:::     :::

ปัญหา "ตัวเจ็บ" แก้ให้จบได้ด้วย "ระบบ"

วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
1,262
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ปัญหานักเตะบาดเจ็บของแมนยู ส่งผลให้รูปแบบการเล่นของทีมต้องเปลี่ยนตามนักเตะที่ลงมาแทน ผลกระทบจึงเกิดขึ้นทุกครั้งเวลามีตัวเจ็บไม่ได้ลงสนาม สิ่งที่แก้ปัญหาได้ คือการมีระบบที่หาตัวเล่นทดแทนกันได้ทุกคน โดยไม่ยึดโยงกับคุณสมบัติส่วนตัวของนักเตะ นี่คือแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องตัวเจ็บบ่อยๆของปีศาจแดงในตอนนี้

เกมล่าสุดที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแพ้ฟูแล่มคาบ้าน 1-2 ทั้งๆที่เป็นเกมซึ่งปีศาจแดงควรจะชนะให้ได้ต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองนั้น เป็นอีกหนึ่งเกมที่สะท้อนปัญหาใหญ่ในเรื่องของการ "ขาดนักเตะสำคัญลงสนาม" อีกครั้ง จากล่าสุดที่ยูไนเต็ดจะเสีย ลุค ชอว์ ไปราว 2-3 เดือน จากอาการบาดเจ็บเกมที่แล้วที่ชนะลูตันมา 1-2 ชอว์ถูกถอดออกไปตั้งแต่ก่อนจบครึ่งแรก ก่อนผลการวินิจฉัยจะออกมาเป็นอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อที่ต้องพักยาวตามเวลาดังกล่าว ซึ่งนานพอที่จะเรียกได้ว่าปิดเทอมเลยทีเดียว

ที่แย่กว่านั้นก็คือ ข่าวอาการบาดเจ็บของ ราสมุส ฮอยลุนด์ นักเตะที่กำลังฟอร์มแรง และเป็นส่วนสำคัญที่พาทีมชนะคู่แข่งยาวๆมาตั้งแต่ปีใหม่ มีรายงานออกมาว่าฮอยลุนด์มีปัญหาอาการบาดเจ็บเกิดขึ้น และก็ต้องพักไปอีก 2-3 สัปดาห์เช่นกัน

ทำให้เกมเจอฟูแล่ม นอกจากจะไม่มี ลุค ชอว์ ซึ่งเป็นแบ็คซ้ายธรรมชาติลงแล้ว เกมเจอฟูแล่มนัดนี้เรายังขาด "กองหน้าตัวเป้าธรรมชาติ" ที่เหลืออยู่เพียงแค่คนเดียวในทีมออกไปอีก

นึกภาพตามง่ายๆว่า เกมเจอฟูแล่มนี้ขาดผู้เล่นธรรมชาติไปถึงสองตำแหน่ง เราไม่มีแบ็คซ้ายตัวจริงใช้ เราไม่มีหน้าเป้าตัวจริงใช้ เป็นสองตำแหน่งที่ต้องเอาผู้เล่นในตำแหน่งอื่นๆมาเล่นทดแทน มันจะกระทบกระเทือนหนักขนาดไหน เพราะไม่มีแบ็คอัพตรงตำแหน่งเหลืออยู่เลย

เราไม่ได้บอกว่า การพ่ายแพ้เป็นเพราะเรื่อง "บาดเจ็บ" อย่างเดียว ทีมของเราก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันด้วย ทั้งโค้ชและนักเตะในสนาม เราแพ้ด้วยกันทั้งหมดตั้งแต่แผนแทคติก, การปรับสูตรการเล่น, และ Performance ในสนาม ที่มันไม่ดีพอจนกลายเป็นอีกหนึ่งเกมที่มีการเล่นย่ำแย่จนต้องแพ้ไปตามเนื้อผ้า ฟูแล่มเองก็คู่ควรกับชัยชนะนี้เหมือนกัน

สาเหตุของความพ่ายแพ้จึงอยู่ที่ตัวพวกเราเอง การเล่นของเราเอง โดยมีสาเหตุที่ประกอบ คือปัญหาอาการบาดเจ็บที่ส่งผลกระทบต่อการเล่นหลักของทีมที่ขาดตัวผู้เล่นไปนั่นเอง ซึ่งมันเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องกันแบบนี้

เพราะมีตัวเจ็บไม่ได้ลงสนาม > กระทบทรงทีม > ฟอร์มทีมจึงมีปัญหา > ทำได้ไม่ดี > ทีมแพ้

ผู้อ่านเห็นภาพไหมครับว่า ความพ่ายแพ้มันเริ่มต้นเป็นมายังไง ส่งผลกระทบกันเป็นลูกโซ่ยังไง

แพ้เพราะเล่นแย่?

: ใช่

เล่นแย่เพราะมีปัญหาทีมที่เกิดขึ้น?

: ใช่

ปัญหาที่ว่าคือการขาดนักเตะตัวหลักสำคัญที่ลงสนาม?

: ส่วนหนึ่งเกิดจากเรื่องนั้น แต่ไม่ใช่ทั้งหมด โค้ช และนักเตะในสนามก็ต้องรับผิดชอบกับฟอร์มด้วย 

และถ้านักเตะตัวที่หายไปเหล่านั้นไม่ได้บาดเจ็บ และได้ลงเล่นเกมนี้ อาจจะชนะไหม?

: ก็เป็นไปได้ก็อาจจะชนะ หรือไม่ก็อาจจะเสมอ รึแพ้ ก็ได้เหมือนกัน ฟุตบอลไม่มีคำว่าถ้า

ประเด็นเรื่องนักเตะเจ็บ มันส่งผลกับเกมนี้จริงๆ เราก็ไม่อยากจะเขียนเยอะเพราะก็กลัวจะกลายเป็นข้ออ้าง แต่เราก็พูดได้ว่ามันส่งผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจริงๆเวลามีตัวเจ็บออกไปจากทีม ทั้งตัวเล่นในสนาม ทั้งระบบการเล่น ทั้งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เช่นในเกมนี้

ฟร้อนท์ไลน์ของทีมที่เดิมเคยเป็น แรชฟอร์ด-ฮอยลุนด์-การ์นาโช่ ต้องเปลี่ยนแปลงตำแหน่งการเล่นทั้งสามตำแหน่งในไลน์เลย ไม่มีอะไรเหลือคงเดิมในเซ็ตสามคนก่อนหน้านี้

ปีกซ้าย จากแรชฟอร์ด กลายเป็นการ์นาโช่

กองหน้า จากฮอยลุนด์ กลายเป็นแรชฟอร์ด

ปีกขวา จากการ์นาโช่ กลายเป็นฟอร์สัน

มันมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ ผลลัพธ์จึงออกมาตามนั้น เกมรุกจังหวะเดิมก่อนหน้านี้หายไปหมด กลายเป็นทีมที่รุกติดๆขัดๆ และไม่อันตรายไหลลื่นเหมือนเดิมที่โต้กันโบ๊ะบ๊ะๆอย่างที่เราเห็น

ตอนแรกคิดว่า ก่อนเกมนี้ เอริค เทน ฮาก น่าจะคงแพทเทิร์นเดิมตามตำแหน่งเอาไว้ ที่ใช้ แรชยืนซ้าย การ์นาโช่ขวา และฟอร์สันน่าจะลงมาเล่น Centre Forward แทนฮอยลุนด์ มันจะช่วยให้ทรงเล่นไม่กระทบมากหรือเปล่า เพราะอย่างน้อย แรช-โช่ สองคนนี้ก็จะได้เป็นปีกตัววิ่งโต้กลับให้ทีมเป็นหลัก จังหวะการเล่นก็ไม่น่าจะเปลี่ยนมากนัก แล้วค่อยไปลุ้นในพื้นที่สุดท้ายเอาเพราะขาดฮอยลุนด์

แต่พอวันนี้ พอแรชฟอร์ด การ์นาโช่ เปลี่ยนตำแหน่งไปด้วย บอลมันดูติดๆขัดๆ การเล่นมันไปไม่สุด เสียบอลกันก่อนจะเกิดโอกาสยิงแทบทุกครั้งโดยเฉพาะครึ่งหลังช่วงต้นๆ ฟอร์มทีมแย่มากจริงๆ

ผลกระทบจากการเปลี่ยนทีมชีทแนวหน้าลงสนามนี่ละครับ ชัดเจนสุด เพราะแพทเทิร์นเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง หน้าที่นักเตะบางคนก็หายไปด้วย โดยเฉพาะแรชฟอร์ดที่ไม่ได้เป็นเป้าเปิดบอลให้วิ่งหลุดขึ้นมาด้านข้างแล้ว เพราะต้องมาค้ำกลาง

ขณะที่ขวาก็ไม่มีฟอร์สันวิ่งทะลุไลน์ขึ้นหน้า มีการ์นาโช่คนเดียวที่ดูอันตรายหน่อย ทั้งในเรื่องตำแหน่งการเล่นในสนามที่เป็นตำแหน่งถนัดดั้งเดิมของเขา และการเล่นที่เป็นฟอร์มส่วนตัวของเขาซึ่งพาบอลทำเกมรุกจากซ้ายได้เองด้วยความคุกคามคู่แข่งเยอะมาก

จังหวะที่แบรนด์ เลโน่ ได้เซฟ ก็มาจากลูกยิงของการ์นาโช่เน้นๆ วันนี้พูดได้เลยว่าการ์นาโช่ดีที่สุดในแนวรุกของทีม 

ย้อนกลับมาที่ประเด็นหลัก ว่าเราต้องเปลี่ยนแปลงนักเตะเยอะมาก และ "กระทบ" ทุกครั้งที่มีตัวบาดเจ็บ ตั้งแต่การหายไปของ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ที่ทำให้ทรงการเซ็ตบอลจากหลังบ้าน การให้บอลแม่นๆจากแดนต่ำ หายไปเยอะมาก ตอนนี้คนเดียวที่ทดแทนได้คือ "แฮรี่ แมกไกวร์" เท่านั้นที่เป็นคนออกบอลยาวจากแผงหลังได้แม่นยำ แต่ก็แทนไม่ได้ทุกมิติ

คนค้ำกับกองหลัง เพื่อเก็บบอลยาวที่สาดขึ้นมาจากโอนาน่าอย่างฮอยลุนด์ก็หายไป ทำให้เก็บบอลกันไม่ได้ มีปัญหาอีกในด้านการทำเกมรุก

เกมกับฟูแล่มนี้ หลังจากที่คาเซมิโร่บาดเจ็บออกไปอย่างโชคร้ายนั้น ทีมส่งคริสเตียน เอริคเซ่น ลงมายืนมิดฟิลด์ตัวต่ำแทนในลักษณะของ DLP กระทบมากเช่นกัน เพราะเอริคเซ่นสภาพร่างกายไม่ไหวแล้ว ช้าและเข้าปะทะไม่ได้ การเสียคาเซมิโร่จึงเสียหลักประกันในแดนกลางที่แข็งแกร่งไป

โดยเฉพาะ "เกมรับ" ที่เอริคเซ่นซึ่งมีจุดอ่อนเกมรับอยู่แล้วนั้น เปิดเผยจุดอ่อนหนักกว่าเดิม หลังจากคาเซออก เอริคเซ่นก็ถูกบีบทางพื้นที่เข้ามาด้านหน้าจนคุมเกมได้ยาก สุดท้ายเมื่อเสียบอลก็ถูกวิ่งโจมตีใส่จากรอบด้าน ล่อเป้าเล่นงานแผงแนวรับแมนยูไนเต็ดเสียอีก

การเสียนักเตะไป กระทบฟอร์มทีมมาก ถึง มากที่สุด

ปัญหาอาการบาดเจ็บ ส่งผลแบบนี้มาตั้งแต่ต้นฤดูกาล ช่วงแรกๆหนักกว่านี้อีก ไมนูเจ็บยาวตอนปรีซีซั่น คาเซมิโร่ก็หายยาวเช่นกัน ทำให้ทีมขาดออฟชั่นมิดฟิลด์เก่งๆในสนามไปพอสมควรเลย

แฟนบอลอดทนรอ อุตส่าห์ได้ดีใจช่วงต้นมกราคมแล้วว่า นักเตะหลายๆคนน่าจะกลับมาพร้อม และทรงบอลก็จะดีขึ้น กลายเป็นว่าเจ็บกันไปอีก บางคนเจ็บเพิ่ม บางคนประเมินพลาดและยังไม่หาย ฟอร์มทีมก็ค่อยๆดรอปเป็นขาลงอีกครั้ง

การแก้ปัญหาตรงนี้จะทำยังไง เมื่อทีมมีนักเตะบาดเจ็บออกไปจนทรงบอลเสียแบบนี้บ่อยๆ

คำตอบในประเด็นนี้สังเกตได้สองเรื่องใหญ่ๆ

เรื่องแรก คือเรื่องของ "การวางระบบที่แน่นอนให้ทีม" จะสามารถช่วยได้ เพราะถ้าเซ็ตระบบไว้ให้คงที่ เวลามีนักเตะหายไปจากอาการบาดเจ็บ เราก็แค่หานักเตะเอามาลงเล่นทดแทนในระบบนั่นเอง 

เมนไอเดียในเรื่องนี้ คือการวางระบบให้ชัดเจน เพื่อจะได้เอาใครลงสนามก็ได้ ให้ลองคิดง่ายๆว่า สิ่งที่สร้างปัญหามากที่สุดที่ทำให้ทีมเสียทรงการเล่นไปนั้น มันมาจากการที่ พอมีนักเตะเจ็บแล้ว การเล่นดังกล่าวหายไปพร้อมกับนักเตะคนที่เจ็บด้วย

คนที่ลงมาแทน ไม่ได้เล่นในรูปแบบเดิม มันทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในด้านการเล่น ที่เดิมลงตัวดีอยู่แล้ว พอเปลี่ยนคนเล่น วิธีการเปลี่ยน ฟอร์มก็เลยเปลี่ยนและแย่ลงตาม

ยกตัวอย่างง่ายๆ กองหน้าตัวเป้าที่เจ็บไป หากว่าคงการเล่นเดิมเอาไว้ในระบบที่ใช้หน้าเป้าเล่นแบบฮอยลุนด์เป๊ะๆ หาคนที่จะค้ำหน้าได้มาลงสนาม หาคนที่บังบอลได้มาเล่นแทน เพื่อให้ระบบมันเดินหน้าต่อไป วิธีการเล่นที่เข้ากันเป็นระบบใหญ่มันก็จะยังคงที่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

กลับกัน ถ้าตัวเจ็บ แล้วคนใหม่ที่ลงไปแทนตำแหน่งนั้น เล่นอีกแบบนึงไม่เหมือนเดิม การเล่นมันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามนักเตะที่สลับหน้าลงมา

ยังไม่รวมถึงการเปลี่ยนตำแหน่ง โยกตำแหน่ง ก็กระทบอีกเช่นกัน

ยกตัวอย่างว่า เอาปีกขวาที่กำลังเล่นดีกลับมาอยู่ซ้าย เอาตัวใหม่ลงมาเล่นหน้า เอากองหน้าไปเล่นขวา การเล่นมันก็จะเปลี่ยนแปลงทันทีตามการโยกย้ายตำแหน่งไป ซึ่งก็จะกระทบกับ "ตัวเล่นรอบๆ" ด้วย เช่น แบ็คขวา ที่ต้องเปลี่ยนการเล่นคู่กันกับปีกขวาคนใหม่

แบ็คซ้ายต้องจูนกับปีกซ้ายคนใหม่ เป็นต้น มันก็กระทบอีก ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น ลุค ชอว์ ทำเกมทางซ้ายกับแรชฟอร์ดได้ดี พอวันนึง แรชเจ็บ ชอว์ก็ต้องเจอกับปีกซ้ายคนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการ์นาโช่ หรืออันโทนี่ ชอว์ก็ต้องปรับการเล่นอีกพอสมควรเพื่อให้มันเข้าขา และลงล็อคกันพอดี เนื่องจากนิสัยการเล่นต่างกันก็ส่งผลถึงรายละเอียดแล้ว ปีกบางคนไม่ชอบไปสุดเส้น ปีกบางคนต้องมีแบ็คเติมซัพพอร์ต ปีกบางคนชอบลากไปด้วยตัวเอง ฯลฯ

ทุกอย่างกระทบหมด หากสลับตัวเล่นมาเล่น แล้วการเล่นมันไม่เหมือนเดิม

ดังนั้น สิ่งที่จะแก้ได้คือ การพัฒนาระบบใหญ่ให้แข็งแกร่ง มีแบบแผน และวิธีการเล่นที่ชัดเจนแน่นอนจริงๆให้คงที่ fixเอาไว้ว่า ทีมจะต้องเล่นยังไงๆบ้าง จากนั้นค่อยให้นักเตะแต่ละคนที่มีอยู่ในแผน ทำความเข้าใจให้ตรงกัน และเล่นให้ได้แบบนั้นเหมือนกันทุกคน

ทำตามแผนและระบบเป็นหลัก ส่วนคุณสมบัติเฉพาะตัวนั้น ให้เป็นสไตล์เพิ่มเติมเวลาที่ตัวเล่นคนนั้นลงสนามลงมา แต่ไม่ควรจะเอาสไตล์การเล่นของใคร เป็นหลักของระบบ

ระบบจะต้องเป็นหลักให้นักเตะ ไม่ใช่ให้สไตล์ของนักเตะกลายเป็นแกนหลักของระบบ ถ้าทำแบบหลังนี้ ลองคิดเอาเองว่า เวลาตัวเล่นเจ็บไป สไตล์นั้นหายก็จะกระทบกับแกนหลักของระบบด้วย ทีมก็จะเป๋และรวนทันที

เหมือนยูไนเต็ดในตอนนี้ ที่ใช้ตัวผู้เล่นเป็นตัวยืนหลักสำคัญด้วยคุณสมบัติ มากกว่าระบบในตอนนี้

เรื่องที่ 2 เมื่อทีมมีนักเตะบาดเจ็บออกไปจนทรงบอลเสีย ส่วนหนึ่งของแมนยูจริงๆก็ไม่ใช่ปัญหาเรื่องระบบอย่างเดียว หลายๆครั้งทีมเราก็วางระบบเอาไว้แล้ว แต่มันเป็นปัญหาเพราะ "ไม่มีตัวเล่นสำรองเพื่อทดแทนรูปแบบเดียวกัน" อยู่ในทีม เพื่อเล่นให้ได้ตามระบบที่ผู้จัดการอย่างเอริค เทน ฮาก วางระบบเอาไว้ เคสตัวอย่างง่ายสุดคือการออกบอลและคุมบอลคล่องๆเหมือนมาร์ติเนซ ไม่มีใครแทนได้เลย 

พูดง่ายๆคือ ไม่ใช่แค่เรื่องระบบอย่างเดียว แต่ตัวสำรองที่จะเล่นทดแทนในระบบ มันมีไม่พอ แค่นั้นเอง

ตัวอย่างที่ชัดสุดคือ กองหลังตัวเล่นบอลได้คล่องๆ ครองบอลหนีเพรสได้ เปิดบอลเกมรุกได้เหมือนลิซานโดร มาร์ติเนซ ในทีมไม่มีกองหลังที่คล่องและเป็นตัวตั้งเกมหลักแบบนี้ พอลิช่าเจ็บคนหนึ่ง คนอื่นไม่สามารถเล่นได้ใกล้เคียงเลย

กลับกัน ถ้าทีมมี Squad Depth ที่เป็นขุมกำลังเชิงลึกดีๆ หากเรามีกองหลังที่เล่นในชุดทักษะคล้ายๆ Licha ได้อีกสักคน เราก็จะไม่ลำบากกับทรงบอลที่มันเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เลย

บางครั้ง มันจึงไม่ได้เป็นเพราะว่า ระบบไม่ชัดเจน อย่างเดียว บางทีมอย่างเช่นแมนยูไนเต็ด ยังไม่มีตัวเล่นที่สามารถทดแทนมิติของเพื่อนได้ เวลาตัวหลักหายไปคนนึงจึงเสียหายหลายแสน

เทียบง่ายๆอีกเคส ก็กองหน้าตัวเป้าไงครับ ไม่ต้องพูดถึงคุณสมบัติ เอาแค่ตำแหน่งเดียวกัน ทีมเราตอนนี้ยังไม่มีกองหน้าคนที่สองเลย ต้องไปเอาปีกตัวยิงอย่างแรชฟอร์ดมาเล่นค้ำหน้าเป้าแทน จะไปรอดอะไร ตายทั้งทีม ตายทั้งตัวนักเตะที่โดนโยกมา

เพราะงั้นแล้ว คำตอบ "ส่วนหนึ่ง" ที่เราพอจะอธิบายได้ว่า วิธีการแก้ไขปัญหานักเตะเจ็บนั้น ในมิติด้านฟุตบอลทำยังไงได้บ้าง มันก็แค่คิดกันด้วยหลักเหตุและผลง่ายๆเลยว่า ถ้าเวลาตัวเล่นเจ็บแล้วทีมฟอร์มรวนเหมือนแมนยูนั้น ถ้าเราทำให้ระบบมันไม่เปลี่ยน แล้วเอานักเตะฝึกฝน นำมาใส่ระบบแทน มันจะเสถียรกว่านี้ และการมีนักเตะให้เพียงพอในทีม ก็สำคัญไม่แพ้กัน

ไม่ว่าใครจะมาใครจะไป ไม่ว่าใครจะเจ็บ หรือใครจะฟิต การเล่นของทีมจะคงที่และได้มาตรฐาน ถ้ามีระบบเป็นแกนหลักให้ยึด และมีตัวสำรองที่มากพอ แล้วเวลาเสียนักเตะไปก็แค่หาคนอื่นที่เล่นตามระบบเดิม ลงมาเล่นทดแทนคนนั้นให้ได้ แค่นั้นก็จบทันที

ทีมจะรันได้ยาวๆไม่มีเป๋แน่นอน 

ภาษาชาวบ้านที่เค้าเรียกกันว่า "หานักเตะที่เข้าระบบ" มาไว้ในทีมนั่นแหละ ชัดเจนที่สุดแล้ว ต่อจากนี้แมนยูไนเต็ดควรจะต้องมีระบบที่เข้มข้นและชัดกว่านี้ จนกว่ามันจะไม่เป็นการเล่นที่ยึดโยงตัวผู้เล่นมากเกินไป

ยกตัวอย่างเช่น เวลาตัวหลักๆอย่างชอว์เจ็บ เวลาลิช่าเจ็บ เวลาฮอยลุนด์เจ็บ หากว่าทีมมีระบบการเล่นที่แน่นอน ซึ่งนักเตะทุกคนเล่นได้ และลงมาแทนแล้วไม่ต่างกัน ตอนนั้นปัญหาบาดเจ็บจะไม่สามารถทำอะไรแมนยูได้อีกเลย

ซึ่งการวางระบบดังกล่าว และการหาทรัพยากรนักเตะให้ cope กับการลงเล่นแทนกันได้ในตำแหน่งสำรองนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลาสรรหานักเตะที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการเข้ามาเล่นให้ตรงแนวทางทีม นักเตะที่พร้อมลงเล่น และมีคุณภาพมากพอจะทำตามระบบได้ ถือเป็นสิ่งจำเป็นในการเสริมทีม มันเป็นเรื่องที่แมนยูจะต้องทำต่อไป

ตอนนี้เราได้ยินข่าวมาแล้วว่า ทีมบริหารหลังบ้านจะต้องมีการพูดคุยกัน ทั้งบอร์ด, ผู้อำนวยการ, ผู้จัดการทีม จะต้องปรึกษาและทำแผนงานร่วมกันเพื่อกำหนดทิศทางการเล่นให้ชัดเจนกว่านี้ ทำให้เป็นแบบแผนเดียวกันทั้งระบบตั้งแต่ชุดใหญ่ไปจนถึงชุดเล็ก

ข่าวนี้เกิดขึ้นมาแล้วเมื่อวาน มันเป็นสิ่งที่เราดีใจว่าบอร์ดกำลังมีแผนจะทำอยู่ และมันช่างตรงกับสถานการณ์ในตอนนี้จริงๆที่ทีมก็ยังมีปัญหาอยู่ เวลามีนักเตะเจ็บไปสักคน แฟนบอลอย่างเราแทบจะร้องกรี๊ด

แต่ถ้าเราเซ็ตรูปแบบวิธีการที่ชัดเจน และวางทิศทางการเล่นฟุตบอลให้เป็นไปในทางเดียวกันแล้ว ถึงเวลานั้นนักเตะจะเจ็บไปแค่ไหน บอลของแมนยูไนเต็ดก็จะสามารถทดแทนกันได้ 

ระบบควรเป็นตัวหลัก ไม่ใช่ยึดคุณสมบัติตัวจริงเป็นสำคัญ คำนี้แมนยูจะต้องแก้ให้ได้ในฤดูกาลต่อไป

เราเชื่อว่าทีมงานหลังบ้านจะช่วยตรงนี้อย่างดีแน่ๆ และปัญหาในปีนี้คงเป็นบทเรียนสำคัญให้ปีศาจแดงหาทางแก้ให้ได้ ไม่งั้นเตะ 1 เกม เล่นดีๆ พอมีนักเตะเจ็บเกมต่อมาก็ฟอร์มก็ตก จากนั้นก็กลับมาแพ้ แล้วก็วนเวียนกันแบบนี้งั้นหรือ? เราจะแย่แน่ๆ เพราะงั้นต้องแก้เรื่องนี้ให้ได้จริงจัง

ในฐานะแฟนบอลก็ช่วยกันส่งกำลังใจให้ทีมกันต่อไปครับ ปีนี้อดทนไปก่อน

วันข้างหน้ามันต้องดีขึ้นแน่ๆ ผมก็ยังเชื่อว่าทุกสิ่งจะดีขึ้นในอนาคตครับ

#BELIEVE

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด