:::     :::

ฟุตบอลคือความสุข

วันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม 2566 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
561
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หากเอ่ยถึงชื่อของ "โรนัลดินโญ่"

นี่คือนักเตะพรสวรรค์สูง พร้อมกับมีลีลาที่น่าตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ เขายังเป็นนักเตะที่มีลูกเล่นแสนแพรวพราว และแปลกประหลาด นอกจากนี้ เขานำทริคการเล่นใหม่ๆ ออกมาสู่สายตาแฟนบอลอยู่เสมอ 


บางคนเปรียบเปรยว่า เมื่อลูกฟุตบอลอยู่กับเท้าของเขา เหมือนกับศิลปินกำลังสร้างสรรค์ผลงานศิลปะบนผืนหญ้าเลยทีเดียว รางวัลบัลลงดอร์ และแชมป์ฟุตบอลโลก เป็นเครื่องการันตีความสามารถของเขาได้เป็นอย่างดี 


สไตล์การเล่นรูปแบบนั้น ทำให้แฟนบอลที่เฝ้าชมลีลาของเขา ก็มีความสุขตามไปด้วย อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของโรนัลดินโญ่ ที่เป็นสิ่งที่แฟนบอลไม่เคยลืมเลือนเลย นั่นคือ “รอยยิ้ม” ที่แสนพิมพ์ใจ 


ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรในสนาม ทีมจะชนะ, เสมอ หรือว่าแพ้ เราจะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของอดีตดาวเตะทีมชาติบราซิล รายนี้เสมอ หากพลิกดูปูมหลังแล้ว การที่โรนัลดินโญ่ มีรอยยิ้ม ระหว่างการเล่นฟุตบอล ไม่ได้เกิดจากนิสัยเป็นคนรักสนุก, อารมณ์ดี หรือชอบปาร์ตี้แค่อย่างเดียว 


แต่เกิดจากการหล่อหลอมในบางสิ่งบางอย่าง ผ่านเหตุการณ์วัยเด็กที่เขาต้องประสบพบเจอ ช่วงนี้ เราลองออกไปค้นหาคำตอบกันหน่อยว่า เพราะอะไร “โรนัลดินโญ่” ถึงเล่นฟุตบอลด้วยรอยยิ้มเสมอ ?

โรนัลดินโญ่ เกิด และเติบโตที่ ปอร์โต้ อเลเกร ย่านชุมชนแออัด ที่แทรกตัวอยู่ในประเทศบราซิล เขาเหมือนกับเด็กชายชาวบราซิเลี่ยน ทั่วไป นั่นคือชื่นชอบการเล่นฟุตบอล โดยมีคุณพ่อ และพี่ชาย คอยสอนเรื่องการเล่นฟุตบอลให้ 


กระทั่งอายุ 8 ขวบ ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล เมื่อเขาต้องเจอกับข่าวร้าย แม้ว่าความไร้เดียงสา ทำให้เขายังไม่รู้ความหมายของมันนัก เหตุการณ์ดังกล่าวคือ คุณพ่อของโรนัลดินโญ่ เสียชีวิตอย่างกระทันหัน ท่ามกลางความเสียใจของคนในครอบครัว 


หากย้อนเวลากลับไป พ่อของเขาทำงานอย่างหนักในอู่ต่อเรือ หลังจากนั้น ก็จะมาทำงานรักษาความปลอดภัยที่สนามของเกรมิโอ ในช่วงเสาร์-อาทิตย์ สิ่งที่ทำไปทั้งหมด พ่อต้องการแค่เพียงหาเงินมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อส่งลูกชายทั้งสองคน เข้าสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ 


โรนัลดินโญ่ ออกมาย้อนความทรงจำว่า “พ่อของผมเป็นหนึ่งคนที่คอยบอกผมว่า จงเล่นอย่างสร้างสรรค์ในสนามฟุตบอล พ่อสอนให้ผมโชว์ลีลาการเล่นแบบอิสระ ในหัวคิดแค่เล่นฟุตบอลเท่านั้น พ่อเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวผมมากกว่าใครบนโลกนี้” 


“ตอนที่โรแบร์โต้ (พี่ชาย) เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพกับเกรมิโอ พ่อบอกผู้คนว่า โรแบร์โต้ เป็นนักเตะที่ดีนะ แต่อยากให้ดูน้องชายของเขาที่กำลังก้าวขึ้นมา ตอนที่พ่อของผมเสียชีวิต ผมยังไม่เข้าใจเลยว่า สิ่งเหล่านั้นหมายถึงอะไร, พ่อจะย้อนกลับมามั้ย และพ่อจากไปทำไม ? ผมยังไม่รู้สึกเศร้าในตอนนั้น”


“แต่เมื่อเวลาผ่านไปแค่ไม่กี่ปี ผมถึงตระหนักแล้วว่า พ่อจะไม่กลับมาอีกแล้ว แต่ทุกครั้งที่ลูกฟุตบอลอยู่แทบเท้าของผม ผมรู้สึกว่าพ่อยังอยู่กับผมเสมอ”

เพียงไม่นาน โรนัลดินโญ่ เดินตามรอยเท้าของพี่ชาย ด้วยการเข้าอะคาเดมี่ และต่อยอดสู่ทีมชุดใหญ่ของเกรมิโอ จากเด็กชายแสนธรรมดาที่ ปอร์โต้ อเลเกร เขาเริ่มกลายเป็นดาวจรัสแสงของวงการฟุตบอลบราซิล ทุกคนเริ่มรู้จักชื่อของเขา 


สิ่งที่แฟนบอลจดจำเขา นอกจากลีลาการเล่นที่น่าสนใจแล้ว ผู้คนยังจดจำว่านี่คือนักเตะดาวรุ่ง ที่มีรอยยิ้มบนใบหน้าเสมอ ตั้งแต่เปิดตัวถึงการลงเล่น โรนัลดินโญ่ ย้อนความทรงจำต่อว่า “ตอนที่ผมอายุครบ 18 ปี ผมได้รับสิ่งที่พ่อสามารถภูมิใจในตัวผมได้ นั่นคือการเล่นทีมชุดใหญ่ของสโมสรเกรมิโอ”


“น่าเสียดายที่พี่ชายของผมอย่างโรแบร์โต้ ไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย ... โรแบร์โต้ ได้รับบาดเจ็บหนักที่หัวเข่า และตัดสินใจย้ายไปเล่นในลีกสวิตเซอร์แลนด์ ผมไม่ได้เล่นร่วมกับฮีโร่คนนี้ อย่างไรก็ตาม ผมได้เห็นเขาลงสนามเป็นระยะเวลาหลายปี ผมรู้ว่าควรทำอะไร และทำอย่างไร”


“ในวันแข่งขัน ผมจะได้เดินผ่านลานจอดรถที่พ่อของผมเคยทำงานเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยในช่วงสุดสัปดาห์ นอกจากนี้ ผมยังได้เดินเข้าไปในห้องแต่งตัว ที่พี่ชายเคยพาเข้ามาตอนที่ผมยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ"


ช่วงเริ่มแรก ในการเป็นดาวรุ่งของเกรมิโอ เขาต้องเจอแบบทดสอบสุดโหด เมื่อโดนนักเตะที่อายุมากกว่า คอยไล่หวดตัดเกม กระนั้น โรนัลดินโญ่ ลุกขึ้นมาเล่นต่อไป พร้อมกับมีรอยยิ้มที่ไม่เคยขาดหาย จนหลายคนสงสัยว่า เขาจะมีความรู้สึกโกรธ หรือหงุดหงิดหรือไม่ ?


หลังจากโชว์ทักษะ หรือยิงประตูได้ เราก็จะเห็นรอยยิ้ม และฟันขาวๆของเขา จนกลายเป็นเอกลักษณ์ในท้ายที่สุด โรนัลดินโญ่ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ช่วงเวลาที่ผมมีลูกฟุตบอลอยู่กับเท้าตัวเอง ผมรู้สึกถึงความเป็นอิสระ”


“นอกจากนี้ ผมรู้สึกมีความสุข มันคล้ายกับผมกำลังเสพกับเสียงดนตรีเลยมันเป็นความรู้สึกที่ผมอยากกระจายความสุขไปให้กับคนอื่น ย้อนเวลากลับไป สถานที่ที่ผมอาศัยอยู่อย่างปอร์โต้ อเลเกร ถือเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยยาเสพติด และกลุ่มอันธพาล เป็นเรื่องที่ยากลำบากเหมือนกัน”


“แต่ตราบใดที่ผมออกไปเล่นฟุตบอลตามท้องถนน, ตามสวนสาธารณะ และเล่นกับหมาของผมเอง ผมจะรู้สึกถึงความปลอดภัย” ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รอยยิ้มของ โรนัลดินโญ่ ถูกหล่อหลอมจากชีวิตวัยเด็ก ผ่านการสูญเสียพ่อ และคำสอนของพ่อที่ฝากทิ้งเอาไว้ เพื่อใช้ในโลกฟุตบอล

กระทั่งปี 2001 โรนัลดินโญ่ ตัดสินใจย้ายมาร่วมทีมเปแอสเช แน่นอนว่า มันเป็นการย้ายออกจากบ้านเกิดเป็นครั้งแรกในชีวิต นอกจากฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมแล้ว เขานำ “รอยยิ้ม” จากบ้านเกิดที่บราซิล ติดตัวมาที่ทวีปยุโรปด้วย 


โดยกล่าวว่า “ผมเริ่มมีความคิดที่จะย้ายไปเล่นในฟุตบอลลีกยุโรป สถานที่ที่ตำนานบราซิล หลายคนไปพิสูจน์ตัวเอง ผมต้องการทำแบบนั้นเหมือนกัน ผมมีความฝันที่ไกลเกินไปกว่าที่จะอยู่กับเกรมิโอ ช่วงปี 2001 ผมถึงได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะของเปแอสเช”


“เด็กที่เกิดในบ้านไม้ที่แทรกตัวอยู่ในสลัม จะมีชีวิตอย่างไรในทวีปยุโรป ? มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย จากนั้น ผมก็ย้ายไปยังบาร์เซโลน่า กับเอซี มิลาน” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในสนามแข่งขัน แฟนบอลจะเห็นรอยยิ้มของเขาเสมอ แม้ว่าบางครั้ง หลายคนไม่เข้าใจมันก็ตาม


โรนัลดินโญ่ กล่าวว่า การย้ายไปเล่นในยุโรป ยังมีหลายคนยังไม่เข้าใจว่า การที่เขายิ้มอยู่ตลอดเวลา มีความจำเป็นอะไรขนาดนั้น ? บางครั้ง บรรดาสื่อมวลชนในทวีปยุโรป ก็ไม่เข้าใจสไตล์การเล่นของเขา สื่อมวลชนไม่เข้าใจว่า เขาจะยิ้มไปทำไมกัน ? 


แต่เขายืนยันหนักแน่นว่า การยิ้มถือเป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มความเป็นอิสระ โดยเฉพาะในสนามฟุตบอล ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด และกดดัน โรนัลดินโญ่ ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “สาเหตุที่ผมยิ้มในสนามแข่งขัน  เป็นเพราะฟุตบอลเป็นเรื่องสนุก”


“ผมมองว่า ทำไมเราต้องไปซีเรียสกับมันด้วย เพราะเป้าหมายของผมคือการกระจายความสุขออกไป ความคิดสร้างสรรค์อยู่เหนือการคำนวณ การที่ผมยิ้มกว้าง จนรู้สึกถึงความอิสระ ทำให้ผมจะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกกับทีมชาติบราซิล 


“ความรู้สึกอิสระเหล่านั้น ทำให้ผมได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ลาลีกา และกัลโช่ เซเรีย อา ท้ายที่สุดแล้ว ผมก็ได้รางวัลบัลลงดอร์ หลายอย่างเกิดขึ้นกับชีวิตของผม โดยมีทั้งเรื่องดี และไม่ดี ปะปนกันไป แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว ผมตระหนักเสมอว่า ผมเป็นหนี้บุญคุณฟุตบอล”

โรนัลดินโญ่ ทิ้งท้ายว่า การยิ้มของเขา เกิดจากคำมั่นสัญญาที่ให้เอาไว้กับคุณพ่อ นั่นคือการเล่นฟุตบอลให้มีความสุขที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ นี่คือความทรงจำวัยเด็กของเขา ที่ผ่านวัน และเวลา รอยยิ้มจากคำสอนพ่อ ช่วยให้เขากลายเป็นนักเตะระดับโลก ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน


โดยกล่าวว่า “เมื่อมีคนตั้งคำถามถึงสไตล์การเล่นของผม หรือทำไมต้องยิ้ม หลังจากที่ทีมพบกับความพ่ายแพ้ด้วย ? ผมต้องนึกถึงความทรงจำนั้น เมื่อพ่อของผมจากโลกนี้ไป ผมจะไม่มีเรื่องราวอะไรของท่านเลย ครอบครัวของผมไม่มีเงินทองมากมายนัก”


“ดังนั้น ครอบครัวจึงไม่มีกล้องวิดีโอ เพื่อคอยบันทึกเหตุการณ์ดีๆเอาไว้ แน่นอนว่า ผมจะไม่ได้ยินเสียง หรือได้ยินเสียงหัวเราะของพ่ออีกแล้ว แต่สิ่งที่ผมจดจำได้ไม่เคยลืมเลือน นั่นคือภาพของผม และพ่อ เล่นฟุตบอลด้วยกัน”


“ผมมีรอยยิ้ม และมีความสุข ด้วยลูกฟุตบอลที่เท้าของผม ส่วนพ่อก็ยังมีความสุขที่ได้ดูผมเล่นฟุตบอลเมื่อมีเงินตราเข้ามา เมื่อมีความกดดันถาโถม เมื่อมีเสียงวิจารณ์มากระทบ ผมจะปลดปล่อย เล่นในแบบที่พ่ออยากให้เล่น และเล่นแค่ฟุตบอล”

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด