‘สิงห์บลูส์’ ขึ้นนำก่อนสองประตูจาก กัลลาเกอร์, จุดโทษของ โคล พาลเมอร์ ทว่าโดน ยูไนเต็ด รัวแซงโดย อเลฮานโดร การ์นาโช่, บรูโน่ แฟร์นันด์ส และ การ์นาโช่ อีกเม็ด จนเจ้าถิ่นตามหลัง 2-3 

นั่นทำให้ 20 นาทีสุดท้าย โปเช็ตติโน่ เปลี่ยนแปลง 5 คนไล่เรียงลงไป จนรูปเกมกระเตื้องขึ้นได้ขึงใส่คู่แข่งในช่วงทดเจ็บแล้วก็เป็น พาลเมอร์ เหมาทำอีกสองประตูจากจุดโทษ และรับบอลเปิดเตะมุมสั้น นาที 90+10 กับ 90+11 ตามลำดับส่งทีมเฮ 4-3 พร้อมเป็นแฮตทริกของเจ้าตัว 

ความเร้าใจแบบเกือบหลับแต่กลับมาได้คือสัญญาณบวกว่า เชลซี ทีมนี้พร้อมเอาชนะได้ทุกค่าย ก็หวังต่อยอดใน 9 แมตช์เดย์สุดท้าย 

“ว้าว! มันเป็นเกมที่บ้าคลั่งมาก” การเปิดปากกับ ‘เชลซี ทีวี’

“มันยอดเยี่ยมที่คว้า 3 คะแนนในบั้นปลาย และพวกพ้องแสดงบุคลิกภาพที่ยังไม่ทิ้งเกม พยายามบดเอาประตูจนได้” 

“ถือเป็นแมตช์ที่บ้ามาก แต่ผมก็คิดตลอดเรามีโอกาสที่จะกลับมาสู่เกม” 

“เรามีโอกาสจริงๆ ก็คิดว่าลูกพี่เปลี่ยนตัวสำรองลงมาดีด้วย อย่าง โนนี่ มาดูเอเก้ แทนผม”

“เขาเด่นเมื่ออยู่สถานการณ์ดวลตัว-ต่อ-ตัว แสดงมันออกมาจนเราเรียกจุดโทษที่สองของเกม”

“ดังนั้นต้องยกความดีความชอบแก่เจ้านายและเพื่อนพ้องคนอื่นๆจากม้านั่งสำรอง เป็นผลงานที่เจ๋งมากจากพวกเขา” 

สำหรับ พาลเมอร์ ที่ทำแฮตทริกคืนวานนี้คือหนที่ 200 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไฮไลต์ก่อนนั้นครั้งที่ 100 ของ ยอห์น คาริว หอก แอสตัน วิลล่า (2008), ครั้งที่ 50 จาก ไมเคิ่ล โอเว่น ครั้งเป็นเด็กมหัศจรรย์ของ ลิเวอร์พูล (1998) และปฐมฤกษ์จาก เอริก คันโตน่า สมัยค้าแข้งให้ ลีดส์ (1992)