เริ่มด้วยเกมที่เอสตาดิโอ เดเฟนโซเรส เดล ชาโก้ กรุงอาซุนซิโอน ประเทศปารากวัย เจ้าถิ่นดวล ‘โลส กาเฟเตโรส’ ของ ดีอาซ ที่เกมนี้สตาร์ตปีกซ้าย 

ประตูโทน 1-0 เป็นของทีมเยือน จากจุดโทษนาที 11 โดย ราฟาเอล บอร์เร่ ยิงโด่งเข้าตรงกลาง ขณะที่สตาร์ ‘หงส์แดง’ ได้โอกาสทองนาที 57 ได้ส่องหน้ากรอบฝั่งขวาแบบไร้ตัวประกบแต่โดนนายด่านเจ้าถิ่นซูเปอร์เซฟ 

จบเกม โคลอมเบีย มี 12 แต้มอยู่อันดับ 3 ตาราง ซึ่งหลังจบแมตช์ ดีอาซ พร้อมครอบครัวคณะใหญ่จะขึ้นเครื่องบินเช่าเหมาลำบินตรงสู่เมอร์ซี่ย์ไซด์ เพราะถือว่าสโมสรออกงบประมาณรับขวัญหลังผ่านช่วงเวลายากลำบากบิดาโดนลักพาตัวไปกว่า 12 วัน

ตามมาด้วยอีกคู่ที่ เอสตาดิโอ เซนเตนารีโอ กรุงมอนเตวิเดโอ ประเทศอุรุกวัย ทางเฮดโค้ช มาร์เซโล่ บีเอลซ่า ของเจ้าถิ่นให้ 3 แข้งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลงตัวจริงนอกจาก นูนเญซ หอกเป้า

ก็มี ฟากุนโด เปยิสตรี้ ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยืนปีกขวา และกองกลาง โรดรีโก้ เบนตานกูร์ แข้ง สเปอร์ส ปักหลักเบอร์#6 ลงดวล โบลิเวีย 

เพียง 15 นาที ‘เซเลสเต้’ ขึ้นนำ 1-0 ปีก ยูไนเต็ด เปยิสตรี้ หลุดไปในกรอบฝั่งขวาสุดเส้นตบย้อนให้ นูนเญซ หอก ‘หงส์แดง’ แปยัดหกหลาไม่พลาด 

https://twitter.com/Uruguay/status/1727115791743791363

ลูก 2-0 มาจากการทำเข้าประตูตัวเองของ กาเบรียล วียามิล นาที 39 และปิดกล่อง 3-0 นาที 71 บอลตักจากขวาลึกไปที่เสาไกล นิโกลัส เด ลา กรูซ โขกย้อนตั้งให้ นูนเญซ โหม่งเผาขนไม่พลาด

ช่วงที่เหลือ นูนเญซ โดนถอดพักนาที 73, เปยิสตรี้ ออกนาที 77 และ เบนตานกูร์ ออกนาที 86 จบเกม 'จอมโหด' ชนะ 3-0 มี 13 แต้มแซง อาร์เจนตินา ขึ้นอันดับ 1 ก่อนที่คู่ 'ฟ้า-ขาว' เยือน บราซิล เตะจบ

ภาพรวมจากทั้งสองเกมไม่มีผู้เล่นจากพรีเมียร์ฯ บาดเจ็บคงพร้อมแข่งสุดสัปดาห์โดยเฉพาะสมาชิก ลิเวอร์พูล มีเดิมพันจ่าฝูงเยือน แมนฯ ซิตี้ (25 พ.ย.)