ที่ เอติฮัด สเตเดียม เป็นศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนเลิศนัดที่สอง ระหว่าง เรือใบสีฟ้า เปิดบ้านปะทะ ราชันชุดขาว โดยนัดแรกเสมอ 1-1

เริ่มเกมเป็นทางเจ้าบ้านครองเกมกดดันได้ดีกว่า นาทีที่ 7 ลุ้นก่อนเมื่อทาง โรดรี โยกเข้าเขตโทษทางขวาแต่จังหวะยิงหลุดเสาไกล

จากนั้นนาทีที่ 13 แมนฯ ซิตี้ พลาดโอกาสทอง แจ็ค กรีลิช เปิดจากทางซ้ายลอยข้ามแนวรับเข้าหัว เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ โหม่งติดติดเซฟ ติโบต์ กูร์กตัวส์

เรือใบสีฟ้า ลุยหนักมาก นาที 21 พลาดขึ้นนำอีกหน คราวนี้ มานูเอล อาคานยี ชงให้มาให้ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ คนเดิมโขกบอลไปเสาแรกแต่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ปัดด้วยมือเดียวส่งบอลออกหลัง

แต่นาที 23 เจ้าบ้านออกนำ 1-0 สำเร็จ โดยหนนี้เป็นการต่อบอลของ เควิน เดอ บรอยน์ แทงมาให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา หลุดเข้าเขตโทษทางขวาแล้วกดด้วยซ้ายเสียบตาข่าย

เล่นไปถึงนาที 35 เรอัล มาดริด เกือบตีเสมอจากจังหวะยิงไกลของ โทนี่ โครส กดด้วยขวาส่งบอลพุ่งโดนมือ เอแดร์ซอน ปัดชนคานอย่างจัง

กระนั้นนาที 37 สกอร์ขยับเป็น 2-0 แจ็ค กรีลิช แทงจากทางซ้ายเข้าเขตโทษ อิลคาย กุนโดกัน ยิงติดบล็อกบอลลอยเข้าศรีษะ แบร์นาร์โด้ ซิลวา โขกเสียบเสาขวามือ

ครึ่งหลังผ่านไปถึงนาที 51 โลส บลังโกส ได้โอกาสจากฟรีคิกหน้าเขตโทษเยื้องทางขวา ดาวิด อลาบา กดด้วยซ้ายทำเอา เอแดร์ซอน ต้องดีดตัวปัดบอลข้ามคานออกหลัง

เล่นไปถึงนาที 73 เรือใบสีฟ้า พลาดโอกาสฝังเมื่อทาง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ยิงติดเซฟ ติโบต์ กูร์กตัวส์ อย่างน่าเสียดาย

แต่นาที 76 สกอร์ขยับเป็น 3-0 เควิน เดอ บรอยน์ เปิดฟรีคิกจากทางซ้ายเข้าเขตโทษบอลลอยโดน เอแดร์ มิลิเตา เปลี่ยนทางเสียบตาข่าย ซึ่งทาง วีเออาร์ ตรวจสอบก่อนยืนยันให้ประตู

ช่วงทดเวลานาทีแรกเจ้าบ้านได้อีกลูกจากสองตัวสำรอง ฟิล โฟเดน แทงให้ ฮูเลียน อัลวาเรซ หลุดไปยิงผ่านผู้รักษาประตูไม่เหลือซาก

จบเกม แมนฯ ซิตี้ ชนะ เรอัล มาดริด 4-0 (สกอร์รวม 5-1) เข้ารอบชิงชนะเลิศไปดวล อินเตอร์ มิลาน วันที่ 10 มิถุนายนนี้