มาตรฐานของพรีเมียร์ลีกสูงขึ้น หรือมาตรฐานของแชมเปี้ยนชิพต่ำลง หากซีซั่นหน้าสมาชิกของสองลีกนี้ กลับมาเป็นหน้าเดิมจากซีซั่นก่อน
เข้าสู่ปฏิทินฟุตบอลเดือนมีนาคม มีความเป็นไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ ที่จะเป็นเช่นนั้น เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์และมองดูตารางคะแนนทั้งในพรีเมียร์ลีกและแชมเปี้ยนชิพ
พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022-23 จบลงด้วยการตกชั้นของ เลสเตอร์ ซิตี้ (อันดับ 18), ลีดส์ ยูไนเต็ด (อันดับ 19) และ เซาธ์แฮมป์ตัน (อันดับ 20)
แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2022-23 จบลงด้วยการเลื่อนชั้นของ เบิร์นลี่ย์ (อันดับ 1), เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (อันดับ 2) และ ลูตัน ทาวน์ (อันดับ 3 ที่เป็นผู้ชนะเพลย์ออฟ)
ตัดมาที่สถานการณ์ปัจจุบัน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023-24 (ก่อนเริ่มเดือนมีนาคม) เบิร์นลี่ย์ กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด กอดคอกันตามพื้นที่สีขาวห่างออกไปเรื่อยๆ ขณะที่ ลูตัน ก็อยู่ในโซนแดงด้วย แต่สถานการณ์ดีกว่าสองเพื่อนที่จูงมือกันเลื่อนชั้นขึ้นมา
ฝั่ง แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2023-24 เลสเตอร์ ยังคงนำจ่าฝูง แม้ความห่างลดเหลือ 6 คะแนน แต่โอกาสเลื่อนชั้นยังสดใส และเมื่อดูรายชื่อทีมที่ตามหลังมามี ลีดส์ กับ อิปสวิช ที่ลุ้นอันดับสอง สิทธิ์เลื่อนชั้นอัตโนมัติ อีกทีมที่ประมาทไม่ได้ก็คืออันดับ 4 เซาธ์แฮมป์ตัน
สิ่งที่ได้เห็นจาก เบิร์นลี่ย์ กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ซีซั่นนี้คือการเล่นบอลสั้นเท้าต่อเท้า ไม่ใช้บอลกลางอากาศเป็นอาวุธเหมือนอย่างที่เคยอยู่รอดปลอดภัยในอดีต
เบิร์นลี่ย์ กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด สร้างทีมและแนวทางการเล่นแบบนี้มาตั้งแต่ซีซั่นก่อน ที่มีผลงานโดดเด่นกว่าใครๆ ในแชมเปี้ยนชิพ แต่กลับกลายเป็นว่าพอเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกกลับสู้ใครไม่ได้
และนั่นก็คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับ เลสเตอร์ และ ลีดส์ ในแชมเปี้ยนชิพซีซั่นนี้
อย่างไรก็ตาม ในอดีตไม่เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นมาก่อน สามทีมที่ตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก ต่างพร้อมใจกันเลื่อนชั้นกลับขึ้นมาในช่วงเวลาเพียงปีเดียว และอีกสามทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมา ก็ตกชั้นกลับไปพร้อมกัน
และหากซีซั่น 2024-25 สมาชิกทั้งสองลีกของอังกฤษกลับไปเป็นหน้าเดิมจากซีซั่น 2022-23 ทั้งหมดอีกครั้ง ก็แสดงให้เห็นว่า พรีเมียร์ลีกกำลังยกระดับขึ้นไปจากแชมเปี้ยนชิพอีกขั้น
