เจ้าถิ่นเยอรมันวาง ไค ฮาแวร์ตซ์ เป็นหน้าเป้า พร้อมมี ลีรอย ซาเน่, โฟลเรียน เวียร์ตซ์ และ แซร์จ นาบรี้ คอยปั้นเกม ส่วน ญี่ปุ่น นำมาโดย วาตารุ เอ็นโด, คาโอรุ มิโตมะ และ จุนยะ อิโตะ

เริ่มเกมมา 11 นาที ญีปุ่น เป็นฝ่ายออกนำก่อน 1-0 จากการต่อบอลกันสวยทางกราบขวาก่อนเป็น ยูกินาริ ซึกาวาระ ปาดเข้ากลางให้ จุนยะ อิโตะ ชาร์จเสาแรกเข้าไปอย่างเด็ดขาด

แต่เยอรมันตามตีเสมอ 1-1 ได้ในอีก 8 นาทีถัดมา โฟลเรียน เวียร์ตซ์ ไหลบอลเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้ ลีรอย ซาเน่ วิ่งมายิงด้วยซ้ายแบบไม่ต้องจับส่งบอลเข้าเสาไกลแม่นยำ

เจ้าถิ่นดีใจไม่นานก็โดน ญี่ปุ่น ยิงนำอีกเป็น 2-1 ในนาที 22 ยูกินาริ ซึกาวาระ ปาดบอลจากขวาเข้ากลางให้ จุนยะ อิโตะ ยิงจังหวะแรกโดนไม่เต็ม ทว่าเข้าทาง อายาเซะ อูเอดะ ปฏิกิริยาดีตั้งเท้าซ้ายกระแทกบอลตุงตาข่าย

ครึ่งหลัง ญี่ปุ่นมีจังหวะโต้กลับในนาที 70 ทาคูมะ อาซาโนะ หลุดเข้าเขตโทษก่อนยิงติดเซฟของ มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น เด้งเข้าทาง คาโอรู มิโตมะ ได้ซ้ำ แต่ก็ไม่ผ่านมือ แทร์ ชเตเก้น 

นาทีสุดท้ายเป็นญี่ปุ่นที่มาได้ประตู 3-1 จากการหลุดเดี่ยวของ ทาเกะฟุสะ คูโบะ ที่ฉกบอลจากผู้เล่นเจ้าถิ่นได้ ก่อนลุยเข้าเขตโทษและใจกว้างไหลให้ ทาคูมะ อาซาโนะ ยิงโล่งๆ ตุงตาข่าย 

ช่วงทดเจ็บ ทัพซามูไรได้อีกประตูปิดท้าย ทาเกะฟุสะ คูโบะ ลุยทางกราบขวาก่อนโยกหาจังหวะเปิดเข้ากลางให้ อาโอ ทานากะ โหม่งเช็ดส่งบอลเบียดเสาไปอย่างแม่นยำ 

ทำให้จบเกมเป็น ญี่ปุ่น ย้ำแค้นเอาชนะเยอรมันถึงถิ่น 4-1 หลังจากเพิ่งชนะในฟุตบอลโลก 2022 และทำให้ทัพอินทรีเหล็กแพ้ถึง 4 จาก 5 นัดหลังสุดและทำให้เก้าอี้กุนซือของ ฮันซี่ ฟลิค ร้อนหนักยิ่งกว่าเดิม