จักรกริช พาละพล แนวรุกทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ยอมรับสุดภูมิใจที่มีโอกาสติดทัพช้างศึกครั้งแรกในชีวิต หลังมีชื่ออยู่ในทีมชุดลุยศึกชิงแชมป์เอเชีย U23 รอบคัดเลือก ที่ประเทศมองโกเลีย ระหว่างวันที่ 21-31 ตุลาคม 2564
ปีกวัย 22 ปี จากสโมสร KHON KAEN UNITED เป็นหนึ่งในแข้งดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามอง หลังมีโอกาสลงเล่นในศึกรีโว่ ไทยลีก 2021-22 กับจงอางผยองไปแล้ว 8 นัด ก่อนโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจนถูก "โค้ชโย่ง" วรวุธ ศรีมะฆะ กุนซือทัพช้างศึก U23 เรียกตัวติดทีมชาติไทยครั้งแรกในชีวิต
"รู้สึกดีใจและตื่นเต้นมาก ๆ ครับ มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริง ๆ มันเป็นผมรู้สึกที่ท้าทายตัวเองมาก ๆ อยากลงเล่นในนามทีมชาติไทย ซึ่งผมไม่เคยสัมผัสบรรยากาศแบบนี้มาก่อน นี่คือการติดทีมชาติไทยครั้งแรกในวัย 22 ปี" จักรกริช เปิดใจกับ ช้างศึก
"มองย้อนกลับไปในอดีตเมื่อสัก 2-3 ปีที่แล้ว ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะพาตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ ตอนนั้นผมเล่นฟุตบอลโรงเรียน ก่อนจะมีโอกาสไปเล่นให้ทีมเยาวชนของระนอง ยูไนเต็ด และได้ไปคัดตัวกับทีมจนได้มาเล่นฟุตบอลอาชีพครั้งแรกในชีวิตกับแกรนด์ อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด"
"หลังจากนั้น ขอนแก่น ยูไนเต็ด จึงติดต่อมาหาผมโดยตรงว่าอยากได้ตัวไปร่วมทีม นั่นจึงเป็นที่มาของดีลนี้"
"แม้ว่าปีนี้จะเป็นปีแรกของผมในการลงเล่นไทยลีก 1 กับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด แต่ยังรู้สึกว่าต้องพัฒนาตัวเองต่อไป โค้ชคาร์ลอส เอดูอาร์โด้ ชื่นชอบสไตล์การเล่นของผม ที่เล่นในตำแหน่งริมเส้น"
"ก่อนที่ผมจะรู้ตัวว่ามีชื่อติดหนึ่งใน 50 คน ติดทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี โค้ชคาร์ลอสบอกกับผมว่า 'คุณเชื่อไหมว่าสักวันหนึ่งคุณจะมีโอกาสติดทีมชาติไทย ผมเห็นข้อดีในตัวคุณ คุณต้องอดทนฝึกซ้อมและพัฒนาตัวเองต่อไป แล้ววันนั้นจะมาถึง' ซึ่งวันนี้ผมก็ทำได้แล้ว"
"นี่คือโอกาสครั้งแรกและครั้งเดียวของผมในทีมชุดนี้ เพราะว่าตอนนี้ผมอายุ 22 ปีแล้ว น่าจะเป็นช่วงสุดท้ายของฟุตบอลระดับนี้ ต่อไปคงเป็นโลกฟุตบอลที่กว้างขึ้น ผมตั้งใจอยากทำหน้าที่ให้เต็มที่ที่สุด ถ้ามีชื่อลงสนามผมอยากช่วยทีมชาติไทยให้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ทำทุกอย่างเพื่อให้ทีมไปถึงเป้าหมาย"
"เมื่อผมรู้ว่าทางทีมชาติไทยสนใจติดต่อเรียกผมมาติดทีมชุดนี้ ผมดีใจแบบบอกไม่ถูก เพราะผมรู้ตัวเองว่าผมสู้มาตลอด ไม่ได้มีดีกรีเยาวชนทีมชาติเหมือนคนอื่น เริ่มจากศูนย์จริง ๆ ก็พยายามฝึกซ้อมให้หนักขึ้น เพื่อที่จะมาโชว์ศักยภาพในทีมชาติไทย"
"ผมยังมีอีกหลายสิ่งให้ปรับปรุงอีกมาก หลังจากที่ได้มาสัมผัสความเข้มข้นในการฝึกซ้อมระดับทีมชาติ ต้องยอมรับว่าศักยภาพของเพื่อนร่วมทีมแต่ละคนสูงมาก ผมจึงต้องซ้อมให้หนักกว่าคนอื่น"
"บรรยากาศในทีมอบอุ่นมาก ๆ ครับ ทุกคนเป็นกันเอง ผมเชื่อว่าเรามีทีมที่ดี ผมเคยเห็นเพื่อนร่วมทีมเหล่านี้จากหน้าจอทีวี เช่น กรวิชญ์ ทะสา, เบนจามิน เจมส์ เดวิส และ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าวันหนึ่งผมจะมาเป็นเพื่อนร่วมทีมของพวกเขา (ยิ้ม)"
