ทั้งเกมรุกที่ดูสมดุลมากขึ้นกว่าเดิม เรียกว่าใครก็ตามที่ลงเล่นในตำแหน่งทำเกม สามารถทดแทนกันได้หมด รวมทั้งการคัมแบ็คกลับมาของกองหลังอย่าง สุพรรณ ทองสงค์ ที่เวลานี้ ทุกคนต่างยอมรับว่า เขาแข็งแกร่งมากจริงๆ และเหมาะสมในการติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่อย่างยิ่ง

แต่ในเลกสองเองทาง “แข้งเทพ” คงจะต้องเสริมทัพอีกแน่ๆ โดยเฉพาะ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงบริเวณเอ็นประกบเข่าข้างด้านในและเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า จากศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2023/24 รอบแบ่งกลุ่ม ที่ทีม “แข้งเทพ” บุกไปเอาชนะ คิตฉี เอสซี 2-1 เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา

ทำให้แดนกลางน่าจะอ่อนยวบลงไป เพราะอย่าลืมว่าหลัง ฟีฟ่า เดย์ ของ เอเชียน คัพ 2023 รอบแบ่งกลุ่ม ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด จะต้องเล่นทั้งหมด 4 ถ้วย นั่นคือ ไทยลีก, รีโว่ คัพ, ช้าง เอฟ คัพ คัพ และ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2023/24 รอบ 16 ทีมสุดท้าย

โดยเฉพาะในถ้วยเอเชียที่หนักสุดๆ แม้ว่าจะเล่นแบบเหย้า-เยือนก็ตาม เพราะคู่ต่อกรของพวกเขาก็คือ โยโกฮามา เอฟ มารินอส รองแชมป์ เจ ลีก ฤดูกาลล่าสุด ที่เพิ่งจะเปลี่ยนแปลงโค้ชจาก เควิน มัสแคต เป็น แฮร์รี คีลล์ อดีตเพลงแข้งลิเวอร์พูล มาคุมทีมในฤดูกาลหน้า

 ก็ต้องตามเชียร์ตัวแทนจากบ้านเรา ว่าจะสามารถต่อกรกับอดีตแชมป์ เจ ลีก ซีซั่น 1988–89, 1989–90, 1995, 2003, 2004, 2019, 2022 ได้หรือไม่ !!!

อย่างไรก็ดี ในเลกแรก หากกล่าวถึงนักเตะริมเส้นที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม อยากจะขอเลือก 2 แข้งจาก การท่าเรือ เอฟซี นั่นคือ ปกรณ์ เปรมภักดิ์ กราบขวาจอมแอสซิสต์ และ บดินทร์ ผาลา ดาวเตะจอมเต้นลีลาสุดเย้ายวน จนกลายเป็นที่รักของแฟนบอลไปแล้ว

รายแรกอย่าง "บาส" ย้ายมาสู่ถิ่นคลองเตยเมื่อ 7 ปีก่อน พร้อมกับเพื่อนซี้ที่พา ทีมชาติไทย คว้าอันดับ 4 เอเชียน เกมส์ 2014 และเหรียญทองซีเกมส์ 2015 อย่าง ภิญโญ อินพินิจ หลัง เพื่อนตำรวจ ประสบปัญหาทางการเงิน ทำให้นักเตะตัวหลักของทีมพาเหรดกันย้ายออกจากสโมสร

จากวันวานที่แฟนบอลหลายคนมองว่า เขาอาจจะเล่นไม่เต็มที่ จนเคยเกิดปัญหาให้ขุ่นข้องหมองใจกันบ้าง แต่สุดท้ายดาวเตะเบอร์ 7 ของ "สิงห์เจ้าท่า" ก็พิสูจน์ตัวเอง จนกลายเป็นที่รักของกองเชียร์ ซึ่งฤดูกาล 2021/22 เขาเองก็จารึกชื่อของตัวเองลงในหน้าประวัติศาสตร์ทีมเป็นครั้งแรกในชีวิต และ ในฐานะนักเตะคนแรกของสโมสรด้วย ที่ทำสถิติจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูเยอะที่สุดด้วยจำนวน 11 แอสซิสต์

ยังมีอีกหลายสถิติที่เขาสร้างขึ้นมาอีกมากมาย ทั้งลงเล่นมากที่สุดที่ 238 นัด กระทั่งมาทำประตูได้สูงสุด จำนวน 39 ลูก และจ่ายบอลมากที่สุด 69 แอสซิสต์ ทุกอย่างเกิดขึ้นในยุคที่ "มาดามแป้ง" นั้น ดำรงตำแหน่งเป็นประธานสโมสร

อีกคนก็คือ บดินทร์ ผาลา ซึ่งย้ายมาจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมกับ นูรูล ศรียานเก็ม เมื่อปี 2018 และด้วยทักษะเลี้ยงบอลแบบตีนติดตะขอ เพราะเคยเล่นฟุตซอลมาก่อนกับโรงเรียนวัดสุทธิวราราม พร้อมกับมีลีลาแอคชั่นที่แพรวพราว ทำให้แฟนบอลต่างชื่นชอบในตัวเขาอย่างมาก 

เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่พรสวรรค์สูง ทว่าในช่วงแรกที่เข้ามาอาจจะต้องปรับจูนในเรื่องของระบบ เพราะดาวเตะจาก จ.อุบลราชธานี อาจจะติดเรื่องของเทคนิคส่วนตัวมากไป แต่เมื่อเขาปรับตัวได้พร้อมได้รับโอกาสลงสนามมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นยุคของโค้ชรายใดก็ตามที่เข้ามา

ไล่มาตั้งแต่ “เซอร์เด็จ” จเด็จ มีลาภ, สก็อตต์ คูเปอร์, “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์, “โค้ชอู๊ด” สระราวุฒิ ตรีพันธ์, “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน, “โค้ชแขก” วีรยุทธ์ บินอับดุลเลาะมาน, “โค้ชอั๋น” สุรพงษ์ คงเทพ จวบจนมาถึง “โค้ชอ้น” รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ชื่อของ “โดม” ยึดตัวหลักปีกซ้ายของ การท่าเรือ เอฟซี อย่างเหนียวแน่น

ในวัย 29 ปี เขาเปรียบเสมือนกับผลไม้ที่กำลังสุกงอมเต็มที่ จนสามารถมาระเบิดฟอร์มออกมาอย่างสุดยอด ไม่ใช่เพียงแค่การเลี้ยงบอลหรือเทคนิคที่แพรวพราว และท่าเต้นแบบครีเอทสุดๆเท่านั้น เขาเพิ่มประสิทธิภาพในการทะลวงตาข่ายขึ้นมาในเลกแรกของฤดูกาล 2023/24

ลีกสูงสุดของซีซั่นนี้เขากดไปแล้ว 6 ประตู เท่ากับ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย กับ บาร์รอส ทาเดลี เป็นรองดาวซัลโวสโมสรร่วม ตามหลัง แฮมิลตัน โซอาเรส เพียงแค่ 4 ลูกเท่านั้น ยิ่งรวมอีก 2 เม็ดในฟุตบอลถ้วย 2 รายการแล้ว เท่ากับว่า บดินทร์ ผาลา ทำไป 8 ประตู ในช่วง 4 เดือน นับตั้งแต่คิกออฟช่วงกลาง ส.ค.ที่ผ่านมา

แม้จะมีเสียงดูแคลนในนามทีมชาติไทย ยุคที่ มาโน่ โพลกิ้ง กุมบังเหียน แต่เขาก็ยิงประตูสำคัญๆอยู่เสมอ เหมือน คิงส์ คัพ ครั้งที่ผ่านมา ในรอบชิงชนะเลิศขณะที่ทีมตาม อิรัก 1-2 เขาเองเป็นผู้ยิงตีเสมอ 2-2 ก่อนไปดวลจุดโทษแล้วแพ้ไปสกอร์รวม 4-5 ในท้ายที่สุด

หากจะบอกว่าทั้งคู่คือริมเส้นที่ดีที่สุดในเลกแรก นั่นอาจเป็นมุมมองของผม แต่หากวัดจากตัวเลขสถิติบวกกับฟอร์มการเล่นที่ผ่านมา ถือว่าทั้งคู่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ

สมแล้วที่พวกเขากลายเป็นสมบัติอันล้ำค่าในยุคนี้ของ การท่าเรือ เอฟซี