มินเนโซต้า ไวกิ้งส์ สร้างประวัติศาสตร์จากตามหลัง 33 คะแนนในช่วงครึ่งแรกกลับมาแซงชนะ อินเดียนาโพลิส โคลท์ส 39-36 ในช่วงต่อเวลาพิเศษเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คว้าแชมป์ดิวิชั่นเอ็นเอฟซีเหนือสมัยที่ 5 และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017 ตามรายงานจากเอ็นเอฟแอลเน็ตเวิร์ค

โคลท์ส เป็นฝ่ายนำ 33-0 ในช่วงพักครึ่ง ก่อน ไวกิ้งส์ จะสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคัมแบ็กกลับมาเป็นฝ่ายชนะ 39-36 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทำลายผลงานเดิมที่ บัฟฟาโล่ บิลล์ส เคยคัมแบ็ก 32 คะแนนกลับมาคว้าชัยชนะเหนือ ฮิวสตัน ออยเลอร์ส ในเกมเพลย์ออฟเมื่อปี 1992 

เควิน โอคอนเนลล์ นำมินเนโซต้าคว้าชัย 11 จาก 14 เกมในฐานะเฮดโค้ชปีแรก พร้อมนำ ไวกิ้งส์ คว้าแชมป์ดิวิชั่นเอ็นเอฟซีครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017 กล่าวหลังเกมว่า 'ผมพูดว่า 'แพท (แพทริค พีเทอร์สัน), คุณพูดถูกจริงๆ' นั่นคือสิ่งที่เราต้องการ ณ เวลานั้น มันน่าจะเป็นแรงจูงใจมากที่สุดที่ผมเคยท้าทายผู้เล่นของเรา'

'ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าไม่ว่าผลการแขังขันในวันนี้จะออกมาอย่างไร ครึ่งแรกนั้นไม่ดีพอ มันไม่มีทางยอมรับได้หากเป็นแบบนั้น ประเภทของผลงาน ไม่ว่าผลแข่งขันวันนี้จะเป็นอย่างไร'

'ไม่มีใครมีความสุขไปกว่านี้แล้วที่ได้แชมป์เอ็นเอฟซีเหนือ วิธีที่เราได้มันมา ผมคิดว่ายังคงอยู่กับเราหลายคนไปอีกนาน แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องกลับไปและตรวจสอบให้แน่ใจว่าเราจะแก้ไข' โอคอนเนลล์ กล่าว

เคิร์ค คัสซิ่นส์ ควอร์เตอร์แบ็ก ไวกิ้งส์ ขว้างคอมพลีต 34 จาก 54 ครั้ง ระยะ 460 หลา ทำ 4 ทัชดาวน์และเสีย 2 อินเตอร์เซปน์ โดยปีกนอก เค.เจ.ออสบอร์น รับบอล 10 ครั้ง ระยะ 157 หลา ทำ 1 สกอร์ ขณะที่ จัสติน เจฟเฟอร์สัน รับบอล 12 ครั้ง ระยะ 123 หลา ทำ 1 ทัชดาวน์ ส่วนอีกสองสกอร์เป็นผลงานของรันนิ่งแบ็ก ดัลวิ่น คู้ก และปีกนอก อดัม ธีเล่น