หลายคนย่อมจะคิดถึงนักฟุตบอลมากประสบการณ์ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน ปัจจุบัน มิอูระ อายุปาเข้าไป 56 ปี 10 เดือน กระนั้น เขายังคงโลดแล่นในวงการลูกหนังอาชีพต่อไป
มิอูระ ค้าแข้งกับ “โยโกฮาม่า เอฟซี” สโมสรในศึกเจลีก 1 ญี่ปุ่น ก่อนจะย้ายไปเล่นกับทาง “โอลิเวเรนเซ่” ทีมในลีกรองโปรตุเกส ในรูปแบบการยืมตัว หากย้อนวันเวลากลับไป มิอูระ เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังเป็นครั้งแรก ในช่วงปี 1986
แถมเป็นการเริ่มต้นที่บ้าดีเดือด ด้วยการออกเดินทางไปยังประเทศบราซิล เพียงลำพัง เพื่อเล่นฟุตบอลกับทีมซานโตส ในช่วงปี 1986 แฟนบอลหลายคนยังไม่ลืมตาดูโลกด้วยซ้ำไป นั่นบ่งบอกถึงการค้าแข้งที่แสนยาวนานของเขา
หากนับตัวเลขกัน นี่เป็นปีที่ 37 ติดต่อกันแล้ว ที่เขาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ โดยไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า เขาจะแขวนสตั๊ดในช่วงอายุเท่าใด ? มิอูระ เคยออกมาเปรยว่า เขาจะเล่นฟุตบอลต่อไป ตราบใดที่ร่างกายของเขาอนุญาตให้ทำแบบนั้น
ช่วงนี้ เราลองไปล้วงเคล็ดลับของเขากันหน่อย ในการเป็นนักเตะข้ามเวลา ที่ลงเล่นฟุตบอลอาชีพมาเกือบ 4 ทศวรรษ ทั้งเรื่องปรัชญาการใช้ชีวิต, การดูแลตัวเอง และอาหารการกิน ต้องบอกว่าล้วนเป็นปัจจัยสำคัญ ในการยืนระยะในสนามฟุตบอล
มิอูระ เริ่มต้นกล่าวถึงเคล็ดลับการดูแลตัวเองว่า สิ่งที่สำคัญมากที่สุดเลยคือ เขาจะเน้นไปที่การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการพักผ่อน ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญ ในการฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
นอกจากการนอนหลับพักผ่อน เขายังมองว่า หากกินอาหารที่ไม่เหมาะสมกับการเผาผลาญ ในช่วงวัยอายุขนาดนี้ การลงเล่นฟุตบอล ก็จะไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากร่างกายจะไม่ตอบสนองเหมือนที่อยากจะให้เป็น
หากเจาะลึกรายละเอียดลงไป “คิง คาซู” จะตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้เวลาตี 5 ของทุกวัน ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เช้ามาก เพราะอยากมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น จากนั้น เขาจะมารับประทานอาหารที่เตรียมเอาไว้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาจะกินต้องผ่านความพิถีพิถัน
สำหรับอาหารที่เขานำเข้าปากในแต่ละคำ ถูกคัดสรร และเตรียมขึ้นมา โดยนักโภชนาการ ที่จ้างมาเป็นการส่วนตัว มิอูระ คอยจะเน้นไปที่อาหารที่มีโปรตีนสูง และไขมันต่ำ อาทิ สเต็กเนื้อ (เน้นส่วนที่ไม่มีมัน) รวมถึงสลัด บวกกับน้ำมันมะกอก
พร้อมกันนี้ เขายังมุ่งไปที่ดื่มน้ำผลไม้สดอย่าง “น้ำส้ม” รวมถึงเครื่องดื่มแบบพิเศษ ที่สั่งอิมพอร์ทมาจากประเทศอิตาลี เขาให้ความสำคัญกับเรื่องของอาหารอย่างแท้จริง นี่เป็นปัจจัยเล็กๆน้อยๆที่หลายคนอาจมองข้าม หรือไม่ค่อยให้ความสำคัญ
แต่ไม่ใช่กับนักเตะอายุมากอย่างเขา ที่มองว่าการได้รับพลังงานทางร่างกายที่ถูกต้อง คือสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างมาก
หนึ่งเคล็ดลับที่สำคัญ มิอูระ บอกว่า จงลงเล่นฟุตบอลด้วยความสุข และสนุกกับมันอยู่เสมอ เนื่องจากการมีสภาพจิตใจที่ดี สามารถต่อยอดในการเล่นที่ยืนยาวได้ เหมือนที่เขาพิสูจน์ให้เห็นมาแล้ว บนเส้นทางลูกหนังอาชีพร่วม 4 ทศวรรษ
มิอูระ ย้ำกับทุกคนเสมอว่า เวลาที่เขาก้าวขาลงสนามไป ทั้งการฝึกซ้อม และการแข่งขันจริง เขาจะไม่นำความเครียดติดตัวลงไปด้วยอย่างเด็ดขาด เขาจะไม่มามัวแต่คิดถึงเรื่องของการทำลายสถิติด้านอายุ แม้เรื่องดังกล่าว ถือเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามอง
เขามองว่า หากทำแบบนั้น สภาพจิตใจจะไม่จดจ่ออยู่กับผลงานในสนาม และสมาธิจะไปอยู่กับเรื่องอื่นแทน นั่นคือเรื่องที่สุ่มเสี่ยงเป็นอย่างมาก ผลสุดท้าย ผลงานก็จะออกมาไม่ดี และโอกาสในการลงสนามก็จะลดน้อยตามลงไปด้วย
มิอูระ กล่าวเสริมว่า “เวลาผมลงเล่น หรือฝึกซ้อม ผมไม่ค่อยให้ความสนใจ เกี่ยวกับการสร้างสถิติเป็นนักเตะที่อายุมากสุด ผมจะลืมเรื่องนั้นไปเลย เพราะสุดท้ายแล้ว ผมมองว่า มันเป็นเพียงก้าวธรรมดาเพียงก้าวหนึ่ง และเป็นผลลัพธ์ จากสิ่งที่ผมลงมือทำมาเท่านั้น”
“ผมมองว่า ความรู้สึกของผมที่มีต่อกีฬาฟุตบอล รวมถึงแรงบันดาลใจ ที่อยากจะประสบความสำเร็จในเส้นทางลูกหนัง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย ตั้งแต่ผมก้าวมาเป็นนักเตะอาชีพที่บราซิล ในช่วงปี 1986 ความหลงใหลก็ไม่ได้หายไปเช่นเดียวกัน”
มิอูระ ทิ้งท้ายถึงแนวความคิดเอาไว้อย่างน่าสนใจ เขาไม่ยอมปล่อยให้เรื่องของอายุกลายมาเป็นสิ่งที่หลอกหลอนเขา ในช่วงเวลาที่ยังเล่นฟุตบอลอยู่
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มิอูระ กลายเป็นนักเตะที่อายุมากสุดภายในทีมที่เล่นให้ ซึ่งแข้งบางคนอายุน้อย พอที่จะเป็นลูกชายของเขาได้ด้วยซ้ำไป ช่องว่างระหว่างวัย ทำให้หลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ทำให้เขาต้องพบกับอุปสรรคหรือไม่ ? โดยเฉพาะในเรื่องการเข้ากับคนอื่น
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ทำให้เขาคิดยอมแพ้ต่อกาลเวลา เขาออกมาบอกว่าทุกอย่างอยู่ที่การปรับตัว ไม่เพียงแค่โลกฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโลกแห่งชีวิตจริงด้วย มิอูระ คอยอัพเดทความเป็นไปอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นคนหลงยุค
มิอูระ มองว่า ความพยายาม ในการเรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา ช่วยให้เขาปรับตัว และเข้ากับโลก ที่ยังหมุนไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง และยังเป็นการแสดงออกให้เห็นว่า ในวัยที่ล่วงเลยมาเกือบ 57 ปี เขายังเป็นคนสูงอายุ ที่ไม่ได้มีอีโก้ข่มเด็กรุ่นลูก หรือรุ่นน้องเลย
เขาบอกว่า “ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผมต้องใช้เวลานานมากกว่าคนอื่น โดยเฉพาะการฟื้นฟูร่างกายในแต่ละครั้ง ถึงมันจะเป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่ผมยังคงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะเล่นฟุตบอลต่อไป นี่คือเหตุผลที่ทำให้ผมยังคงเดินหน้าได้อยู่”
“ผมพยายามสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมของผมอยู่เสมอ แม้ว่าพวกเขากำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น หรือบางคนอายุแค่หลัก 20 ปี เท่านั้นเอง เราพูดกันทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องบ้าๆบอๆอีกด้วย เราคุยกันได้หมดเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฟุตบอล ไล่ไปจนถึงเรื่องนอกสนาม”
ดังนั้น ผมจึงไม่เคยรู้สึกอึดอัด ที่ไปอยู่ท่ามกลางนักเตะวัยหนุ่มเลย” มิอูระ กล่าวถึงเคล็ดลับของตัวเอง
นอกจากการรักษาร่างกาย และรักษาสภาพความฟิตแล้ว หนึ่งสิ่งที่มิอูระ มองว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก นั่นคือการ “รักษาความฝัน” มิอูระ กล่าวแบบสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า “ความลับส่วนตัวของผมน่ะหรอ ? จงเก็บรักษาความฝันของตัวเองเอาไว้”
ถือเป็นการตอกย้ำคำกล่าวที่เขาพูดอยู่เสมอว่า ไม่สำคัญว่าคุณอายุเท่าไหร่ แต่สำคัญว่าคุณมีแรงบันดาลใจหลงเหลืออยู่แค่ไหนต่างหาก มิอูระ กล่าวต่อว่า “ย้อนกลับไปปี 1970 คุณพ่อของผมเดินทางไปประเทศเม็กซิโก เพื่อชมการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย“
“คุณพ่อเก็บบรรยากาศในสนาม ด้วยกล้องโบราณแบบ 8mm ดาวดังอย่างเปเล่ ก็ลงสนามด้วย ผมจึงเติบโตมา ด้วยการชมภาพจากวิดีโอของคุณพ่อ ผมกลายเป็นแฟนตัวยงของวงการฟุตบอลบราซิล ตั้งแต่เป็นเด็กตัวเล็ก ผมก็อยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาตลอด”
“ย้อนกลับไปเวลานั้น ประเทศญี่ปุ่น ยังไม่มีลีกอาชีพอย่างเป็นทางการเลย (เจลีก ก่อตั้งในปี 1992) การเริ่มต้นเป็นนักเตะอาชีพที่บ้านเกิด จึงไม่มีทางเป็นไปได้เลย ตอนที่ผมย้ายไปอยู่ที่บราซิล ผมยังไม่ค่อยเข้าใจภาษา และวัฒนธรรม”
“ตามธรรมชาติแล้ว ผมจึงรู้สึกโดดเดี่ยว โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรก เป็นอะไรที่ยากมาก”
วิดีโอ 8mm ของคุณพ่อ นำพาเขาเดินทางไปไกล นอกจากการลงเล่นในลีกบราซิล ที่ตัวเองใฝ่ฝันแล้ว เขายังมีโอกาสสัมผัส กัลโช่ เซเรีย อา อีกด้วย สิ่งที่เขาทำมาทั้งหมด และความประสบความสำเร็จ ในการลงเล่นอย่างยาวนาน คือการไม่เคยทิ้งความฝันของตัวเอง
