เริ่มตั้งแต่ เวสต์แฮม มาจนถึง ลิเวอร์พูล และ เชลซี โดยมีช่วงเวลาที่ไปเล่นกับ อาร์เซน่อล และ เวสต์แฮม (รอบสอง) ด้วยสัญญายืมตัว
แต่แน่นอนว่าความพิเศษคือการเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ ในช่วงปี 2007-2010 ซึ่ง เบนายูน บอกว่า "หงส์แดง" เป็นอะไรที่พิเศษสำหรับเขาเสมอ และ มิริค ผู้เป็นภรรยารวมถึงลูกๆ เมย์ และ เบน ก็เป็นแฟนบอลของสโมสร
"ลิเวอร์พูล พิเศษสำหรับผม, สามปีที่ยอดเยี่ยมในอาชีพของผม, ผมสนุกกับมันมาก ผู้คนก็ดี ผมรู้สึกว่ามันเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผมและครอบครัวและในฐานะนักเตะด้วย" เบเนยูน กล่าวกับ เมล สปอร์ต
กับการเตรียมอำลาสโมสรของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในช่วงซัมเมอร์นี้ เบนายูน พูดถึงคนที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทนว่า "สำหรับผมจะต้องเป็นคนที่มีความเป็น ลิเวอร์พูล อย่างสูง ถ้าสโมสรสามารถดึงคนอย่าง ชาบี หรือ - นี่อาจจะเป็นเรื่องน่าเซอร์ไพรส์ - ใครบางคนอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด หนึ่งในนั้นจะสานต่อสิ่งที่ คล็อปป์ สร้างขึ้นเพราะพวกเขารู้จักสโมสร"
"ชาบี เป็นเพื่อนที่ดีของผมและผมสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมคนพูดถึงเขาในฐานะผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล"
"มันไม่ได้เป็นไปด้วยดีที่ แอสตัน วิลล่า สำหรับ สตีวี่ แต่เขาทำได้อย่างยอดเยี่ยมใน สกอตแลนด์, เขาคู่ควรได้รับโอกาสในการเป็นโค้ชให้ ลิเวอร์พูล จากสิ่งที่เขาทำมาตลอดอาชีพ"
"หากพวกเขาดึงคนที่เหมาะสมเข้ามา ลิเวอร์พูล สามารถสร้างความมั่นคงของ คล็อปป์ ตลอด 9 ปีที่ผ่านมาได้, มันจะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงผู้เล่น 35 คน, โอเค บางคนอาจจะย้ายออกไปแต่ผู้เล่นระดับท็อปต้องการมาเล่นกับ ลิเวอร์พูล"
"ตอนนี้พวกเขากำลังต่อสู้เพื่อแชมป์และ คล็อปป์ คือคนสำคัญ แต่นี่คือสโมสรใหญ่ พวกเขามีสิ่งอำนวยความสะดวกและเงื่อนไขในการเป็นสโมสรใหญ่ต่อไป
นอกจากนี้ เบนายูน ยังพูดถึงสถานการณ์ของ เชลซี อีกสโมสรเก่าที่ประสบปัญหาเรื่องผลงานแม้ว่าจะทุ่มเงินอย่างมหาศาลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
"นับตั้งแต่ โรมัน (อบราโมวิช) จากไป มันเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก, มันเหมือนกับคุณพาลูกสาวเข้าไปในร้ายขายขนมแล้วเธอบอกว่าอยากได้ทุกอย่าง คุณซื้อขนมทั้งหมดให้เธอกินแต่สุดท้ายเธอก็ปวดท้อง" เบนายูน กล่าว
"ความจริงที่ว่าคุณมีเงินมันไม่ได้หมายความว่าคุณซื้อใครก็ได้ คุณต้องสร้างทีมและในตอนนี้พวกเขากำลังหลงทาง จะต้องมีหนึ่งเสียงที่ชัดเจน คุณนำผู้อำนวยการกีฬาที่เหมาะสมเข้ามาและคุณเชื่อใจเขา ถ้าคุณเชื่อใจเขา เขาควรจะเป็นคำพูดที่เด็ดขาด หากมีความคิดเห็นมากเกินไปคุณก็จะเสียทุกอย่าง"
"ทูเคิ่ล จากไปจากนั้นก็นำ พ็อตเตอร์ เข้ามาและตัดสินว่าเขาไม่ใช่คนนั้น แล้วก็ดึง โปเช็ตติโน่ เข้ามาอีก มันไม่ได้ผล ในช่วง 2-3 เดือนแรก พวกเขาต้องการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาอยู่ในสนาม 'นี่คือนักเตะที่ ลิเวอร์พูล และ เรอัล มาดริด ต้องการเหรอ - โอเคเราจะจ่าย 120 ล้านปอนด์' นั่นไม่ได้นำมาซึ่งความสำเร็จ"
"ดู นิวคาสเซิ่ล สิ พวกเขามีเงิน แต่ผมไม่เห็นว่าพวกเขาจะซื้อไปเรื่อย, เชลซี จำเป็นต้องหยุด, คิด และผ่อนคลายกับการใช้เงิน บางทีคุณอาจมีนักเตะที่ใช่ด้วยการจ่าย 15 ล้านปอนด์หรือ 20 ล้านปอนด์"
ยังมีประเด็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ต้องย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล มาอยู่กับ เชลซี ซึ่งตัวเขาเองไม่คิดย้ายออกจากถิ่น แอนฟิลด์ แต่ปัญหากับ ราฟาเอล เบนีเตซ ผู้จัดการทีมในตอนนั้นทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นซึ่ง เบนายูน ไม่ใช่ผู้เล่นคนแรกที่ตั้งคำถามถึงการทำงานของเทรนเนอร์ชาวสเปน โดยทาง สตีเว่น เจอร์ราร์ด เคยล่าสถึงความสัมพันธ์กับ เบนีเตซ ว่า "เหินห่างและไร้ความรู้สึก"
"ผมเข้าใจว่าบางทีเข้าอาจจะพยายามกระตุ้นแต่บางครั้งคุณต้องเข้าใจว่าคุณสามารถพูดกับนักเตะได้มากแค่ไหน เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่รู้สึกไม่ดีและวุ่นวายในห้องแต่งตัว"
"ในจุดนี้เรามีปัญหาบางอย่าง มันเข้ามาสู่ห้องแต่งตัวและมันได้ผลกับเราอีกครั้ง โค้ชจำเป็นจะต้องรู้ว่าคนไหนที่จะต้องดูแลใกล้ชิด ไม่ใช่แค่คนที่ชอบอย่างเดียว"
"ทำไมคุณถึงอยากให้ใครสักคนเอาแต่บอกว่า 'ราฟา คุณพูดถูก'? นี่คือสิ่งที่ ราฟา ขาดหายไปเพราะ ราฟา เป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยมในนามและเป็นหนึ่งในโค้ชที่เก่งที่สุด เขายกระดับผู้เล่น แต่ความสัมพันธ์ของเขากับนักเตะคุณต้องมีคนช่วย เราไม่มีสิ่งนั้นในช่วงเวลานั้น"
"ผมรู้สึกว่าผมไปต่อไม่ได้ แต่หลังจากนั้น เบนีเตซ ก็ขากทีมไปหลังจากที่ผมไปอยู่กับ เชลซี ได้ไม่กี่วัน ตอนนั้นผมคิดว่า 'ฉันย้ายออกมาทำไมเนี่ย' เพราะผมต้องการที่จะอยู่ ลิเวอร์พูล ต่อไป"
"แต่ผมก็โชคดีเช่นกันที่ได้ไปอยู่กับ เชลซี และก็โชคดีที่ได้ไป อาร์เซน่อล เพื่อรู้จัก อาร์แซน เวนเกอร์ จากสถานการณ์ที่ย่ำแย่ผมก็ค้นพบสิ่งดีๆ"
ปิดท้ายการสนทนา ยอสซี่ เบนายูน พูด อิสราเอล ชาติบ้านเกิดที่มีโอกาสไปเล่นในยูโร 2024 รอบสุดท้าย ที่จะลงเล่นในรอบเพลย์ออฟรอบรองชนะเลิศเจอกับ ไอซ์แลนด์ และหากชนะได้ก็จะไปเจอผู้ชนะระหว่าง บอสเนียฯ กับ ยูเครน โดยรายการเมเจอร์ครั้งเดียวของพวกเขาคือการเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 1970
ด้วยความขัดแย่งที่เกิดขึ้นในประเทศทำให้ผู้คนไร้รอยยิ้มบนใบหน้า ทาง เบนายูน หวังว่าทีมจะผ่านเข้ารอบสุดท้ายเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นได้
"งานของเราคือการนำความสุขมา นี่คือสิ่งที่เรารู้สึกตั้งแต่สงครามเริ่มต้นเมื่อเดือนตุลาคม มันยากมากที่จะลงเล่นเมื่อประเทศของคุณอยู่ในภาวะสงคราม เพราะเรามีผู้เล่นบางคนที่ครอบครัวมีส่วนร่วม - ครอบครัวของผมก็มีส่วนร่วมด้วย"
"มันยากที่จะมีสมาธิกับฟุตบอล แต่ในอาชีพของผม ผมนับถือศาสนาทั้ง อิสลาม และ คริสเตียนส์ - และเราทุกคนก็เป็นเพืาอนที่ดีต่อกัน เรามี มุสลิม และ อิสราเอล อยู่ในทีมชาติ และจะไม่มีใครรู้สึกแตกต่างไปจากกัน นี่คือเป้าหมายแรกของผม"
"เรามีชาวอาหรับนักร่วมกับนักเตะชาวยิว คุณสามารถผมผสานทุกคนเข้าด้วยกัน คุณมาร่วมทีมชาติและมุ่งความสนใจไปที่ฟุตบอล เราไม่ยุ่งกับเรื่องการเมือง ถ้าคุณเป็นคนดี ศาสนาก็ไม่สำคัญ"
