมหลายคนเริ่มกลับมาทำผลงานได้ดีเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น ชาร์ลี คลัฟ กองหลังที่ถูกสบประมาทว่ามักเป็นบ่อน้ำมันให้คู่แข่งเจาะ 

ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ กลับมาเฉิดฉายอีกครั้งในบทบาทใหม่ในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์หมายเลข 10 หาใช่ตำแหน่งที่สร้างชื่อจนก้าวไปติดทีมชาติไทยอย่าง “ปีก” 

รวมไปถึง “ยิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ที่ขยับไปเล่นเป็นกองกลาง แถมเล่นได้อย่างเนียนกริบ โดยเฉพาะการจ่ายบอลแต่ละครั้งล้วนทำให้ทีมได้เปรียบเสมอ 


แต่คนที่อยู่เบื้องหลังทำให้ 2 ห้องเครื่องที่กล่าวมาข้างบนทำให้ผลงานโดดเด่น และไม่ค่อยมีคนพูดถึงคือ โนโบรุ ชิมูระ ฮาร์ดแมนเลือดซามูไรนั่นเอง 

ดาวเตะยอดนักสู้รายนี้ย้ายเข้ามาสู่ครอบครัว การท่าเรือ ในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา 

ห้องเครื่องวัย 30 ปี เล่นในตำแหน่งกองกลางแบบบ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ นอกจากนี้ยังพกความอเนกประสงค์เมื่อสามารถเล่นได้ทั้งกองหลัง, แบ็กขวา และแบ็กซ้ายได้ 


นอกจากนี้ยังผ่านประสบการณ์ค้าแข้งในยุโรปในประเทศ มอนเตเนโกร และล่าสุดก่อนย้ายมาโกยเงินบาทยังเล่นในลีกเซอร์เบีย กับ สปาร์ตัก ซูโบติกา เคยผ่านประสบการณ์ในยูฟ่า ยูโรปา ลีก มาแล้ว 

ทว่าเจ้าตัวไม่เคยลงเล่นในลีกสูงสุดของญี่ปุ่น แต่เคยเล่นระดับเจทูกับ มาชิตะ เซลเวีย ในปี 2021-22 

แม้ ชิมูระ ได้ลงเล่นในศึกรีโว่ไทยลีก ไป 8 นัด ยิงไป 2 ประตู แต่สามารถเข้าไปอยู่ในใจแฟนบอลได้อย่างรวดเร็ว เขาเป็นนักเตะในสไตล์ที่แตกต่างจากกองกลางคนอื่นๆ ของทีม 


โดยกองกลางของ การท่าเรือ จะหนักไปทางใดทางหนึ่งเลย ไม่มีพวกเดินสายกลาง ตัวรับก็จะเป็น สิทธา บุญหล้า, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ชินวัฒน์ วงษ์ไชย หรือ ฟรานต์ ปูโตรส 

หรือไม่ก็เป็นตัวรุกไปเลย ทั้ง ชานุกูล ก๋ารินทร์, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ หรือ ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ 

แต่สไตล์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ ขยัน ทุ่มเท วิ่งขึ้นลงไม่มีหมด เป็นแบตเตอรีเติมพลังให้กับทีม และยังสามารถจ่ายบอล หรือสอดขึ้นไปทำประตูได้ มีเขาคนเดียวที่ทำได้ 


นี่คือจิ๊กซอว์สำคัญ ทำให้แดนกลางของทีมลงตัว พร้อมล่าความสำเร็จในฤดูกาลนี้เรียบร้อยแล้ว และยังเป็นหนึ่งในดีลที่คุ้มค่ามากๆ สำหรับ “การท่าเรือ”​ เลยก็ว่าได้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด