จ่าฝูง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ส่ง อุสมาน เดมเบเล่, คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้ และ กอนซาโล่ รามอส เล่นเกมรุกร่วมกัน ส่วน โมนาโก มี โฟลาริน บาโลกุน, ทาคูมิ มินามิโนะ และ อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน เล่นเกมรุก ทว่า ยุสซูฟ โฟฟาน่า ติดโทษแบน

นาที 18 ปารีส เป็นฝ่ายออกนำก่อน 1-0 จากจังหวะที่ อุสมาน เดมเบเล่ ได้บอลฝั่งขวาก่อนโยกแล้วยิงด้วยซ้าย ฟิลิปป์ เคิห์น รับจังหวะแรกกระฉอก กอนซาโล่ รามอส ที่จ้องอยู่แล้วจึงได้จิ้มจ่อๆ ส่งบอลตุงตาข่าย

แต่ โมนาโก ก็ตามตีเสมอ 1-1 ได้เร็วในอีก 4 นาทีถัดมา โฟลาริน บาโลกุน ไล่กดดันจน จานลุยจิ ดอนนารุมม่า เปิดบอลไม่ดีไปติด ทาคูมิ มินามิโนะ ที่ดักบอลในเขตโทษก่อนได้ยิงสวนด้วยซ้ายตุงตาข่าย

เจ้าถิ่นมานำอีกรอบในท้ายครึ่งแรกนาที 39 เมื่่อได้จุดโทษในจังหวะที่ อุสมาน เดมเบเล่ จิ้มบอลได้ก่อน ซูนกูตู มากัสซ่า ทำให้โดนหวดเข้าเต็มลำตัว คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ รับหน้าที่สังหารไม่พลาดเป็น 2-1

ครึ่งหลังนาที 47 โมนาโก เกือบตีเสมอได้ อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน ผ่านบอลให้ ทาคูมิ มินามิโนะ ได้ยิงด้วยขวาในเขตโทษ แต่ว่าติดเซฟ ดอนนารุมม่า

เปแอสเช เป็นฝ่ายที่มาหนีเป็น 3-1 ในนาที 70 จากความสุดยอดของ เดมเบเล่ ที่รับบอลยาวด้วยการเกี่ยวข้างเท้าซ้ายเข้าเขตโทษฝั่งขวา ก่อนตัดสินใจซัดมุมแคบด้วยขวา ส่งบอลพุ่งสวยเข้าเสาแรกอย่างสะใจ

สกอร์ไหลเป็น 4-1 ในอีก 2 นาทีถัดมา เอ็มบั๊ปเป้ ได้บอลฝั่งซ้ายก่อนจ่ายให้ วิตินญ่า จัดการปั่นด้วยขวาจากหน้าเขตโทษ บอลโค้งเช็ดเสาไกลเข้าไปงามหยด ฟิลิปป์ เคิห์น นายทวารทีมเยือนหมดสิทธิ์อีกครั้ง 

โมนาโก พยายามฮึดสู้และไล่มาเป็น 4-2 ในนาที 75 ทาคูมิ มินามิโนะ ไหลลอลตัดกองหลังให้ โฟลาริน บาโลกุน สปีดตามเข้าเขตโทษก่อนซัดด้วยขวาสวนตัว ดอนนารุมม่า เข้าเสาแรก

เจ้าถิ่นพยายามไล่ตีเสมอให้ได้ แต่ทดเจ็บวินาทีสุดท้ายกลับเป็น เปแอสเช ที่มาได้ประตูย้ำชัย 5-2 จาก ร็องดาล โกโล มูอานี่ ทำให้จบเกมที่สกอร์นี้ เปแอสเช จึงเก็บเพิ่มเป็น 30 คะแนน ทิ้งห่าง นีซ เป็น 4 คะแนนชั่วคราว