แน่นอนว่ารายชื่อนักเตะที่ประกาศออกมานั้น ไม่ได้เรียกเสียง “ว้าว” จากแฟนบอลเลย เพราะส่วนใหญ่ล้วนเป็นชุดเดิมจากยุค มาโน่ โพลกิ้ง ทั้งสิ้น 

มีเพียงข่าวร้ายเล็กน้อย เมื่อ “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ กองกลางตัวเก่งจาก สโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด สภาพร่างกายยังไม่สมบูรณ์ ไม่มีชื่อติดเท่านั้น 

โดย ชนาธิป ได้รับบาดเจ็บมาตั้งแต่เกมฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย เกมแรกที่ ไทย เปิดบ้านแพ้ จีน 1-2 เมื่อเดือนพฤจิกายนที่ผ่านมา 

ตอนนี้ดาวเตะวัย 30 ปี ยังไม่สามารถกลับมาลงสนามให้ต้นสังกัดได้เลย

เช่นเดียวกับ ธีรศิลป์ แดงดา หัวหอกตัวเก๋าจากสโมสรเดียวกันที่เจ็บในการแข่งขัน ช้าง เอฟเอ คัพ 2023/24 รอบ 32 ทีมสุดท้ายที่บุกไป แพ้ ชลบุรี เอฟซี เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา 

จากการวินิจฉัยอย่างใกล้ชิดของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพบว่า ธีรศิลป์ มีอาการเอ็นด้านในเข่าฉีกขาดและกระดูกเข่าขวาร้าว ซึ่งการรักษาเบื้องต้นต้องใส่อุปกรณ์ประคองข้อเข่า และพักฟื้นหลังการบาดเจ็บประมาณ 8 สัปดาห์ แน่นอนว่าข่าวนี้แฟนบอลทราบกันไปล่วงหน้าแล้ว 

ส่วนแข้งตัวเก๋าอย่าง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน, ธีราทร บุญมาทัน และ สารัช อยู่เย็น รวมถึง ศุภชัย ใจเด็ด และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา สองกองหน้าตัวความหวังมีชื่อติดทัพครั้งนี้ตามคาด 

เบ็ดเสร็จนักเตะจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ เอฟซี ติดทีมชุดนี้มากที่สุดทีมละ 5 คน 

ประเด็นที่แฟนบอลจับตามองนอกจากการเตรียมทีม แท็คติคการเล่นของพลพรรค​ “ช้างศึก” ในยุคของ อิชิอิ จะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ก็คือการหายไปของ เทพมุ้ย ในแนวรุก 

หลายทัวร์นาเมนต์และเกมอุ่นเครื่องที่ผ่านมา แสดงให้เห็นแล้วว่า การมี ธีรศิลป์ กับไม่มี เกมรุกของทีมชาติไทย ประสิทธิภาพต่างกันอย่างสิ้นเชิง 

ในยุคของ มาโน่ โพลกิ้ง กองหน้าวัย 36 ปี ยิงได้ 17 ประตู นั่นเป็นการพิสูจน์แล้วว่าเขายังมีพิษสงเสมอ 

นอกจากลีลาการยิงประตูที่เด็ดขาด เขายังสามารถเก็บบอลในแดนหน้า และ จ่ายบอลสวยๆ ให้เพื่อนทำประตูได้อีกด้วย

เมื่อไปดูรายชื่ิอ “กองหน้า” ที่ “อิชิอิ” เรียกตัวไปลุยเอเชียน คัพ 3 คน คือ ศุภชัย ใจเด็ด, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย แสดงให้เห็นว่าโอกาสที่ “อิชิอิ” จะยึดแผนการเล่นระบบ 4-2-3-1 มีสูง

หากจะดูสเป็กนักเตะที่รูปร่างสูงใหญ่ เก็บบอลในแดนหน้า และยิงประตูได้ ทำให้ ศุภชัย มีโอกาสสูงที่จะยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าแทน ธีรศิลป์ ก่อน ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่เล่นปีกขวาได้อันตรายกว่ากองหน้าตัวเป้า ช่วงหลังก็ทำผลงานดีกับตำแหน่งนี้ด้วย

โดยทั้งคู่เป็นศิษย์เก่าของ อิชิอิ สมัยคุมทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่สำคัญกุนซือเลือดซามูไรมีพิมพ์เขียวคู่มือการใช้งาน “เจ้าอาร์ม” 

ซึ่ง อิชิอิ นี่แหละที่สวมบทป๋าดันให้ปั้นดาวยิงวัย 25 ปี ก้าวไปคว้าดาวซัลโวไทยลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยจำนวน 19 ประตู โดยไม่มีลูกจุดโทษเลย 

ตอนนี้ดาวยิงจากค่าย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สามารถกลับมายิงประตูอย่างต่อเนื่องในศึกรีโว่ไทยลีกอีกครั้ง หลังต้นฤดูกาลตกอยู่ในอาการปืนฝืดเล็กน้อย 

เจ้าอาร์ม กดไป 9 ตุง เป็นรองดาวซัลโวรีโวไทยลีก ตามหลัง แฮมิลตัน โซอาเรส และ อู กึน-ยอง แค่ประตูเดียวเท่านั้น 

แม้สถิติการฟอร์มการเล่นของ ศุภชัย ในทีมชาติไทย ชุดใหญ่ จะไม่ดีนัก เพราะเขายิงได้เพียง 5 ประตู จาก 31 นัด แต่การมี อิชิอิ คุมทีมชาติไทย น่าจะเค้นศักยภาพของดาวยิงร่างโย่งรายนี้ออกมาได้ไม่มากก็น้อย 

อยู่ที่เจ้าตัวแล้วว่าจะเล่นได้มั่นใจ และใช้โอกาสในการทำประตูเปลืองแค่ไหน นี่จึงเป็นบททดสอบอย่างแม้จริงว่าเขาคือคนที่ใช่ สำหรับการสานต่อตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าของทีมชาติไทย ในอนาคตหรือไม่ 

เพราะวัย ประสบการณ์ และกุนซือที่รู้ใจมีครบแล้ว นอกนั้นเป็นหน้าที่ของสองเท้าแล้วละครับว่า จะทำได้ตามหวังหรือไม่