ราฮีม มอร์ริส หวนคืนแอตแลนต้าอีกครั้ง หลังโค้ชทีมรับของ แอลเอ แรมส์ ถูกดึงกลับมาทำงานฐานะหัวหน้าโค้ชคนใหม่ของ ฟอลค่อนส์ ตามราบงานจาก ทอม เพลิสเซโร่ เครือข่ายเอ็นเอฟแอลเน็ตเวิร์คเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

มอร์ริส เคยทำงานฐานะผู้ช่วยหัวหน้าโค้ชและผู้ประสานงานเกมขว้างในช่วงที่ 2015-2019 ต่อด้วยโค้ชปีกนอกระหว่างปี 2016-2019 จากนั้นเขาก้าวขึ้นมาเป็นโค้ชทีมรับในปี 2020 และทำหน้าที่รักษาการเฮดโค้ชในปีดังกล่าวหลังการปลด แดน ควินน์ ออกจากตำแหน่ง โดยทำสถิติ 4-7 จากการคุมทีมลงสนาม 11 เกม 

แรมส์ จะดึงมารับตำแหน่งโค้ชทีมรับในปี 2021 ตลอดช่วง 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งโค้ชวัย 47 ปีทำผลงานดีและได้รับการยกย่องอย่างสูงจนกระทั่ง ฟอลค่อนส์ ดึงไปรับตำแหน่งหัวหน้าโค้ชคนใหม่ และกลายเป็นเฮดโค้ชผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์แฟรนไชส์แห่งนี้่ 

'ผมดีใจมากสำหรับโอกาสสำหรับครอบครัวของผมและตัวผมที่จะกลับไป แอตแลนต้า ในตำแหน่งหัวหน้าโค้ช ฟอลค่อนส์' มอร์ริส กล่าวในแถลงการณ์ 'เรารู้จากประสบการณ์โดยตรงถึงสิ่งที่องค์กรระดับ เฟิร์ส-คลาส อย่าง แอตแลนต้า เป็น และทีมนี้มีความหมายของเมืองและแฟนๆอย่างไร'

'ผมซาบซึ้งอย่างยิ่งต่อ อาร์เธอร์ แบลงค์ สำหรับความเป็นผู้นำของเขาและสำหรับองค์กรทั้งหมดนี้ที่ไว้วางใจในตัวผมในการช่วยนำทีมนี้ ผมไม่สามารถขอบคุณองค์กร แรมส์ ได้เพียงพอสำหรับประสบการณ์และโอกาสร่วมกับทีม จากครอบครัวโครเอนกี้, เควิน ดีมอฟฟ์, เลส สนีด, ฌอน แม็คเวย์ และทีมสตาฟฟ์ทั้งหมด ครอบครัว แรมส์ เป็นองค์กรชั้นนำทั่วทุกแห่ง เรารักช่วงเวลาของเราใน แอลเอ รักแฟนๆ และรู้ว่า แรมส์ ยังคงมีอนาคตที่สดใสต่อไป'

มอร์ริส และผู้จัดการทั่วไป เทอร์รี่ ฟอนเทอโนต์ จะรายงานตรงต่อเจ้าของทีม แบลงค์ โดยไม่ต้องผ่านซีอีโอ ริช แม็คเคย์ เช่นเดียวกับโครงสร้างบริหารก่อนหน้านี้ โดย ริช ยังคงเป็นซีอีโอของ AMB Sports and Entertainment โดยเป็นตัวแทนขององค์กร ฟอลค่อนส์ ในเรื่องลีกและทำหน้าที่ในคณะกรรมการการแข่งขันของเอ็นเอฟแอล

'นี่เป็นวันประวัติศาสตร์สำหรับ แอตแลนต้า ฟอลค่อนส์ หลังการค้นหาอย่างครอบคลุม เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ ราฮีม มอร์ริส กลับมาที่แอตแลนต้าในฐานะหัวหน้าโค้ชคนใหม่ของทีม' แบลงค์ กล่าวในแถลงการณ์

'ด้วยประสบการณ์ 26 ปีในเอ็นเอฟแอล รวมถึง รวมถึง 3 คนสุดท้ายในองค์กรที่โดดเด่นที่คว้าแชมป์ลีกของเราในเวลานั้น ราฮีม โผล่ขึ้นมาจากกลุ่มแคนดิเดตที่ยอดเยี่ยมและเป็นผู้นำที่เหมาะสมในการนำทีมของเราไปสู่อนาคต เวลาของเขาใน แอลเอ ทำให้เขามีมุมมองที่ดีขึ้นในทุกอย่างตั้งแต่ บุคลากร การดำเนินการของทีม การวางแผนเกม การทำงานร่วมกับสตาฟฟ์ทีมบุกที่โดดเด่น และอื่นๆอีกมากมายที่ช่วยให้เขาพัฒนาเป็นโค้ชที่เตรียมพร้อมมากขึ้นในทุกด้านของเกม'

'ผมเชื่อว่าทักษะความเป็นผู้นำของเขาเติบโตขึ้น และความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องมีในการมีวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันอย่างมากที่ตอนนี้อยู่ในระดับที่สูงมาก'