:::     :::

เกมพลาดไม่ได้ของซิตี้ VS ต่อความหวังเล็กๆของยูไนเต็ด

วันศุกร์ที่ 01 มีนาคม 2567 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
1,594
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
วิเคราะห์สถานการณ์และผลกระทบของเกมดาร์บี้แมตช์สุดสัปดาห์นี้ที่จะเป็นเกมใหญ่ระหว่าง แมนเชสเตอร์ซิตี้ ปะทะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นนัดที่ผลกระทบมากกว่าที่ใครๆคิด สำหรับเรือใบสีฟ้า นัดนี้ต้องสามแต้มเท่านั้นโดยที่จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด ส่วนยูไนเต็ด นี่คือกองไฟเล็กๆกองสุดท้ายที่กำลังจะมอดลงเข้าไปทุกที

วันอาทิตย์นี้เวลา 4ทุ่มครึ่ง เป็นเกมพรีเมียร์ลีกนัดสำคัญอีกหนึ่งเกมระหว่าง แมนเชสเตอร์ซิตี้ กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด หลังจากที่พรีเมียร์ลีกสัปดาห์ที่ผ่านมาของทั้งคู่ สถานการณ์แตกต่างกันอยู่บ้าง

ฝั่งซิตี้เพิ่งจะบุกไปชนะบอร์นมัธมา 0-1 เป็นสามแต้มที่ทำให้พวกเขาเกาะตำแหน่งลุ้นแชมป์อยู่ใกล้ลิเวอร์พูลมากที่สุดด้วยคะแนน 59 แต้ม ตามลิเวอร์พูลอยู่ 1 แต้มด้วยการเตะ 26 เกมเท่ากัน ซึ่งสองเกมก่อนหน้านั้นของแมนซิตี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไปพลาดสะดุดมาในเกมเปิดบ้านเสมอกับเชลซี 1-1 ทำให้เกมตกค้างที่มีอยู่ในมือ ไม่สามารถทำแต้มแซงลิเวอร์พูลได้

ส่วนยูไนเต็ด สามสัปดาห์ก่อนอุตส่าห์ลดระยะห่างของพื้นที่ท็อป4 จนเหลือแค่ 5 แต้มด้วยการบุกไปชนะแอสตัน วิลล่า ได้ถึงถิ่น 1-2 พื้นที่ท็อปโฟร์เปิดกว้างมาก ก่อนจะตามด้วยชัยชนะอีกหนึ่งนัดในเกมบุกไปชนะลูตันด้วยสกอร์เดียวกัน 1-2 แต่เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา แมนยูไนเต็ดกลับพลาดในบ้านตัวเองด้วยการโดนเกมเร็วของฟูแล่มเล่นงานคืน จนแพ้ทีมเจ้าสัวคาโอลด์แทรฟฟอร์ดไป 1-2 

ขณะที่แอสตันวิลล่า หลังแพ้แมนยูมาก็เก็บได้สองนัด 6 แต้มเต็มไม่มีพลาด ทำให้จากเดิม ระยะห่าง 5 คะแนน กลายเป็น "8 คะแนน" ไปแล้วในตอนนี้ โดยเหลือการแข่งขันในฤดูกาลอีกเพียง 12 เกมสุดท้ายเท่านั้น ในทางทฤษฎี วัดกันด้วยคะแนนตรงๆก็ยังเป็นไปได้อยู่ แต่ในทางปฏิบัติ จากทรงการเล่นและประสิทธิภาพในซีซั่นนี้ของทั้งสองทีม ต้องพูดกันตรงๆว่า เป็นไปได้ยากมาก ที่จะหวังให้แมนยูแซงวิลล่าได้

คิดง่ายๆว่า วิลล่าต้องพลาดสะดุดถึงราวๆ 3 เกม ขณะที่แมนยูก็ต้องชนะ 3 เกมที่ว่านั่นให้ได้ ถึงจะแซงวิลล่าได้ 1 คะแนน คิดแค่นี้ก็ยากแล้ว นอกจากนี้ให้ลองพิจารณาถึงฟอร์มในปีนี้ของทีมสองเอามาเปรียบเทียบกันดูจะเห็นภาพชัด

ใครที่ติดตามพรีเมียร์ลีกอยู่ตลอดก็คงจะรู้ว่า วิลล่าปีนี้ของอูไน เอเมรี่ ชัวร์มากๆ ทีมพวกเขามีความแข็งแกร่งแบบสุดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แดนกลาง และ แนวรุก ฟอร์มสุดยอดมาก นำทีมมาโดยกองหน้าขวัญใจชาวเกม FPL แฟนตาซีพรีเมียร์ลีกอย่าง โอลลี่ วัตกินส์ ที่ยิงประตู + แอสซิสต์ กระจุยกระจายทุกอาทิตย์แบบไม่มีแผ่ว

กองกลางอันแข็งแกร่งโดย ดักลาส ลุยซ์ ที่เล่นได้ทั้งเบอร์ 6 และตอนนี้ขึ้นมาทำเกมในฐานะเบอร์ 8 อย่างแข็งแกร่ง ร่วมกับตัวปัดกวาดอย่าง บูบาการ์ คามาร่า รวมถึง ยูริ ทีลิมันส์ อีกหนึ่งคน ผนึกกำลังกับ จอห์น แม็คกินน์ ตัวสอดยิงเพื่อนซี้แม็คซอส, ลีออน เบลีย์ ปีกซ้ายตัวพริ้ว, ตัวสอดแทรกอย่าง เจค็อบ แรมซีย์, แมตตี้ แคช และโกลสุดเหนียวจอมแสบอย่าง เอมี่ มาร์ติเนซ

ทีมพวกเขาลงตัว เล่นได้มีคุณภาพครบทุกมิติทั้งเกมรุก เกมรับ การครองบอล แถมยังเก็บผลได้ดีมากๆด้วย ปีนี้พอจะมองออกได้เลยว่า ท็อปโฟร์ที่น่าจะได้ไป UCL ปีหน้า คงจะหนีไม่พ้น แอสตัน วิลล่า ของอูไน เอเมรี่แน่ๆ จากการคาดการณ์ปัจจัยต่างๆโดยแฟนบอลที่เชียร์แมนยูแบบสุดลิ่มทิ่มประตูหน้าแบบผู้เขียน ก็ยังยอมรับว่าโอกาสมันริบหรี่มากแล้วที่จะไล่ตามวิลล่าทันด้วย gap ที่กว้างระดับ 8 แต้มอย่างนี้ แล้วจำนวนแมตช์มันน้อยลงเรื่อยๆ

ส่วนปัจจัยในเรื่องของ "โปรแกรมการแข่งขัน" ที่ต้องพูดว่า แมนยูเองยังมีโปรแกรมหนักๆรออีกเพียบ ทั้งเชลซี ลิเวอร์พูล แมนซิตี้วีคนี้ อาร์เซนอลและไบรท์ตันช่วงท้ายฤดูกาลก็รออีกสองทีมที่ต้องทำศึกด้วย ซึ่งนัดนั้นอาร์เซนอลน่าจะกำลังคั่วแชมป์อยู่แน่ๆ คงเป็นงานที่หนักมากๆ

ขณะที่ฝั่งวิลล่า ความหนักของโปรแกรมในลีกถือว่าใกล้ๆกันกับแมนยู พวกเขามีคิวต้องเจอ สเปอร์ส ซิตี้ อาร์เซนอล เชลซี ไบรท์ตัน ลิเวอร์พูล ก็ถือว่าโปรแกรมเดือดอยู่ แต่ที่น่าสนใจคือ วิลล่ายังมีภาระรับผิดชอบในถ้วย ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ลีกด้วย ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายเลกแรกที่จะเจอกับอาแจ็กซ์ช่วงกลางสัปดาห์หน้า

ถามว่าใครหนักมากกว่า ชั่งน้ำหนักดูแล้วเหมือนว่า วิลล่าจะเหลื่อมแมนยูอยู่แค่นิดเดียวในลีก ส่วนในบอลถ้วย ยูไนเต็ดเองก็ยังเหลือเกมเอฟเอคัพรอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่จะต้องเปิดบ้านเจอกับลิเวอร์พูล มาคั่นโปรแกรมช่วงวันที่ 16 มีนาคม ภาพรวมแล้วถือว่างานใหญ่ๆยังมีในมือใกล้เคียงกันทั้งคู่ แม้วิลล่าอาจจะดูหนักกว่านิดนึงในลีก แต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากขนาดนั้น

ถ้าวัดจากฟอร์มการเล่น และความสม่ำเสมอ เราไปพิจารณาในการเจอทีมอื่นๆที่เป็นทีมขนาดกลาง และเล็กกว่าชื่อที่เอ่ยๆมานี้ ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่า แอสตัน วิลล่า จะมีความสม่ำเสมอพอที่จะเก็บแมตช์เกมเบาเหล่านั้นได้ดีกว่า ขณะที่แมนยูเองจริงๆครึ่งฤดูกาลหลังก็ดีขึ้นมามากแล้วในเรื่องผลการแข่งขัน แต่ก็อาจจะมีบางนัดที่พลาดด้วยเช่นกัน ในวันที่แทคติกและจังหวะมันไม่เป็นใจ

เพราะฉะนั้นแล้ว หากให้พูดกันตรงๆว่า ถ้าแฟนผีต้องการจะให้แมนยูไนเต็ดยังมีลุ้นจะติดท็อปโฟร์อยู่นั้น แมนยูจะต้องกดอัลติในช่วงโค้งสุดท้ายในซีซั่นนี้ทันทีเริ่มตั้งแต่เกมเจอแมนซิตี้ ที่ต้องเก็บผลการแข่งขันให้ดีที่สุดเท่านั้น เพื่อที่จะ "ต่อความหวัง" ในการลุ้นท็อปโฟร์(แบบห่างๆ)ต่อไป

และถ้าอาทิตย์นี้แพ้ซิตี้ ความหวังที่ว่าอาจจะพูดได้เลยว่า ดับลงอย่างสมบูรณ์ในทางปฏิบัติ ดังนั้นสำหรับแมนยู เกมดาร์บี้แมตช์กับเพื่อนบ้านสีฟ้าทีมนี้ จึงเป็นเกม "ต่อความหวังในการลุ้นท็อปโฟร์" แบบเฮือกสุดท้ายอย่างแท้จริง ถ้าแพ้ก็จบเกมแบบชัวร์ๆ แต่ถ้ามีแต้มออกมาจากถิ่นเอติฮัดได้สักแต้ม ก็อาจจะยังได้ลุ้นต่อไปเล็กๆด้วยความหวังที่เหลืออยู่ริบหรี่ 

นี่คือสถานการณ์ของการเล่นเพื่อจะ "ต่อลมหายใจ" ของทางฝั่งแมนยูไนเต็ด ในซีซั่นที่ต้องยอมรับตรงๆว่ามีปัญหาจริงๆ และไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ เราก็อาจจะต้องปรับแผนอีกครั้งด้วยบอร์ดใหม่ของเซอร์จิม ที่จะเข้ามาดูแลทิศทางตั้งแต่ตลาดซัมเมอร์นี้

อย่างน้อย 'ก่อนจบเพลงนี้' บทเพลงแห่งความล้มเหลวที่เราต้องจำใจยอมรับในปีนี้ ขอดูสักหน่อยว่าแมนยูจะยังยื้อโอกาสลุ้นเล็กๆไว้ได้นานแค่ไหนสำหรับอันดับท็อปโฟร์ในตารางพรีเมียร์ลีก

ส่วนทางฝั่งแมนเชสเตอร์ซิตี้ เอาจริงๆแล้วถือว่า ดาร์บี้แมตช์สัปดาห์นี้ค่อนข้างที่จะ "ตึง" สำหรับชาวเรือใบสีฟ้าพอสมควร เพราะสถานการณ์พวกเขาต่างจากยูไนเต็ดตรงที่ว่า นัดนี้ซิตี้จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะถ้าพลาดสะดุดโดนแมนยูตัดแต้มไป 2... (หรือ 3 แต้ม) โอกาสลุ้นแชมป์อาจจะลดฮวบลงอย่างน่าใจหายจนอาจจะต้องออกจากวงโคจรลุ้นแชมป์ แล้วปล่อยให้อาร์เซนอลขึ้นไปเป็นผู้ท้าชิงตัวจริงก็เป็นได้

ทำไมถึงตึง? ทำไมถึงเป็นเกมที่ซิตี้พลาดไม่ได้ขนาดนั้น 

เนื่องจากว่า โปรแกรมการแข่งขันของแมนเชสเตอร์ซิตี้ เทียบกันกับ ลิเวอร์พูลแล้วนั้น โปรแกรมซิตี้มหาโหด หินโคตรๆ และหนักกว่าทีมสีแดงจากเมอร์ซีย์ไซด์อย่างมาก

คิดง่ายๆว่า โปรแกรมห้านัดจากนี้ของซิตี้ไม่รวมบอลยุโรป พวกเขาจะต้องเจอกับ แมนยูไนเต็ด(เหย้า), ลิเวอร์พูล(เยือน), ไบรท์ตัน(เยือน), อาร์เซนอล(เหย้า), วิลล่า(เหย้า)

เป็นห้านัดติดที่ต้องเจอทีมในครึ่งตารางบนล้วนๆ และสองในห้า คือคู่แข่งที่กำลังลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยกันอยู่ ต้องไปเยือนทีมจ่าฝูงที่เล่นได้แข็งแกร่งในบ้าน และได้เฝ้าบ้านเจอกับทีมที่หนักหน่วงสุดๆแบบอาร์เซนอล

โปรแกรมห้านัดในพรีเมียร์ลีกช่วงนี้ของแมนเชสเตอร์ซิตี้ อาจจะตัดพวกเขาหลุดจากวงโคจรลุ้นแชมป์ภายในไม่กี่เกมข้างหน้านี้เลยก็เป็นได้ หากว่าแมนซิตี้สะดุดและเป๋รัวๆ จากการเจอของแข็งติดๆกันขนาดนี้ รวมถึงแมนยูด้วย แม้ว่าในสายตาแฟนผีและแฟนทีมอื่นเราอาจจะดูเป๋ในปีนี้ แต่ผู้เขียนเชื่อว่า มันไม่ใช่เกมง่ายของซิตี้แน่ๆในการรับมือกับบอลไดเร็คต์ที่ต้องเผชิญกับการโต้เร็วในทุกๆจังหวะการเล่น ที่หากว่าพลาดหลุดบ้างครั้งสองครั้ง ก็อาจจะอันตรายได้เหมือนกัน

มีใครกล้าพูดว่าแมนยูแพ้แน่100%บ้าง? ฟุตบอลมันไม่มีอะไรแน่นอน ทุกคนก็รู้อยู่ เพราะงั้นประมาทแมนยูก็ถือเป็นหนทางแห่งความตายได้เหมือนกัน

ซึ่งถ้าซิตี้พลาดตั้งแต่เกมดาร์บี้แมตช์นัดนี้ โมเมนตัมของพวกเขาจะรวนทันที และนัดต่อไปต้องไปเยือนถิ่นแอนฟิลด์เจอคู่ปรับโดยตรงอย่างลิเวอร์พูลอีก ใช่ หลายๆคนอาจจะบอกว่า ลิพูลตัวเจ็บเยอะ ซิตี้อาจจะชนะก็ได้ พวกนั้นอาจจะเป๋ช่วงท้ายได้เหมือนกัน มันก็จริง แต่สมมติว่าหลุดลิเวอร์พูลไป พวกเขายังต้องเจอไบรท์ตัน อาร์เซนอล วิลล่า อีก

โปรแกรมนรกแตก ไม่ทราบว่าใครจัดผังให้แมนซิตี้ครับเนี่ย!

ฝั่งลิเวอร์พูล ทีมที่ต้องเจอถือว่าเบากว่าเยอะ พวกเขามีคิวเตะกับ ซิตี้ ไบรท์ตัน แมนยู สเปอร์ส วิลล่า ซึ่งเกมใหญ่ๆมีแค่สองเกมที่พวกเขาต้องไปเยือน คือนัดมาโอลด์แทรฟฟอร์ดเจอแมนยู และนัดเยือนวิลล่าเกมรองสุดท้ายเท่านั้นเอง นอกนั้นมีโอกาสที่ลิเวอร์พูลจะสามารถเก็บแต้มของตัวเองได้ และอาจจะไม่ต้องหันมามองซิตี้เลยด้วยซ้ำ ถ้าเพื่อนบ้านของเราสะดุดในช่วง "ห้านัดนรก" ลิเวอร์พูลแค่เดินหน้าเล่นของตัวเองไปเรื่อยๆทีละนัด แชมป์ก็ใกล้มือมากแล้ว ที่เหลือก็แค่ดูฟอร์มของอาร์เซนอลเท่านั้นเอง

ปีนี้ยังตอบยากและไม่กล้าฟันธงว่าใครจะแชมป์ ดูจากโปรแกรมก็เข้าทางลิเวอร์พูลที่โปรแกรมเบาสุด รองลงมาคืออาร์เซนอล และซิตี้ ตามลำดับ แต่การประมาทอาร์เซนอลที่กำลังเข้าฝักและยิงกระจุยกระจายโหดที่สุดในลีกตอนนี้ มันก็มองข้ามไม่ได้เหมือนกัน สองทีมนี้มีแววจะขับเคี่ยวเป็นคู่แข่งแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกกันในช่วง 8 เกมสุดท้ายฤดูกาล 2023/24 นี้เป็นแน่

เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ลูกทีมของมิสเตอร์กวาร์ดิโอล่า จึงแทบจะพลาดไม่ได้เลยในเกมดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์ กับคู่แข่งอย่างแมนยูไนเต็ด เพราะถ้าเป๋ตั้งแต่นัดแรกจาก "ห้านัดอันตราย" ก็มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะพลาดในเกมต่อๆไปด้วย

ยิ่งถ้านัดหน้าไปแพ้ลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ ประโยคที่ว่า "มันจบแล้วครับนาย" อาจจะโผล่ว่อนในอินเตอร์เนทแน่นอน

เพราะฉะนั้น เกมในสุดสัปดาห์นี้ ความสำคัญของแมตช์นี้ถือว่าสูงมาก และถ้าผลการแข่งขันมันไม่เป็นใจ ทีมที่ดูจะกระทบกระเทือน และเสียหายมากกว่า คือฝั่ง "แมนเชสเตอร์ซิตี้" ที่ต้องลงเล่นด้วยความระมัดระวัง และให้พลาดในเกมนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะพวกเขาอาจจะเสียหายหนักจากโมเมนตัมลุ้นแชมป์ที่มีโอกาสหลุดวงแบบยาวๆในช่วง 4-5 เกมนี้

ส่วนแมนยู ถ้าพลาดแพ้ซิตี้ก็แค่เสมอตัว อันดับก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไร และแทบไม่ได้กระทบกับการลุ้นท็อปโฟร์ด้วย เพราะว่าความหวังมันค่อนข้างน้อยแล้วจริงๆอย่างที่เขียนเอาไว้ในช่วงต้น เพราะงั้นสำหรับซิตี้ คอขาดบาดตายกว่าเยอะ ส่วนแมนยูไนเต็ดเรา ถ้าแพ้มาก็เท่าทุน แค่ว่ามันเป็นการหมดลุ้นท็อปโฟร์แบบ เปลวเพลิงเม็ดเล็กๆเม็ดสุดท้าย มันดับมอดลงไปให้เราเห็นก็แค่นั้นเอง

จุดตรงนี้แหละที่ผู้เขียนมองว่า ซิตี้กดดันกว่าเยอะมาก เล่นในบ้านด้วย และยิ่งถ้าเจอแทคติกของยูไนเต็ดตั้งรับกันเหนียวๆด้วยแผนที่เล่น 4-5-1 ดรอปปีกสองข้างลงต่ำไปซ้อนแบ็ค ทิ้งตัวบนสุดเอาไว้แค่คนเดียว ถ้าพวกเขาเจาะแมนยูไม่เข้า แล้วเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ หากประตูแรกไม่มา ความกดดันจะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ตรงนั้นซิตี้อาจจะลำบากได้

กลางสัปดาห์ที่พวกเขาส่ง KDB ลงเล่นเต็มเกมในนัดที่บุกชนะลูตันเกม FA Cup มา 2-6 ต้องดูว่า 'เดอบรอยเหนอะ' จะเรียกความฟิตกลับมาได้มากน้อยแค่ไหน หรืออาจจะรอเป็นสำรองเปลี่ยนเกมในครึ่งหลังก็เป็นได้ ซึ่งพวกเขาจำเป็นต้องยิงให้ได้เร็วที่สุดเพื่อลดแรงกดดัน หลังจากนั้นถ้าแมนยูดันเกมขึ้นสู้ ถึงจะเป็นโอกาสยิงเพิ่มอีกเพื่อปิดเกมได้

ดังนั้นเกมวันอาทิตย์นี้ ประตูแรกสำคัญมาก ถ้ามันไม่มา ซิตี้อาจจะกดดันตัวเองได้เหมือนกัน และนั่นจะกลายเป็นโอกาสของแมนยูที่มาในฐานะบอลรอง และพร้อมจะมาสู้เต็มที่เพื่อเก็บคะแนนกลับบ้านแน่ ซึ่งถ้าพูดกันด้วยปัจจัยเรื่องความตึงของเกมนี้แล้ว ก็อาจจะเป็นช่องให้ปีศาจแดงมาเก็บผลการแข่งขันได้เหมือนกัน ในยามที่ทีมซึ่งเล่นด้วยแผนคล้ายๆกับเราในวันเจอซิตี้อย่าง "เชลซี" ก็แบ่งแต้มพวกเขาได้มาแล้ว

ปัจจัยที่น่าสนใจคือ หากแมนยูโชคดี ได้แมกไกวร์กลับมาลงเล่นทันในนัดเจอซิตี้ การเล่น Low-block ปิดเกมรุกเชลซีที่ต้องมาครองบอลบุกใส่แน่นอนอยู่แล้วนั้น อาจจะได้ผลดีกว่าเดิมก็ได้ ดังนั้นคีย์แมนเกมเจอซิตี้ของแมนยู หากว่าพลิกล็อคได้แมกไกวร์กลับมาทัน รับรองว่าในเชิงแทคติกฟุตบอลมัน 'เดือดส์' แน่นอน

ถ้าซิตี้พลาดสะดุดกับแมนยูอีกทีม เห็นทีเป๊ปหัวร้อนแน่นอน และนั่นอาจจะทำให้คู่ปรับแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกปีนี้ เหลือแค่ทีมสีแดงสองทีมนั้นฟัดกันเอง ก็เป็นได้

ในฐานะบอลรอง แฟนแมนยูเชียร์นัดนี้กันให้สบายใจครับ เราไม่มีอะไรจะเสียหรอก แพ้ก็งั้นๆ เราแพ้มาเยอะแล้ว(ฮา) การแพ้ทีมระดับท็อปไม่ใช่เรื่องเสียหายขนาดนั้นหรอกถ้าเรายอมรับได้ว่าทีมเรายังไม่ดีพอ และต้องพัฒนาขึ้นไปให้ถึงจุดนั้นในอนาคต

แต่ถ้านัดนี้ทะลึ่งพลิกล็อคขึ้นมาล่ะก็... พรีเมียร์ลีกเดือดแน่นอน

รูปเกมจะเป็นยังไง จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น คืนวันอาทิตย์นี้ทุกคนก็คงจะได้ลุ้นไปพร้อมๆกันกับแฟนบอลทั้งโลก พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

#BELIEVE

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด