ห่างเท่าไหร่?ท็อปสกอร์ตลอดกาลพรีเมียร์ฯ
ไม่เคยมีผู้เล่นคนใดสามารถยิงเกิน 31 สกอร์ มาก่อนในลีกนี้ นับตั้งแต่ปรับให้มีโปรแกรม 38 นัด/ฤดูกาล ส่วนสถิติมากสุดตลอดกาล 34 เม็ด นั้น ยังเกิดตอนที่ลีกมีสมาชิก 22 สโมสร ฟาดแข้งมาราธอน 42 แมตช์
จากการสัมภาษณ์ที่ผ่านมาสตาร์จาก อียิปต์หวังมากๆกับตำแหน่งดาวซัลโว ซึ่งมันเป็นโอกาสดีเมื่อเสาร์นี้จะโป้งทีมบ๊วย เวสต์บรอมวิช ต่อให้กลางสัปดาห์มีเกม ยูฟ่า ชปล.รออยู่ก็ตาม
จากนี้ขอนำไปพบกับบรรดายอดดาวยิงของพรีเมียร์ลีก เจ้าของสถิติคนก่อนๆว่าเป็นใครบ้าง แล้วเจ้า โม มีโอกาสขึ้นไปอยู่หิ้งเดียวกับพวกเขาหรือไม่
ซาลาห์ หวังมากกับตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก
.................................................
แอนดี้ โคล (นิวคาสเซิ่ล), 1993-94 : 34 ประตู
ย้อนไปตั้งแต่ปี 1993 นิวคาสเซิ่ล ทำลายสถิติการซื้อตัวผู้เล่นแพงสุดสโมสรด้วยการคว้าดาวยิงจาก บริสตอล ซิตี้ มูลค่า 1.75 ล้าน ปอนด์ ซึ่งมันกลายเป็นเงินลงทุนอันคุ้มค่า
เขาระเบิดตาข่าย 34 สกอร์ จากการลงเล่น 40 นัด ตั้งแต่ฤดูกาลเปิดตัว ช่วยทีม 'สาลิกาดง' จบซีซั่นฐานะอันดับ 3 พร้อมผ่านไปเตะ ยูฟ่า คัพ
ไฮไลท์สำคัญของซีซั่นคือการกดแฮตทริกใส่ทั้ง ลิเวอร์พูล หรือ โคเวนทรี โดยเมื่อถึงงานประกาศรางวัลประจำปี โคล คว้าตำแหน่งผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมของ พีเอฟเอ กระทั่งได้ย้ายไปเป็นผู้เล่น แมนฯ ยูไนเต็ด เวลาต่อมา
โคล ท็อปสกอร์พรีเมียร์ลีกผลงานระดับ 30+ คนแรก
.....................
อลัน เชียเรอร์ (แบล็คเบิร์น), 1994-95 : 34 ประตู
ชูแขนข้างเดียว, วิ่งไปเฮกับแฟนบอล และตะโกนแสดงความสะใจ - ทั้งหมดคือเครื่องหมายการค้าท่าดีใจหลังพังประตูได้ของ เชียเรอร์ ซึ่งเห็นได้จนชินตาตลอดพรีเมียร์ลีกซีซั่นนั้น
การได้คู่ขาเป็น คริส ซัตตัน จนได้สมญานามว่า เอสเอเอส (เชียเรอร์ และ ซัตตัน) รวมพลังถล่มตาข่ายจนช่วยต้นสังกัดกระชากแชมป์จาก แมนฯ ยูไนเต็ด มาประดิษฐานที่ อีวู้ด พาร์ค
สิ้นสุดซีซั่นดาวยิงเลือดผู้ดีคว้าตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมของ พีเอฟเอ โดยฤดูกาลนี้ก็เป็นฉากสุดท้ายที่ พรีเมียร์ลีก มีจำนวนแข่ง 42 แมตช์
ท่าดีใจเครื่องหมายการเชียเรอร์
.................
อลัน เชียเรอร์ (แบล็คเบิร์น), 1995-96 : 31 ประตู
กลางทศวรรษ '90 เชียเรอร์ สถาปนาตัวเองเป็นเพชรฆาตเบอร์ต้นๆของโลกลูกหนัง เมื่อยังรักษาความร้อนแรงเรื่องจบสกอร์ พร้อมป้องกันตำแหน่งดาวซัลโวลีก
แม้ไม่สามารถป้องกันแชมป์ลีกฤดูกาล 1995-96 แต่ก็ยังช่วยให้ 'กุหลาบไฟ' ฟื้นตัวจากสตาร์ตหัวทิ่มหัวตำ จนจบอันดับ 7 ตาราง
ทั้งนี้ในวันรับตำแหน่งรองเท้าทองคำ ซึ่งตรงกับการเปิดซีซั่น 1996-97 ดาวยิงเลือดผู้ดีได้สลับสีเสื้อเป็นดำ-ขาว ของ นิวคาสเซิ่ล ด้วยสถิติโลก 15 ล้าน ปอนด์
ย้ายมาเล่นกับ นิวคาสเซิ่ล ราคา 15 ล้าน ปอนด์
.................
คริสเตียโน่ โรนัลโด้, 2007-08 : 31 ประตู
นี่คือฤดูกาลที่สร้างให้ โรนัลโด้ ไม่เป็นเพียงแค่ผู้เล่นท็อปคลาส แต่ขึ้นสู่ดาวเตะระดับโลก รวมทั้งปลุกปั้นขึ้นสู่จอมถล่มตาข่ายอย่างเต็มรูปแบบจนกลายเป็นเครื่องหมายการค้า
ย้อนไปซีซั่นนั้น 'ซีอาร์ 7' กดถึง 13 เม็ดเมื่อถึงครึ่งทาง ก็ได้รับการชื่นชมมากแล้ว แต่กับครึ่งฤดูกาลหลัง อีก 17 สกอร์ที่ตามมาทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด จบฐานะแชมป์พรีเมียร์ลีกปีที่สองติดต่อกัน
31 ประตูซึ่งทำได้ส่งตัวเองสู่ดาวซัลโวยุโรป, บัลลงดอร์ หนแรกในอาชีพ และมันเป็นบันไดทำให้ได้ย้ายไปเล่นกับ เรอัล มาดริด
โรนัลโด้ กับท็อปสกอร์ลีก นำไปสู่ตำแหน่ง บัลลงดอร์
....................
หลุยส์ ซัวเรซ (ลิเวอร์พูล), 2013-14 : 31 ประตู
ซัวเรซ อาจถูกจดจำจากแฟนบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฐานะตัวเหยียดผิวหรือจอมกัด ทว่าอันที่จริงเขามีดีกว่านั้นโดยเฉพาะผลงานสุดน่าทึ่งกับ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลสุดท้าย
ไฮไลท์คือการทำ 4 สกอร์เกมชนะ นอริช 5-1, ซัดเบิ้ลนัดบุกถล่ม ท็อตแน่ม 5-0, ส่องตาข่ายที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด แมตช์เฮ 3-0 และแน่นอน 3 แฮตทริกเมื่อรวมทั้งฤดูกาล
ดาวยิงจาก อุรุกวัย กลายเป็นผู้เล่นที่ไม่ใช่ชาวยุโรปคนแรกซึ่งคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม พีเอฟเอ อย่างไรก็ตามการที่ 'หงส์แดง' หัวทิ่มพลาดแชมป์ลีกบั้นปลาย เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายให้ตัดสินใจไปเล่นกับ บาร์เซโลน่า
ซัวเรซ รับรางรางวัลรองเท้าทองคำก่อนทิ้ง ลิเวอร์พูล ไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า