นัดแรกของทั้งสองทีม ฝรั่งเศส วางสามประสาน อองตวน กรีซมันน์ - คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้, คาริม เบนเซม่า ล่าตาข่ายร่วมกัน ส่วน เดนมาร์ก มี คริสเตียน เอริคเซ่น เป็นหัวใจสำคัญ

ทีมเยือนเดนมาร์กเกือบทำช็อกเจ้าถิ่นตั้งแต่ 4 นาทีแรกเมื่อ แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก จ่ายบอลให้ โยอาคิม เมห์เล่ ยิงในเขตโทษด้วยซ้าย แต่บอลไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย 

นาที 13 ฝรั่งเศส เกือบขึ้นนำสุดๆ เมื่อ คาริม เบนเซม่า ทำชิ่งกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ก่อนได้หวดเน้นๆ ด้วยขวาในเขตโทษ ทว่าติดบล็อกนิดเดียว 

ฝรั่งเศส หาโอกาสได้อีกครั้งในนาที 30 อองตวน กรีซมันน์ ไหลบอลให้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ซัดด้วยขวาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย แต่ว่าติดเซฟของ แคสเปอร์ ชไมเคิล จากนั้นจบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0 

เริ่มครึ่งหลัง ฝรั่งเศส เปลี่ยนเอา เอ็มบั๊ปเป้ ที่มีปัญหาบาดเจ็บตั้งแต่ปลายครึ่งแรกออกแล้วส่ง คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ลงเล่นแทน 

นาที 51 กองเชียร์ในสต๊าด เดอ ฟร้องซ์ ก็ได้เฮกันเต็มที่กับประตูออกนำ 1-0 ของ ฝรั่งเศส เบนเซม่า ตามไปเก็บบอลทางฝั่งขวาก่อนทำชิ่งกับ เอ็นคุนคู แล้วตามไปเล่นด้วยการหลอกบอลหลบ 3 ผู้เล่นเดนมาร์กก่อนยิงด้วยซ้ายเข้าไปอย่างเหนือชั้น 

อีก 10 นาทีถัดมา เดนมาร์ก แก้เกมเปลี่ยนสำรองพร้อมกัน 3 คนส่ง อันเดรียส คอร์เนลิอุส, มิคเคล ดามส์การ์ด และ รามุส คริสเตนเซ่น ลงแทน แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก, ดาเนียล วาสส์ และ ยานนิค เวสเตอร์การ์ด ส่วน ฝรั่งเศส ก็เปลี่ยนเช่นกันเมื่อ ราฟาแอล วาราน บาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง วิลเลี่ยม ซาลีบา ลงสนาม

ปรากฏว่าเป็นเดนมาร์กที่ตามตีเสมอ 1-1 ในนาที 68  ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก ตักบอลข้ามแนวรับฝรั่งเศสเข้าเขตโทษไปให้ตัวสำรอง อันเดรียส คอร์เนลิอุส วิ่งยิงจังหวะเดียวไม่ต้องจับ อูโก้ โยริส สุดปัญหาที่จะเซฟได้

ฝรั่งเศส เกือบนำอีกรอบในนาที 80 เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ได้ยิงไกลหน้าเขตโทษ บอลหนีมือ ชไมเคิ่ล ได้แล้ว แต่ว่าชนเสาอย่างจัง คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ได้ซ้ำจังหวะสองด้วยการวอลเลย์ แต่ว่าบอลโด่งออกหลัง

ท้ายเกมนาที 89 กองเชียร์ฝรั่งเศสน้ำตาตกเมื่อเดนมาร์กพลิกนำ 2-1 จาก อันเดรียส คอร์เนลิอุส ที่รับบอลยาวก่อนเบียดชนะ วิลเลี่ยม ซาลีบา แล้วยิงแสกหน้า โยริส เข้าไปอย่างสุดยอด เป็นประตูที่สองของ คอร์เนลิอุส ในเกมนี้ และทำให้จบเกม เดนมาร์ก แซงชนะ ฝรั่งเศส 2-1